วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ยิ้มสวยมั่นใจอย่างดาราฮอลลีวู้ด



ยิ้มสวยมั่นใจอย่างดาราฮอลลีวู้ด (Health Plus)

การไปนอนอ้าปากให้หมอทำฟันเพียงไม่กี่ครั้งช่วยให้คุณดูเด็กลงได้จริงหรือทันตกรรมความงามคือเทรนด์ใหม่ที่ช่วยกระชากวัยได้ว่าแต่มันคุ้มค่าน่าลองจริงหรือเปล่า เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน...

ลืมศัลยกรรมพลาสติกไปได้เลย หากคุณอยากให้หน้าดูเด็กลง ทันตกรรมความงามคือคำตอบที่ดี คุณไม่ต้องไปเที่ยวเสียเสาะหาข้อมูลดังกล่าวตามลำพังที่ไหนอีกแล้ว ที่สำคัญทันตกรรมความงามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในแวดวงของชาวฮอลลีวู้ดอีกต่อไป เพราะคุณเองก็สามารถไปพบทันตแพทย์ให้ยกเครื่องช่องปากซึ่งจะช่วยพาคุณย้อนเวลากลับสู่ความอ่อนเยาว์ได้

เหตุใดฟันคนเราจึงเผยให้เห็นอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้ นั่นเพราะเมื่ออายุมากขึ้น ฟันจะเริ่มสึก พื้นที่บริเวณใบหน้าระหว่างจมูกและคางเล็กลง ฟันดำขึ้นตามอายุ (เป็นผลมาจากการดื่มไวน์และชาต่อเนื่องกันมายาวนานหลายปี) เหงือกร่นจึงทำให้ฟันดูยาวขึ้น

ขณะที่ฟันในวัยหนุ่มสาวจะเรียงเป็นระเบียบและขาวกว่า ทำให้ดูมีสุขภาพดีและชวนมอง ยิ่งไปกว่านั้นฟันที่ขาวสวยช่วยให้ยิ้มได้อย่างมั่นใจ จึงทำให้อารมณ์และหน้าตาดูดีขึ้น

วิธีรักษาฟันมีให้เลือกมากมายซึ่งก็ขึ้นกับความต้องการที่แตกต่างกัน และขึ้นกับเงินในกระเป๋า หากคิดว่าการยกเครื่องช่องปากช่วยชะลอความชราได้ นี่คือข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ

ฟอกฟันขาว (Teeth whitening and bleaching)

ช่วยลดคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่ที่ฟัน รวมถึงสีของฟันที่เปลี่ยนไป ซึ่งการฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันขาวขึ้น รอยยิ้มดูสดใส

วิธีการ

การฟอกสีฟันต้องพิมพ์ปากทำถาดฟอกสีฟันสำหรับใส่สารละลายไฮโดรเจนเพอร็อกไซด์ โดยถาดฟอกสีฟันต้องแนบพอดีกับตัวฟันและเหงือก ส่วนการใช้แสงเลเซอร์ฟอกสีฟันจะเป็นการใช้เจลฟอกสีฟันทาที่ฟัน แล้วจึงใช้แสงเลเซอร์กระตุ้น

ผลลัพธ์ที่ได้

สีฟันจะขาวสว่างขึ้น 2-3 เฉดขึ้นกับโครงสร้างของฟันและชนิดของวิธีที่ใช้

ข้อดี

ไม่รู้สึกเจ็บ ราคาไม่แพง ทำให้ฟันขาวขึ้นและดูสดใสได้ทันที

ข้อเสีย

ไม่ถาวร ฟันจะขาวอยู่แค่ 1 หรือ 2 ปี ขึ้นกับอาหารและเครื่องดื่มที่กิน รวมถึงความสะอาดในช่องปาก นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะสั้นเช่น แผลในช่องปาก เจ็บเหงือกและฟัน แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองในไม่ช้า

Health Plus Fact

การดื่มชากาแฟมากเกินไปจะทำให้ฟันเป็นคราบสีเหลืองๆ และถ้ายิ่งเป็นชาหรือกาแฟร้อนก็ยิ่งทำให้เกิดคราบฝังลึกมากขึ้น

การอุดฟันสีขาว (White fillings)

บางคนเลือกอุดฟันสีขาวแทนสีเงิน

วิธีการ

การอุดฟันสีขาวใช้แทนการอุดฟันแบบเก่า ทันตแพทย์จะกรอฟันที่อุดเก่าไว้ออก จากนั้นจะใส่วัสดุอุดฟันสีขาวคอมโพสิต (composite) ที่มีสีเหมือนฟันลงไป เมื่ออุดฟันแล้ว ก็จะทำการขัดแต่งวัสดุอุดฟันสีขาวนั้นให้กลมกลืนกับรูปร่างเดิมของฟัน

ผลลัพธ์ที่ได้

คอมโพสิตเหมาะกว่าวัสดุอุดฟันสีเงิน เพราะมองไม่เห็นวัสดุอุดฟันเวลายิ้มหรือหัวเราะ จึงเป็นการอุดเพื่อความสวยงาม

ข้อดี

กลมกลืนกับสีฟัน จึงมองไม่เห็นวัสดุที่อุดฟัน ขณะที่บางคนบอกว่าการอุดแบบคอมโพสิตไม่มีโลหะเป็นส่วนผสมที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ข้อเสีย

การอุดฟันแบบนี้มีความคงทนน้อยกว่าการอุดด้วยโลหะ

การครอบฟัน (Crowns)

การบดเคี้ยวอาหาร อายุที่เพิ่มมากขึ้น การอุดฟัน และฟันผุ ล้วนมีส่วนทำให้ฟันสึก เกิดรอยร้าว หรือบิ่น นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องครอบฟัน

วิธีการ

ทันตแพทย์จะกรอฟันเพื่อเป็นฐานให้แก่ฟันที่จะนำมาครอบฟัน จากนั้นจะพิมพ์ฟันเพื่อทำแบบจำลอง และส่งแบบจำลองไปยังห้องแล็บเพื่อทำฟันที่นำมาครอบฟัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการรักษารากฟันก่อนจะนำฟันมาครอบถาวรต่อไป

ผลลัพธ์ที่ได้

การครอบฟันจะทำให้ได้รูปร่างและขนาดของฟันที่ถูกครอบพอเหมาะ ทำให้ฟันดูดีและช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฟัน

ข้อดี

ถ้าคุณเลือกครอบฟันแบบใช้โลหะสีทอง ทันตแพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องกรอเนื้อฟันที่ดีออก ส่วนครอบฟันแบบพอร์ซเลนจะดูเป็นธรรมชาติและมีสีใกล้เคียงกับสีฟันจริงของคุณ

ข้อเสีย

ข้อเสียที่สุดของการครอบฟันแบบใช้โลหะสีทองคือทำให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด ขณะที่ความหนาของพอร์ซเลนซึ่งทำให้ครอบฟันดูเป็นธรรมชาติ อาจทำให้ทันตแพทย์ต้องกรอฟันออกไปมาก และเพราะพอร์ซเลนแข็งกว่าโลหะสีทอง จึงอาจทำให้ฟันที่ครอบผุได้ง่าย

Health Plus Fact

ยอดขายยาสีฟันไวท์เทนนิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็น 3 เท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นั่นชี้ให้เห็นว่ามีคนมากมายที่อยากมีฟันขาวยิ่งขึ้น เพื่อรอยยิ้มที่สวยงามมั่นใจ

การเคลือบผิวหน้าฟัน (Veneer)

เป็นการติดแผ่นพอร์ซเลนบาง ๆ ที่ผิวด้านหน้าฟัน (คล้ายการติดเล็บปลอม) และมักใช้เป็นทางเลือกหนึ่งแทนการครอบฟัน

วิธีการ

ตรวจวินิจฉัยและการเตรียมฟันโดย ทันตแพทย์ ติดพอร์ซเลนวีเนียร์บนผิวฟัน จากนั้นติดตามผลการรักษา

ผลลัพธ์ที่ได้

พอร์ซเลนวีเนียร์ใช้แก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟัน เช่น แก้ไขปัญหาสีและรูปร่างของฟัน เช่น ฟันมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป ผิวฟันไม่เรียบ รวมถึงฟันที่ถูกทำลายเช่น ฟันกร่อน ฟันสึก หรือแตกหัก

ข้อดี

ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชา ทันตแพทย์ไม่ต้องกรอฟันออกจำนวนมาก คราบสีต่างๆ เช่นคราบอาหาร บุหรี่ ชา กาแฟติดยาก แข็งแรงทนทานอยู่ได้นานถึง 10-15 ปี ทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวฟันอีกด้วย

ข้อเสีย

การติดพอร์ซเลนวีเนียร์อาจมีอาการเสียวฟันได้ ต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงคุ้นเคยกับวีเนียร์ บางครั้งสีผิวของฟันอาจผิดเพี้ยนจากสีฟันธรรมชาติของคุณเล็กน้อยถ้ามองในระยะใกล้

สะพานฟัน (Dental bridges)

สะพานฟันเป็นฟันปลอมที่เชื่อมระหว่างครอบฟันพอร์ซเลนเพื่อเติมเต็มพื้นที่ของฟันที่หายไป

วิธีการ

ทันตแพทย์ตรวจฟันและฉีดยาชาบริเวณฟันที่จะกรอก่อนทำสะพานฟัน กรอฟันเพื่อเป็นฐานให้แก่สะพานฟันหากฟันที่เป็นฐานมีการอุดฟันไว้ ส่วนที่ถูกอุดฟันจะถูกดึงออก เนื่องจากจะมีการทำครอบฟันลงไปแทนที่ พิมพ์ฟันเพื่อทำแบบจำลองสำหรับทำสะพานฟัน

ผลลัพธ์ที่ได้

ช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคเหงือก ช่วยแก้ปัญหาการบดเคี้ยว รวมถึงการพูดหรือออกเสียงให้ดีขึ้น

ข้อดี

ฟันที่ทำดูเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาไปพบทันตแพทย์แค่ประมาณ 2 ครั้ง ทำแล้วอยู่ได้นานถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น

ข้อเสีย

ราคาแพง และอาจมีอาการเสียวฟันในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการรักษา หากทานของเย็นจัดหรือร้อนจัด

ทันตกรรมรากเทียม (Dentalimplants)

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป

วิธีการ

ทันตแพทย์จะฝังวัสดุที่ทำจากไทเทเนียมมีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร โดยมีการฉีดยาชา การทำรากฟันเทียมช่วยให้ฟันปลอมภายในช่องปากทั้งชนิดถอดได้และ ชนิดติดแน่นยึดเกาะได้ดีขึ้น โดยอาจใช้รากเทียมเพื่อการใส่ฟันปลอมหนึ่งซี่หรือมากกว่านั้น

ผลลัพธ์ที่ได้

รากเทียมกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่สะพานฟัน เพราะสะพานฟันมีข้อจำกัดอยู่บางประการนั่นคือ ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อเป็นหลักยึดของสะพานฟัน ทำให้สูญเสียเนื้อฟันธรรมชาติไป ส่วนรากเทียมจะทำให้คุณมีฟันซี่ใหม่ที่สวยงาม ใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ

ข้อดี

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอายุการใช้งานยาวนานหากดูแลรักษาเป็นอย่างดี แม้ว่าฟันปลอมหรือคอรบฟันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนทุก 10-15 ปี

ข้อเสีย

ใช้เวลานานในการรักษา มีราคาแพง มีโอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมนี้ แม้จะน้อยมากก็ตาม และหลังทำแล้วหากดูแลฟันไม่ดี ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคเหงือกได้

เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม


เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม (เดลินิวส์)

สาว ๆ ทุกคนก็คงอยากที่จะมีขาที่เรียวงามทั้งนั้น (ไม่ต้องเพรียวเหมือนนางแบบ แต่ต้องไม่เป็นท่อนซุง เท่านั้นเป็นใช้ได้) แต่วิธีที่จะมีเรียวขาที่สวยงามนั้น นอกจากจะได้มาจากบุญเก่าแล้ว อีกวิธีหนึ่งนั่นคือ การออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงามของคุณมาฝากกันค่ะ

ท่าบริหารบั้นท้าย : เป้าหมายคือขาอ่อนส่วนหน้าและกำจัดบั้นท้ายหนา โดยออกกำลังกล้ามเนื้อที่ก้น

วิธีทำ : ยืนแยกขา งอเข่าเล็กน้อย หลังตรง มือเท้าสะเอว งอเข่าทำมุมเก้าสิบองศาแล้วเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนตัวค้อมลงมาหาขาอ่อน ส้นเท้าแนบพื้น ลดตัวลงไปกระทั่งก้นอยู่ในระดับเดียวกับเข่า เกร็งไว้หนึ่งวินาที จากนั้นค่อย ๆ หวนกลับมาท่ายืน ทำซ้ำ 20 ครั้ง

ท่ายืดเส้นสายขาอ่อน : เป็นท่าทำยากแต่ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อขาอ่อน หน้าขาและหลังขาแข็งแรงก็คุ้มค่าน่าทำ

วิธีทำ : ยืนตรงยื่นขาหนึ่งไปข้างหน้า ตัวตรง หน้าท้องแขม่ว งอเข่าลงทิ้งน้ำหนักที่ส้นเท้าเพื่อใช้งานกล้ามเนื้อสะโพก เกร็งไว้หนึ่งวินาที แล้วค่อย ๆ กลับท่าเดิม ทำซ้ำ 15 ครั้ง จากนั้นทำกับขาอีกข้าง 15 ครั้งเช่นกัน

ขาอ่อนปราดเปรียว : เป็นท่าที่เหมาะสำหรับออกกำลังขาอ่อนด้านใน

วิธีทำ : นอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาพาดพื้น ขาซ้ายตรง ค่อย ๆ ยกขาซ้ายขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วยกลง ทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง แล้วสลับกับขาอีกข้าง

20 เคล็ดลับ ผิวสวยรับลมหนาว





20 เคล็ดลับ ผิวสวยรับลมหนาว (สุดสัปดาห์)

เตรียมผิวหน้าและผิวกายให้พร้อมสวยรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึงกันเถอะ

1. เมื่ออากาศหนาวมาเยือน ความชื้นในอากาศจะลดลง ร่างกายจึงดึงน้ำมาใช้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแห้งหรือแตกเป็นขุยได้ง่าย สิ่งแรกที่ต้องทำคือการดื่มน้ำเปล่า (ไม่เย็น) ให้เยอะขึ้น เพราะร่างกายจะดูดซึมน้ำเปล่าเข้าสู่เซลล์ได้รวดเร็วกว่าน้ำชนิดอื่น

2. หากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ใช้อยู่มีเนื้อบางเบาเหมาะสำหรับอากาศร้อน ขอให้เก็บเข้าตู้เย็นไปก่อน แล้วยอมลงทุนเพิ่มอีกหน่อย ซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเข้มข้นหรือที่เป็น Oil Base มาใช้ พอหน้าหนาวผ่านไปค่อยหยิบของเดิมกลับมาใช้จะเวิร์คกว่า

3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าชนิดเซรั่มหรือเอสเซ้นซ์ มาบำรุงผิวก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์ นอกจากเนื้อบางเบาซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายแล้ว ยังช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นด้วย

4. นวดหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตและน้ำมันใต้ผิวตามธรรมชาติ ให้หล่อเลี้ยงผิวดีขึ้น

5. ถ้าปกติแล้วขัดผิวกายสัปดาห์ละครั้ง ขอให้ยืดเวลาออกเป็น 2 – 3 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นใต้ผิวไว้ และเลือกผลิตภัณฑ์สครับที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยสังเกตง่ายๆ ว่าหลังใช้ผิวจะไม่แห้งตึง แต่ถ้ามีอาการผิวแตกเป็นขุย ขอให้หลีกเลี่ยงการขัดผิวไปก่อนจะดีกว่า

6. ถึงแม้อากาศจะหนาวแค่ไหน ก็ต้องข่มใจไว้ ไม่อาบน้ำที่ร้อนจัด (เกิน 34 องศาเซลเซียส) เพราะไขมันที่เคลือบตามผิวหนังจะถูกล้างออกไปได้มากกว่าปกติ

7. หลังอาบน้ำหรือล้างหน้า ใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ ไม่จำเป็นต้องให้แห้งสนิท ลูบไล้ผลิตภัณฑ์บำรุงแล้วปล่อยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว

8. ถ้าไม่ชอบทาครีมเพราะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ หลังอาบน้ำให้รีบชโลมออยล์ทั่วเรือนร่าง แล้วซับตัวด้วยผ้าขนหนูเบา ๆ

9. หากอยากผ่อนคลาย แช่ตัวในน้ำอุ่น ให้แช่ได้ไม่เกิน 10 นาที แล้วอย่าลืมหยดออยล์หรือครีมน้ำนมลงในอ่างน้ำด้วย

10. เคล็ดลับฟื้นฟูผิวแห้งเป็นขุยเบื้องต้น ให้นำผ้าขนหนูหรือผ้าสำลีชุบนมรสจืดเย็น ๆ มาวางบนผิวหนังส่วนที่แห้งหรือระคายเคือง ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก กรดแล็กติกในนมจะลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออก และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง

11. ในระหว่างวันให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดพรมทั่วใบหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมความรู้สึกสดชื่น

12. ช่วงนี้ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ที่ระบุไว้สำหรับผิวแห้งโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์หรือเนื้อครีมเข้มข้นสูง (เนื้อบัตเตอร์) ส่วนเนื้อโลชั่นจะเหมาะกับช่วงหน้าร้อนมากกว่า

13. มาสก์หน้าสัปดาห์ละครั้ง โดยนำแผ่นมาสก์หน้าไปแช่ตู้เย็นก่อนใช้ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูผิวแล้วยังช่วยกระชับรูขุมขนด้วย

14. สูตรมาสก์หน้าโฮมเมดทำเองง่าย ๆ คือ อะโวคาโดบดครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 1-4 ถ้วย จนเข้ากัน พอกทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า น้ำมันจากอะโวคาโดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

15. ในตอนเช้าแค่ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ไม่จำเป็นต้องล้างด้วยสบู่ เพื่อรักษาน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติ

16. เปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเนื้อโฟม มาเป็นเนื้อครีมหรือออยล์จะเหมาะกับสภาพผิวมากกว่า

17. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผสมกรดต่าง ๆ เช่น AHA BHA เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้

18. พกลิปบาล์มติดกระเป๋าไว้เสมอ หากเนื้อลิปบาล์มบนริมฝีปากเริ่มแห้งเมื่อไรให้รีบหยิบมาทาทันที

19. ถึงแม้ช่วงฤดูหนาวจะไม่ค่อยมีแสงแดด สาว ๆ ก็ยังต้องใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดเหมือนในฤดูร้อนเพราะไม่ว่าเวลาไหน รังสียูวีก็ยังมีอยู่ทุกที่

20. ผิวบริเวณส้นเท้าจะแตกได้ง่ายขึ้น จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท้าลูบไล้ให้ทั่ว เน้นบริเวณส้นเท้าเป็นพิเศษ แล้วใช้แป้งเด็กทาบาง ๆ เพื่อดูดซับความมันก่อนสวมรองเท้าหุ้มส้น

ยาก่อน-หลังอาหาร กินอย่างไร



ยาก่อน-หลังอาหาร กินอย่างไร (ชีวจิต)

บางครั้งที่คุณป่วยและต้องขอยาจากหมอมาบรรเทา ยาที่หมอจ่ายจะระบุว่าต้องกินก่อนหรือหลังอาหาร คุณก็ควรปฏิบัติตามนั้นด้วยค่ะ

ยาก่อนอาหาร คือ ยาที่ละลายได้ดีในสภาวะเป็นกรด กระเพาะอาหารของเราขณะที่ท้องว่าง จะมีน้ำย่อยซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกรด เมื่อเรากลืนยาลงสู่กระเพาะ ก็จะละลายและดูดซึมได้ดี ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ ยาประเภทนี้ควรรับประทานก่อนอาหารประมาณ 30 นาที

ส่วน ยาหลังอาหาร มักเป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือกัดกระเพาะ หรือบางตัวถ้าหากรับประทานขณะท้องว่า ฤทธิ์ของยาจะถูกทำลายด้วยกรดจากน้ำย่อยในกระเพาะทำให้ยาขาดประสิทธิภาพ ยาประเภทนี้จึงควรรับประทานหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วประมาณ 15 – 30 นาที เพื่อให้อาหารย่อยไปสักครู่ก่อน ยาจะได้ดูดซึมพร้อม ๆ กับอาหารพอดี

แสงแดด...ป้องกัน โรคกระดูกพรุน



แสงแดด...ป้องกันโรคกระดูกพรุน (Mcot)

แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่รักความสวยความงาม จึงสรรหาวิธีต่าง ๆ ที่จะนำมาพิชิตแสงแดด ทั้งทาครีมกันแดด กางร่ม หรือใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวพรรณอย่างมิดชิด

แต่รู้หรือไม่ว่าแสงแดดช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ เพราะร่างกายของคนเราสามารถสังเคราะห์วิตามินดีจากแสงอาทิตย์ได้ ซึ่งเจ้าวิตามินดีนี่เอง ที่จะช่วยให้ลำไส้ของเรามีการดูดซึมแคลเซียมได้ดี ทำให้กระดูกแข็งแรงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน

รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามัวนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในบ้าน ออกมารับแสงแดดนอกบ้านประมาณ 10-15 นาที เท่านี้ก็เพียงพอที่จะสร้างวิตามินให้กับกระดูกของเรา

วิธีง่ายๆ บริหารสมองให้ฟื้นฟูความจำ



วิธีง่ายๆ บริหารสมองให้ฟื้นฟูความจำ (เดลินิวส์)

วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ วิธีการบริหารสมองแบบง่ายๆ มาบอกกันค่ะ .... ถ้าใครอยากมีความจำดีๆ ก็ลองนำวิธีเหล่านี้ ไปบริหารสมองดูนะคะ

นักวิจัยมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโพลิแทน ประเทศอังกฤษ ให้ข้อมูลว่า วิธีพัฒนา - ฟื้นฟูความจำของสมองมนุษย์แบบง่ายๆ ทำได้ด้วยการค่อยๆ กรอก "ลูกตา" จากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง

เคล็ดลับการกรอกลูกตาที่ว่านี้ ต้องทำในแนวนอน เช่น กรอกตามองจากฝั่งซ้าย มาตรงกลาง แล้วไปทางขวา หรือไม่ก็ทำในทิศทางสลับกัน แต่ต้องกรอกตา หรือ ทำต่อเนื่องเพียง 30 วินาทีต่อวัน

ดร.แอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า การฝึกกรอกตาไปมาแบบนี้จะช่วยให้ "สมองทั้ง 2 ซีก" ทำงานตอบสนองกันดียิ่งขึ้น เมื่อทำบ่อยๆ จึงเหมือนเป็นการ "ออกกำลังกายสมอง" ไปในตัว ทำให้สมองของผู้ฝึกมีความจำดีกว่าเดิม 10 เปอร์เซ็นต์

ดร.แอนดรูว์ สรุปการทดลอง โดยแบ่งนักศึกษา 102 ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ฝึกกรอกตาซ้ายขวา, กลุ่มที่สองกรอกตาขึ้นลง และกลุ่มที่สามไม่ต้องฝึกอะไรเลย ผลการทดลองพบว่า กลุ่มแรกสามารถจดจำคำพูด 300 คำที่นักวิจัยเปิดเทปให้ฟังได้มากที่สุด

Dos & Don’ts ปัญหาคอนแท็คเลนส์



Dos & Don’ts ปัญหาคอนแท็คเลนส์ (Mcot)

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้คอนแท็คเลนส์อยู่เป็นประจำ และยังคงกังวลกับข่าวน้ำยาคอนแท็คเลนส์ที่ทำให้กระจกตาอักเสบ เนื่องมาจากเชื้อรา Fungul Keratitis เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ขอให้สบายใจได้แล้ว เพราะทางอย. (องค์การอาหารและยา) บ้านเราได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากการพิสูจน์ไปเรียบร้อยแล้วว่า อาการกระจกตาอักเสบดังกล่าว มีสาเหตุที่แท้จริงมาจากพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค ไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดจากสินค้า หรือผลิตภัณฑ์อย่างที่หลายคนเข้าใจ และเพื่อความปลอดภัย ในระยะยาวของสุขภาพตาของคุณที่ใช้คอนแท็คเลนส์อยู่เป็นประจำ เราจึงนำข้อควรทำ และ ข้อไม่ควรทำง่าย ๆ มาแนะนำให้คุณได้นำไปลองปฏิบัติกันดู

Dos

ทำความสะอาดคอนแท็คเลนส์ในน้ำยาทำความสะอาดไม่กว่าน้อย 4 ชั่วโมงหรือ ตามระยะเวลาตามที่ฉลากกำหนด

หลังจากทำความสะอาดเลนส์เรียบร้อยแล้ว ควรเก็บเลนส์ในภาชนะที่สะอาดอยู่เสมอ

เปลี่ยนเลนส์ตามคำแนะนำหรือระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากคอนแท็คเลนส์มีอายุการใช้งานที่จำกัดแตกต่างกันไป

หากคอนแท็คเลนส์ฉีกขาด จนทำให้ตาระคายเคือง บวม ตาแดง มองไม่ชัด หรือไวกว่าแสงเพิ่มขึ้น ควรรีบถอดออกทันที ก่อนพบและปรึกษาในจักษุแพทย์

พกแว่นตาสำรองติดตัว ในกรณีที่คอนแท็คเลนส์ฉีกขาดหรือหล่นหาย


Don’ts

สำหรับผู้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ไม่ควรซื้อคอนแท็คเลนส์ด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจได้ชิ้นเลนส์ที่ไม่เหมาะกับขนาดของดวงตา ซึ่งปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการพบและปรึกษาจักษุแพทย์

ไม่ใส่คอนแท็คเลนส์ขณะว่ายน้ำ

ไม่ใส่คอนแท็คเลนส์ขณะที่คุณนอนหลับ

ไม่ใช้คอนเเท็คเลนส์ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากเป็นเลนส์สัมผัส อาจทำให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้นได้

ไม่สัมผัสเลนส์ขณะมือสกปรก ทางที่ดีควรล้างมือให้สะอาดและรอให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ทุกครั้ง

นั่ง ยืน แบบไหน? ลดปวดเมื่อย



นั่ง ยืน แบบไหน? ลดปวดเมื่อย

การมองข้ามความสำคัญของท่านั่ง ท่ายืนที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา อาทิ อาการปวดเมื่อยหลัง หรือปวดศีรษะ

สำหรับท่านั่งที่ถูกต้อง คือ...

นั่งหลังตรง โดยไม่ทิ้งน้ำหนักกดสันหลังช่วงล่าง

ไม่งอหรือห่อไหล่ และนั่งให้เต็มเก้าอี้

พิงหลังชิดพนัก หาหมอนหรือผ้าหนุนบริเวณส่วนเว้าของพนักพิง

วางปลายเท้าทั้งสองข้างให้ถึงพื้น และกระจายน้ำหนักให้เท่ากัน

พับเข่าทำมุม 90 องศา ในระดับเดียวกับสะโพก

ส่วนแขนปล่อยวางข้างลำตัว พร้อมนั่งแขม่วหน้าท้องเล็กน้อย หายใจให้เป็นธรรมชาติ

ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะเป็นการบิดตำแหน่งเชิงกรานให้ผิดลักษณะ ส่งผลให้น้ำหนักขาตกอยู่ที่เส้นเอ็นและกระดูกอ่อน

ขณะนั่ง หมั่นยืดหลังให้บริเวณอกแอ่นไปด้านหน้า ค้างไว้ครั้งละ 20 วินาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องและผ่อนน้ำหนักจากข้อต่อสันหลัง

เมื่อต้องการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นยืน ให้ขยับตัวไปด้านหน้าของเก้าอี้ ก่อนทิ้งน้ำหนักที่ขา ยืดขาช้าๆ พยายามอย่ายืนขึ้นในลักษณะสันหลังช่วงเอวโก่งงอ

ส่วนท่ายืนที่ถูกต้อง คือ...

ศีรษะและคอตั้งตรง

ไม่เกร็งช่วงไหล่ และกระดูกไหปลาร้า ให้อยู่ในลักษณะผายออกอย่างผ่อนคลาย

สะโพกทั้งสองข้างให้อยู่ในระดับเสมอกัน

งอเข่าเล็กน้อย ไม่ควรเหยียดยืดให้ตรงเกินไป

ข้อเท้าทั้งสองข้าง ควรทิ้งน้ำหนักตัวเฉลี่ยเท่าๆ กัน

การนั่งและยืนอย่างถูกต้อง นอกจากจะทำให้ดูสง่าผ่าเผยแล้วยังช่วยลดการเสื่อมของข้อต่อ ลดความตึงของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อไม่เกิดอาการอ่อนล้า ป้องกันอาการปวดหลัง-ปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงจากการเจ็บกล้ามเนื้อฉับพลันได้

การฉีดเสริมสวย





ปัจจุบันการฉีดสารซิลิโคนเพื่อเสริมสวย กลับเริ่มมีการนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีการประชาสัมพันธ์กันต่อๆ มา ว่ามีดารานักแสดงนิยมไปฉีด ทำให้เกิดมีผู้หลงเชื่อตามไปรับการฉีดและมีปัญหาตามมาหลายราย สารซิลิโคนจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย เช่น เสริมจมูก, คาง, แก้ม, หน้าผาก นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง (Malpractice) เพราะสารซิลิโคนแม้จะเป็นสารที่มีปฏิกริยาต่อร่างกายน้อย แต่ก็จะแทรกซึมปนอยู่ในเนื้อเยื่อของเรา อย่างแยกกันไม่ออก ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เช่น การอักเสบ จะไม่สามารถผ่าตัดเอาสารนี้ออกมาได้หมด และยังต้องตัดเอาเนื้อดีที่อยู่ใกล้เคียงออกมาพร้อมกันด้วย และการอักเสบเรื้อรังที่ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็อาจกลายเป็นเนื้อร้ายตามมาในภายหลังได้

ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ห้ามนำสารนี้มาใช้ในการฉีดเสริมสวย ซึ่งแพทย์เราส่วนใหญ่จะทราบถึงอันตรายจากการฉีดนี้ ที่มีการทำกันในปัจจุบันมักจะไม่ใช่แพทย์เป็นผู้ทำ มักจะเป็นบุคลากรที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ดำเนินการลักลอบฉีดให้ บางแห่งมีบริการถึงบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายและพระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ถ้ามีผู้มาชักชวนให้ท่านไปรับการฉีดเสริมสวย โปรดพิจารณาคำแนะนำนี้ก่อนตัดสินใจ

1. การฉีดทำได้ง่ายมาก, สวยทันใจ ทำไมแพทย์ท่านอื่นๆ ไม่นำมาใช้บ้าง และทำไมไม่ทำกันโดยเปิดเผยเป็นกิจลักษณะ

2. การที่ท่านเห็นว่ามีผู้ฉีดมามากแล้วไม่มีอันตราย ท่านแน่ใจหรือว่าตัวท่านเองเมื่อฉีดแล้วจะไม่เกิดอาการอักเสบหรือแทรกซ้อนดังที่กล่าวมาแล้ว และถ้าเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขได้อย่างไร

ถ้าการฉีดนี้ดีจริง ไม่มีอันตรายแล้ว คงมีแพทย์อีกหลายท่านทำตามกันอีกมาก ไม่ปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์บางคน สามารถประกอบกิจกรรมที่มีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มาเข้าแถวรอฉีกกันมากมายเช่นที่เป็นอยู่ในบางแห่ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

วิเคราะห์สีผิว ก่อนทำสีผม




วิเคราะห์สีผิว ก่อนทำสีผม

สำหรับผู้หญิงที่ชอบทำสีผม คงจะเคยเจอกับปัญหาเมื่อทำเสร็จแล้วสีผมกลับไม่สวยดังใจ ส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส นั่นก็เพราะสีผมที่เลือกยังไม่เข้ากับสีผิวของคุณนั่นเอง เพราะฉะนั้นการเลือกสีผมให้เหมาะกับสีผิว จึงมีความสำคัญเฉกเช่นการเลือกสีรองพื้นหรือเมกอัพที่เหมาะกับผิวหน้าของคนเราเช่นกัน เพื่อให้สีสันที่เราเลือกมานั้น ขับเน้นใบหน้าให้โดดเด่นและเสริมบุคลิกให้ดูดี

แมทริกซ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับร้านเสริมสวยชั้นนำจากอเมริกา ได้เผยถึงเคล็ดลับการวิเคราะห์สีผิวสำหรับการทำสีผม ที่สามารถแยกแยะได้จากการมองด้วยสายตาภายใต้แสงธรรมชาติ สำหรับสีผิวของสาวเอเชียนั้น โดยทั่วไปมักพบสีผิว 4 แบบ นั่นคือ ผิวขาวอมชมพู ผิวขาวอมเหลือง ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง และผิวสีแทนหรือสีผิวคล้ำเข้ม สีผิวที่ต่างกันย่อมต้องการสีผมที่เหมาะสมเพื่อสอดรับกับสีผิวที่ต่างกันในแบบคุณ

ผิวขาวอมชมพู (White Pink) สีผิวนี้อยู่ในกลุ่มโทนอุ่น มักส่งผลให้เจ้าของผิวดูเปล่งปลั่งและดูมีสุขภาพดีกว่าสีผิวอื่น ๆ สีผมที่เหมาะคือเฉดสีบลอนด์ ควรเลือกบลอนด์ประกายหม่น หรือโทนน้ำตาลทอง และทองแดงประกายน้ำตาล ควรเพิ่มเสน่ห์และเสริมความเซ็กซี่ด้วยผมบลอนด์เล่นระดับเฉดสี เสมือนการสร้างมิติให้เส้นผม ด้วยการทำไฮไลต์โทนอุ่นหรืออ่อนกว่าพื้นผมหนึ่งระดับ ทำให้ผิวไม่ซีดจาง ขับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง สะท้อนบุคลิกให้ชวนมอง

ผิวขาวอมเหลือง (Ivory Peach) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนเย็น สีผิวนี้บางครั้งอาจทำให้ใบหน้าแลดูซีดเซียว หรือดูเหนื่อยล้าไม่สดใส ควรเติมเต็มพลังและความสวยเด่นให้กับใบหน้า ด้วยผมโทนสีแดงเจิดจรัส โดดเด่นทันสมัย ควรเลือกสีผมประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง ควบคู่ไปกับทรงผมที่มีการสไลด์สร้างเลเยอร์ ดูโฉบเฉี่ยว สดใส และกระฉับกระเฉง

ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง (Golden Beige Amber) สีผิวลักษณะนี้อยู่ในกลุ่มโทนเย็น คนที่มีผิวสองสีมักแฝงเสน่ห์เซ็กซี่อยู่ในตัวเอง ดูคมและน่ามอง เหมาะกับสีผมโทนสีทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนเรื่อยไปจนถึงสีเนื้อ หรือเลือกทำโลไลต์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ เพื่อขับเน้นให้ใบหน้าแลดูสว่างขึ้น เผยความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ในตัว

ผิวสีแทนหรือผิวคล้ำเข้ม (Beige Olive) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนอุ่น เป็นผิวที่เหมาะกับสีผมน้ำตาลแท้ น้ำตาลช็อกโกแลตและมอคคา เพื่อขับเน้นให้ผิวที่เข้มอยู่แล้วไม่ดูด้านทึบจนเกินไป แต่กลับช่วยเพิ่มความกระจ่างใสขึ้น ควรเพิ่มประกายทองแดง เพิ่มสีสันและมิติด้วยช่อไฮไลต์ไล่ระดับ เข้ากันได้ดีกับผมลอนสลวยเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานชวนค้นหา

รู้ ธาตุออฟฟิศ พิชิตปัญหา





รู้ "ธาตุออฟฟิศ" พิชิตปัญหา (Woman Plus)

เรื่องดวงชะตาราศีมีหรือคะที่สาว ๆ เราจะไม่ชอบ ดูดวงให้ตัวเองกันมาเยอะแล้ว คราวนี้ลองมาดูดวงออฟฟิศกันบ้างไหมคะ วิธีการก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่ลองสำรวจว่าเพื่อนร่วมงานมีราศีอะไรกันบ้าง เพราะบรรยากาศของที่ทำงานก็ได้รับอิทธิพลจากบุคลิกลักษณะตามราศีของผู้ทำงานนี่เอง

จากราศีทั้ง 12 นี้ เราจะสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธาตุหลักๆ นั่นคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ WP มีไกด์มาให้คุณลองดูกันซิว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่อยู่ในธาตุไหน นั่นละค่ะคือธาตุของออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยทำนายได้ถึงจุดเด่นที่เป็นโอกาสอันดี และจุดด้อยที่คอยจะเป็นปัญหา จับจุดได้อย่างนี้ก็รับรองว่าทำงานง่ายสบายบรื๋อแน่ค่ะ

ออฟฟิศธาตุน้ำ

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีมีน (20 ก.พ.-20 มี.ค.), ราศีกรกฎ (23 มิ.ย.-23 ก.ค.) และราศีพิจิก (24 ต.ค.-22 พ.ย.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : อ่อนไหว ใช้อารมณ์เยอะ มีระบบอุปถัมภ์ค้ำชู

ข้อดี : เพื่อนร่วมงานมีน้ำใจและเข้าอกเข้าใจกันดี การที่แสดงอารมณ์ได้มากบางครั้งก็เป็นข้อดีที่ทำให้ความคิดสร้างสรรค์พุ่งกระฉูด เกิดไอเดียแปลกใหม่

ข้อเสีย : ที่น่าเป็นห่วงคืองานจะไม่เป็นงาน เพราะมัวแต่กลัวทำร้ายจิตใจกันบ้างละ กลัวจะต้องโกรธเคืองกันบ้างละ พอมีข้อบกพร่องต้องแก้ไขก็ไม่กล้าพูดจากันตรงๆ คุณรู้ไหมว่ามัวแต่เกรงใจกันอย่างนี้เมื่อปัญหาบานปลายจะยิ่งเป็นการทำร้ายเพื่อนร่วมงานเสียมากกว่า นอกจากนี้ออฟฟิศแบบนี้ยังมักจะมีปัญหาถ้าเกิดมีคนตรงไปตรงมาหลุดเข้ามาทำงานร่วมด้วย ก็มักจะถูกรุมเกลียดซะงั้น เพราะคนเหล่นี้จะมองว่าทำร้ายคนอื่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องงานก็ตามทีจึงต้องละมุนละม่อมกับเขาหน่อย

ออฟฟิศธาตุลม

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีกุมภ์ (20 ม.ค.-19 ก.พ.), ราศีเมถุน (22 พ.ค.-22 มิ.ย.) และราศีตุล (24 ก.ย.-23 ต.ค.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : ทรงภูมิ มีความคิด ชอบตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ

ข้อดี : เป็นการรวมตัวกันของนักคิด ฉลาด มีหลักการ พร้อมที่จะประชุมสุมหัวกันจนได้ไอเดียเจ๋ง ๆ และชอบคิดหาทางออกหรือวิธีทำงานใหม่ ๆ เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น

ข้อเสีย : คล้ายๆ กับนักการเมืองที่ถึงจะช่างคิด แต่ไม่มีใครอยากลงมือทำสักเท่าไหร่ ดีไม่ดีก็แค่รู้มา แต่เอาเข้าจริงทำไม่เป็นหรอก! ทำให้ผลงานไม่ค่อยเสร็จสิ้นออกมาตามราคาคุยและตามเวลา ความที่ชอบอวดรู้ก็เลยเอาแต่ถกเถียงปัญหากันอยู่นั่น แต่ไม่ได้คำตอบหรือตัดสินใจไม่ได้เลยสักอย่าง ออฟฟิศเช่นนี้ ยังไม่ค่อยจะใส่ใจความรู้สึกกันสักเท่าไหร่ ก็ต้องแยกแยะกันให้ได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

ออฟฟิศธาตุไฟ

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีเมษ (21 มี.ค.-20 เม.ย.), ราศีสิงห์ (24 ก.ค.-23 ส.ค.) และราศีธนู (23 พ.ย.-22 ธ.ค.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : กระตือรือร้น มุ่งมั่น สร้างสรรค์

ข้อดี : ทุกคนสนุกกับการทำงานกระตือรือร้นที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ชอบผจญกับอุปสรรคที่ท้าทายมากกว่าทำงานง่าย ๆ ซ้ำซาก ชอบทำงานสำคัญชิ้นใหญ่ ทำงานเป็นทีมเวิร์กได้ดี เพราะใจกว้างและจริงใจ

ข้อเสีย : ความที่กระตือรือร้นจัด ชอบคิดล่วงหน้า บางครั้งก็ทำให้กลัวเกินกว่าเหตุ จนทำเอาปัญหาจิ๊บจ๊อยก็กลายเป็นวิกฤติการณ์ใหญ่โตไปได้ บรรยากาศการทำงานสุดเหวี่ยงทุ่มสุดตัว บางครั้งก็ทำให้ล้าจนหมดไฟเอากลางคันทั้งที่งานยังไม่เสร็จ บางครั้งก็ไอเดียฟุ่งจัดจนทำให้งานขุ่ย ขาดความละเอียดถี่ถ้วน และคนออฟฟิศนี้จะเบื่อขึ้นมาทันทีถ้าต้องทำงานซ้ำซากจำเจหรือไม่อยู่ในความสนใจ อย่างนี้ต้องระวังให้ดีว่างานจะไม่เสร็จสิ้นตามกำหนดเวลาเอานะคะ

ออฟฟิศธาตุดิน

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีมังกร (23 ธ.ค.-19 ม.ค.) ราศีพฤษภ (21 เม.ย.-21 พ.ค.) และราศีกันย์ (24 ส.ค.-23 ก.ย.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : การจัดการดีเยี่ยม เป็นระบบชอบลงมือทำ เชื่อใจได้

ข้อดี : เป็นกลุ่มคนที่เก่งกาจด้านการจัดการงานให้เสร็จทันเวลาและตรงตามงบประมาณยืดมั่นในสิ่งที่จับต้องได้ ตรวจสอบได้วัดผลได้ และที่สำคัญคือต้องนำมาซึ่งผลประโยชน์ผลกำไร งานทุกอย่างเน้นในรายละเอียด นั่นคือเพียงแค่ไอเดียยังไม่พอ แต่ต้องรู้ด้วยว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อให้ไอเดียนั้นบรรลุผล ทุกคนชำนาญเรื่องการเงิน และแน่นอนว่ายอมทำงานหนักก็เพื่อเงินรายได้ที่คุ้มค่า

ข้อเสีย : การทำงานมักจะต้องเป็นไปตามระเบียบวิธีที่วางไว้ตรงเป๊ะ ทำให้จำเจน่าเบื่อ การจะเปลี่ยนแปลงหรือเริ่มอะไรใหม่ๆ ทำได้ยากสุดๆ เว้นแต่ว่าระบบระเบียบหรืออุปกรณ์เดิมที่ใช้มานั้นเสื่อมเสียจนใช้ไม่ได้แล้วจริงๆ และกว่าจะยอมรับสิ่งใหม่ ๆ คนกลุ่มนี้ก็จะต้องแน่ใจในทุกรายละเอียดว่า มีวิธีการที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างชัดเจนจริง ๆ WP

เคล็ดลับลดแคลอรี เพื่อสุขภาพ



เคล็ดลับลดแคลอรีเพื่อสุขภาพ (ผู้หญิงวันนี้)

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน 7 ประการต่อไปนี้เป็นวิธีลดแคลอรีที่ได้ผลดี และง่ายกว่าการอด หรืองดอาหารเป็นไหนๆ

กินอาหารเช้า จากการศึกษาทางการแพทย์ พบว่าอาหารเช้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้โดยเฉลี่ย 27 กิโลกรัม และคงน้ำหนักตัวนั้นไว้ได้นาน 6 ปี การงดอาหารเช้าจะทำให้เกิดอาการหิวโซสุดซึ้ง และโหมกินในมื้อเย็น และของขบเคี้ยวที่ไม่มีคุณค่า

กินให้พอดี กะปริมาณอาหารเช้าให้พอดี หากจะทานซีเรียลในมื้อเช้า ควรจำกัดแค่ 1 ถ้วย

กินผักผลไม้มากขึ้น วิตามิน เส้นใย แร่ธาตุ และแคลอรีต่ำ คือเหตุผลที่เราต้องลุยตลาดซื้อผักและผลไม้มาทานแต่ต้องเลือกที่น้ำตาลไม่สูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ

ซื้อขนาดเล็กลง มีเท่าไหร่ กินเท่านั้น คือกฎธรรมชาติที่จริงที่สุด เพราะฉะนั้นซื้อขนมกล่องเล็กเข้าไว้

เลือกกินอย่างฉลาด เลือกทานไก่อบแทนไก่ทอด เบอร์เกอร์ผัก แทนเบอร์เกอร์เนื้อ ไอศกรีมแท่งแบบไม่มีไขมันแทนไอศกรีมถ้วย จะช่วยลดปริมาณแคลอรีเฉลี่ย 233 กิโลแคลอรีใน 1 สัปดาห์

งดน้ำอัดลม มาเป็นน้ำเปล่าที่ผสมน้ำมะนาวแทน

ทานซุปก่อนเริ่มต้นมื้ออาหารแรก น้ำซุปจะทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิวและกินอาหารน้อยลง

ให้ความสำคัญกับการทานอาหารแล้ว การเอาออกโดยการเผาผลาญก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสมดุล เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการทำงานของหัวใจเพราะสาวยุคใหม่เขาเลิกกังวลเรื่องความผอมกันแล้ว

10 เคล็ดลับดีๆ กับวิธีเลือกกางเกงยีนส์



ทำไมผู้หญิงทั่วโลกหลงรักกางเกงยีนส์ ก็เพราะกางเกงยีนส์ช่วยให้ดูเพรียวและเซ็กซี่น่ะสิ แต่การเลือกกางเกงยีนส์ให้เหมาะกับรูปร่างนั้นยากกว่าเลือกบิกินี่ซะอีก นี่คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณค้นพบกางเกงยีนส์ในฝัน

1. เลือกซื้อไซส์เล็กกว่าขนาดจริง 1 เบอร์ อย่าเพิ่งคิดว่าจะฟิตเกินไป เพราะเมื่อใส่ไปสักพัก เนื้อผ้าจะขยายออก 10%

2. ถ้าเจอตัวที่ถูกใจซื้อไว้เลย 2 ตัว ตัวแรกตัดให้พอดีข้อเท้า ไว้ใส่กับรองเท้าส้นแบน อีกตัวทิ้งความยาวปลายขาไว้ เพื่อใส่กับรองเท้าส้นสูง

3. เลือกกางเกงยีนส์แบบซิป เพราะใส่ง่ายและแนบกับสรีระมากกว่าแบบกระดุม

4. อย่าลืมเอาเข็มขัดไปด้วย เพื่อลองกางเกงพร้อมกับเข็มขัด จะได้รู้ว่าใส่พอดีและเข้ากันดีหรือไม่

5. นำไปซักก่อนการแก้ไขใดๆ เพราะหลังจากการซักกางเกงยีนส์อาจหดตัว ทำให้ขนาดเปลี่ยนไป

6. รักษาตะเข็บที่ปลายขาไว้ การตัดขากางเกงแบบต่อปลายตะเข็บเดิม อาจแพงกว่า แต่ก็ช่วยให้กางเกงตัวเก่งของคุณสวยสมบูรณ์แบบ

7. ซักด้วยน้ำเย็นทุกครั้ง เพราะน้ำอุ่นจะทำให้กางเกงยีนส์หดตัว อย่าลืมกลับด้านก่อนซักเพื่อป้องกันสีซีดจาง

8. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะสารเคมีอาจทำลายสีของกางเกงให้ซีดจาง

9. อย่ารีดด้วยความร้อนสูง เพราะความร้อนอาจทำให้เนื้อผ้าหดตัว

10. ซักแห้งดีที่สุด เพราะช่วยให้สีของกางเกงยีนส์ยังคงเดิมอยู่เสมอ (โดยเฉพาะสีเข้ม)

Label Lingo 5 ศัพท์ ควรรู้ของกางเกงยีนส์

1. Rise ความยาวระหว่างเป้ากางเกงถึงขอบเอว เพื่อดูว่า เอวสูงหรือเอวต่ำ

2. Whiskering ลายทางริ้วบนกางเกงยีนส์เพื่ออำพรางจุดด้อยบริเวณสะโพก

3. Inseam รอยตะเข็บด้านข้าง ตั้งแต่เป้าจนถึงปลายขากางเกง

4. Wash สีสันและวิธีการฟอกกางเกงยีนส์

5. Boot-cut ทรงกางเกงที่เข้ารูป บริเวณสะโพกแล้วค่อยๆ บานออกใต้หัวเข่า

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กินหวานอย่างไรไม่อันตราย

กินหวานอย่างไรไม่อันตราย

สารให้ความหวานที่มีอยู่ตามท้องตลาด แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ



1. สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน

2. สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน หรือสารทดแทนความหวานที่เรียกว่า น้ำตาลเทียม

3. น้ำตาลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารให้ความหวานที่ให้พลังงานต่ำ


คนไทยกินน้ำตาลได้แค่ไหน


น้ำตาลจัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีเส้นใยอาหาร น้ำตาล 1 กรัมให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ข้อแนะนำในการรับประทานน้ำตาล คือ จำกัดไว้ที่ 5-10% ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมดในหนึ่งวัน ซึ่งตามหลักโภชนาการแนะนำให้กินน้ำตาลในปริมาณน้อยเช่นเดียวกับไขมันและเกลือ สำหรับคนไทยกองโภชนาการแนะนำว่าไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน


คนส่วนใหญ่เมื่อรับประทานน้ำตาล ไม่ว่าจะในรูปเครื่องปรุง หรือขนมหวานมักลืมว่าน้ำตาลให้พลังงาน เช่นเดียวกับข้าวและแป้ง จึงถือเป็นพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายจะได้รับ น้ำตาลเพียง 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานถึง 48 กิโลแคลอรีซึ่งเท่ากับข้าวประมาณ ½ ทัพพี อีกทั้งยังไม่มีวิตามิน เกลือแร่ กากใยอาหารที่ร่างกายต้องการ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไปจึงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา เช่น ฟันผุ ไขมันในเลือดสูง อ้วนง่าย


สารให้ความหวานที่ให้พลังงานชนิดอื่นนอกเหนือจากน้ำตาลทรายและฟรุคโตส ได้แก่ น้ำเชื่อมจากข้าวโพด น้ำผลไม้หรือน้ำผลไม้เข้มข้น น้ำผึ้ง กากน้ำตาล (molasses) เด็กซ์โทรส (dextrose) และ มอลโตส (maltose) มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกับน้ำตาลทรายและฟรุคโตส นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ซึ่งมีผลต่อระดับน้ำตาลน้อยกว่าน้ำตาลทรายและคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ แต่ถ้ากินมากจะรู้สึกไม่สบายท้องหรือท้องเสีย


8 วิธีลดน้ำตาล ลดโรค


1. หยุดเติมน้ำตาล เป็นวิธีง่ายที่สุดและเห็นผลในการลดน้ำหนักและพลังงาน แต่การหยุดกินน้ำตาลทันทีอาจทำได้ยาก จึงควรลดปริมาณน้ำตาลลงทีละน้อย เช่น ลดปริมาณน้ำตาลในชา กาแฟและนมที่ดื่มอยู่ หรืออาจใช้น้ำตาลเทียมซึ่งให้แคลอรีน้อยแทนน้ำตาล เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมจุบจิบ ลูกอม ช็อคโกแลต เป็นต้น


2. อย่าหลงคารมคำโฆษณาว่าเป็น"น้ำตาลสุขภาพ" เช่น น้ำตาลทรายแดง เพราะไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลชนิดใดก็ล้วนให้พลังงานเท่ากัน


3. รับประทานผลไม้แทนขนมหวาน เพราะผลไม้มีวิตามิน แร่ธาตุ และมีเส้นใยอาหารที่ช่วยลดหรือชะลอการดูดซึมน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอ้วน แต่ควรจำกัดปริมาณเพียงวันละ 2 อุ้งมือ เพราะในผลไม้ก็มีน้ำตาลอยู่ด้วย และเลี่ยงดื่มน้ำผลไม้ เพราะจะได้รับน้ำตาลมากเกินความต้องการ


4. ลดหรือกำจัดคาร์โบไฮเดรตแปรรูป จำพวกขนมปังและเบเกอรี่ เส้นพาสต้าและของขบเคี้ยว เพราะส่วนใหญ่ทำมาจากแป้ง ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลในเลือดได้เร็วพอ ๆ กับการกินกลูโคส นอกจากนี้คาร์โบไฮเดรตที่เหลือใช้จะถูกเก็บสะสมเป็นไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันที่ร่างกายเก็บเป็นเสบียง


5. ระวังของว่างไร้ไขมัน จากความเชื่อผิดๆ ที่ว่า ถ้าอาหารไร้ไขมันจะไม่ทำให้อ้วน ความจริงอาหารไร้ไขมันยังมีน้ำตาลและปริมาณแคลอรีสูง


6. อ่านฉลากอาหารเพื่อค้นหาน้ำตาลและไขมันไม่ดี สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือต้องการควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน แต่ยังติดใจในรสหวานชนิดเลิกไม่ได้ อาจใช้สารให้ความหวานชนิดที่ให้พลังงานต่ำ ในอาหารสำเร็จรูปหรือเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานดังกล่าวมักระบุไว้บนฉลากว่า "ปราศจากน้ำตาล" หรือ "sugar free"


7.ระวังการใช้สารให้ความหวานเทียมหรือสารทดแทนความหวานมากเกินควร เพราะอาจทำให้ร่างกายมีความอยากน้ำตาลหรือคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น


8.คำนวณปริมาณน้ำตาล โดยอ่านข้อมูลโภชนาการที่แสดงปริมาณน้ำตาลทั้งหมดเป็นกรัมแล้วหารด้วยสี่ จะเท่ากับจำนวนช้อนชาของน้ำตาลที่กินเข้าไป


แม้รสหวานจะช่วยเพิ่มความกลมกล่อมให้กับอาหาร แต่ถ้าบริโภคในปริมาณมากจะทำให้เกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เป็นของแถมตามมาได้

เช็คอาการ โรคหัวใจ ด้วยตัวเอง

เช็คอาการ โรคหัวใจ ด้วยตัวเอง




เรื่องการรักษาสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับคนไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนแก่ และกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง ทำให้ร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน ร่างกายอ่อนแอกลายเป็นโรคโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ "โรคหัวใจ" ที่นับวันคนไทยจะเป็นโรคนี้กันสูงขึ้น

เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ขาดการดูแลสุขภาพ สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดบรรยายเรื่อง "แข็งแรงแค่ไหน หัวใจคุณ" ซึ่งได้ พญ.สวรรยา เดชอุดม แพทย์ด้านหัวใจจากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มาเป็นผู้บรรยายที่สภาสตรีฯ

พญ.สวรรยาบอกว่า คนที่เป็นโรคหัวใจมักเกิดจากการบริโภคอาหารที่ผิดๆ กินอาหารประเภทจานด่วน มีไขมัน และไม่ออกกำลังกาย ซึ่งคนไทยต้องหันมาใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผัก ผลไม้ โดยเฉพาะปลาหลีกเลี่ยงขนมหวาน เค็มจัด มั่นดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม ควรเลิกสูบบุหรี่ หันมาออกกำลังกาย รวมทั้งอย่าเครียด ถ้าทำได้จะช่วยให้บรรเทาอาการของโรคหัวใจ

"อาการที่ส่อเค้าว่าจะเป็นโรคหัวใจสังเกตอาการได้ด้วยตัวเองตอนออกกำลังกายว่าเหนื่อยก่อนเพื่อนหรือไม่ มีอาการเจ็บหน้าอก และร้าวไปที่แขน หัวไหล่ คอ กาม จะมีเหงื่อออก คลื่นไส้ เวียนศีรษะ แน่นระหว่างอก ท้องอืดแน่น


ซึ่งคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายให้ลองทดสอบกับตัวเองได้ด้วยการเดินเร็วๆ ระยะ 2 กิโลเมตร จับเวลา 20 นาที คนที่มีอาการควรไปพบหมอทันที เพื่อตรวจอาการและทำการรักษา ถ้าปล่อยไว้นานจะไม่ดีต่อร่างกายตนเอง ถึงเวลาดูแลตัวเองแล้ว

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

5 สิ่งมหัศจรรย์ ทางเลือกของโลก


5 สิ่งมหัศจรรย์ ทางเลือกของโลก
สำหรับนักท่องเที่ยวระดับ "ตัวแม่" แล้ว ความฝันสูงสุดคือ การได้ไปเยือนสถานที่ที่ได้ชื่อว่า เป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ซึ่งความจริงแล้วยังมีสถานที่บางแห่ง ที่นักท่องเที่ยวอาจนึกไม่ถึง แต่ก็งดงามไม่แพ้ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เหล่านั้น ในหนังสือชื่อ The Road Less Travelled ของ บิล ไบรสัน เขาเขียนถึง สถานที่ท่องเที่ยว ที่ถูกจัดอันดับไว้เกินจริง พร้อมกับแนะนำสถานที่ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางเลือก ไว้ดังนี้
อะเวอบิวรี่ ประเทศอังกฤษ
สโตนเฮนจ์ กองหินประหลาดกลางทุ่งนาแห่งเมืองซัลลิสเบอรี มณฑลวิลไชร์ ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ขนาดของหินและการเรียงตัวกันของมันนั้นน่าทึ่งมาก เชื่อกันว่าพวกนอกศาสนาใช้เป็นสถานที่ในการทำพิธีเคารพดวงอาทิตย์ แต่คุณไม่สามารถแตะต้องหรือเดินเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ กองหินได้ และต้องเสียค่าเข้าชมด้วย นอกจากนี้สถานที่ตั้งยังอยู่ในจุดที่เปล่าเปลี่ยว ทำให้คนรู้สึกอ้างว้าง แถมยังมีที่ให้หลบฝนน้อยมาก และยังไม่มีพิพิธภัณฑ์ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ก็มีน้อยมาก

แม้ว่าสโตนเฮนจ์จะเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่กองหินที่ "อะเวอบิวรี่" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสโตนเฮนจ์นักก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นกองหินรูปวงกลมที่มีขนาดใหญ่กว่าและคนสามารถเข้าใกล้ชิดได้มากกว่าด้วย
ลาบิเบล่า ประเทศเอธิโอเปีย
เพตรา มหานครศิลาสีชมพู เป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นบนภูเขาทั้งลูก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศจอร์แดน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นอาณาจักรของชาวนาเบเทียนซึ่งเป็นพ่อค้าชาวอาหรับที่สร้างความร่ำรวยจากการค้ายางสนที่มีกลิ่นหอม ปัจจุบันได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ตามที่ไปทัวร์ตะวันออกกลางต้องไม่พลาด และเพราะความยอดนิยมของมันเองที่กลับกลายมาเป็นภัย เพราะโรงแรมที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดรอบ ๆ เพตรา กำลังรุกคืบกินพื้นที่ของมหานครแห่งนี้

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิหารแบบเพตรา คุณอาจจะรู้สึกหลงรักใน "ลาลิเบล่า" วิหารศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเอธิโอเปีย ลาลิเบล่าเป็นวิหารที่แกะสลักอยู่ภายในภูเขา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก วิหารแห่งนี้เป็นคู่แข่งที่ท้าทายของเพตราในแง่ของความงดงามด้านศิลปะและบรรยากาศ
โคลอสเซียมแห่งปูลา ประเทศโครเอเชีย
โคลอสเซียม แห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลี แม้ว่าบางส่วนของสนามกีฬากลางแจ้งแห่งอาณาจักรโรมันจะเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่นักท่องเที่ยวก็อดตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมันไม่ได้ สถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมมากที่สุดของอิตาลีแห่งนี้ไม่เคยมีวันที่เงียบเหงา นักท่องเที่ยวเข้าแถวยาวจนกลายเป็นความแออัดหนาแน่นในสนาม ทริปชมโคลอสเซียมจะกลายเป็นทริปแห่งความทรงจำมากยิ่งขึ้นถ้าคุณตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพที่คอยล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว

ถ้าไม่อยากไปเบียดเสียดกับใคร ลองไปเที่ยวที่ "สนามโคลอสเซียมแห่งเมืองปูลา ประเทศโครเอเชีย" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองปูลา นับว่าไม่น้อยหน้าโคลอสเซียมที่โรมแน่ ๆ
อิสลา เดล โซล ประเทศโบลิเวีย
มาชู พิคชู นครสาบสูญแห่งอินคา เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู สร้างโดยจักรวรรดิอินคา นครแห่งนี้น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางในอเมริกาใต้ของนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่การเดินทางไปที่นั่นไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก เพราะแค่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าเข้าชมตกประมาณเกือบ 7500 บาท

ถ้าคุณต้องการชมต้นกำเนิดของชาวอินคาจริงๆ แนะนำให้มุ่งหน้าไป "อิสลา เดล โซล ประเทศโบลิเวีย" ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่อารยธรรมของชาวอินคาเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด

บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
อังกอร์ วัด หรือ นครวัด ประเทศกัมพูชาเป็นพุทธสถานที่น่าตะลึงมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในอดีตนครวัดถือเป็นจุดหมายที่ท้าทายนักท่องเที่ยว เพราะอยู่ไกลและเดินทางไปยาก แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวแห่กันไปเป็นจำนวนมากจนทำให้ไม่สามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมและความลึกซึ้งทางศาสนาด้วยความสงบ

ทางเลือกของคนรักวัดคือ "บูโรพุทโธ" ดินแดนแห่งเทพเจ้า ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกับนครวัด แต่คนมาเที่ยวน้อยกว่า และเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของพุทธสถานโบราณด้วย

วิธีปฏิบัติก่อนซื้ออาหารนอกบ้าน

วิธีปฏิบัติก่อนซื้ออาหารนอกบ้าน


อ่านฉลากก่อนซื้อ ดูคุณค่าของสารอาหารในฉลากโภชนาการ ชื่ออาหาร ชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และต้องมีเครื่องหมาย อย.

สังเกตภาชนะบรรจุ ต้องอยู่ในลักษณะที่ดีและสะอาด เช่น เครื่องดื่มอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท กระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ

สังเกตลักษณะของอาหาร สี กลิ่น และรส ต้องไม่มีความผิดปกติจากธรรมชาติ หรือเปลี่ยนแปลงจากลักษณะเดิม เช่น กลิ่นหืนหรือเหม็นเปรี้ยว หรือสีสันฉูดฉาด ควรเลือกซื้ออาหารที่ใช้สีจากธรรมชาติ

สังเกตความสะอาด ขั้นตอนการเตรียมอาหาร สถานที่เตรียมอาหาร การล้าง การปรุง และความสะอาดของผู้ขาย

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องของ ผมทรงนักเรียน


เรื่องของ ผมทรงนักเรียน

ในขณะที่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งกายหรือทรงผม แต่ด้วยเทรนด์แฟชั่นสมัยนี้ก้าวไปไกลและรวดเร็ว ชนิดคนรุ่นหลังอาจจะมึน ๆ ไปกับความแปลกใหม่ ล้ำหน้าของเหล่าวัยรุ่นทั้งหลายด้วยซ้ำ

ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ต้องปรับแต่งให้พ้นจากคำครหาว่า "ไม่อินเทรนด์" ไม่เว้นรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ หรือแม้แต่วัยรุ่น วัยเรียน ถึงจะถูกจำกัดด้วยเครื่องแบบในชุด "กระโปรงบาน ขาสั้น" แต่ก็ใช่ว่าจะยอมปล่อยให้แฟชั่นก้าวไป โดยทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง

ตามประสาวัยรุ่น วัยวุ่น ๆ ของเหล่าเด็กมัธยม ที่อยู่ในช่วงเรียนรู้ ลองผิดลองถูก.. ผมหน้าม้า ซอยสั้น โกรกสี จึงมีให้เห็นกันเกลื่อนตาในขณะนี้ หรือแม้แต่ในยุคสมัยหนึ่งที่กระแสแฟชั่นเกาหลี ญี่ปุ่น ครอบงำมากเข้า นักเรียนบางคนถึงขั้นตัดผมทรงพังก์ โกรกผมสีทองกันเลย จนต้องมีการออกกฎระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่ว่าด้วยเครื่องแต่งกายนักเรียน ควบคุมตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 แต่ก็ยังไม่วายมีหลุดรอดให้เห็นอยู่ดี

ในมุมมองของผู้บริหารโรงเรียนแล้ว คิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร

เริ่มจากโรงเรียนหญิงล้วนอย่าง โรงเรียนสตรีวิทยา ผู้อำนวยการ "เฟื่องฟ้า ประดิษฐ์พจน์" ระบุว่า "จริง ๆ ระเบียบของโรงเรียนสตรีวิทยา กำหนดไว้ชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ม.ต้น หรือ ม.ปลาย จะต้องไว้ผมสั้น แค่ปกเสื้อ จะมียกเว้นให้เฉพาะนักเรียนด้านนาฏศิลป์ หรือกรณีที่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็ต้อง ขออนุญาตเป็นรายกรณีไป ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 20 ปีก่อน นักเรียนสตรีวิทยาทุกคนผมทุกเส้นจะต้องเท่ากันหมด แต่วันนี้สังคมเปลี่ยนไปก็เข้าใจวัยรุ่น

"แต่ก็เข้าใจว่าเด็กในยุคนี้จะให้ผมทุกเส้นยาวเท่ากันคงเป็นไปไม่ได้ ก็อาจต้องยืดหยุ่นบ้าง แต่ต้องไม่เกินเลย พบกันคนละครึ่งทาง แต่ต้องอยู่ในคอนเซ็ปต์ของสตรีวิทยา คือผมสั้น ซึ่งที่ผ่านมาทั้งนักเรียนและผู้ปกครองก็รับได้ เพราะเป็นประเพณีของสตรีวิทยาที่ยึดถือกันมายาวนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงจะให้ทุกคนไว้ผมสั้น แต่ก็ไม่ใช่สั้นจนดูน่าเกลียด"

นอกจากนั้น ยังมีรณรงค์ไม่ให้นักเรียนไว้ผมม้า เพราะ "ต้องยอมรับว่าตอนนี้เป็นแฟชั่นฮิต เด็กกำลังนิยม แต่ถ้ามาโรงเรียนจะต้องติดกิ๊บให้ดูเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นเวลาเขียนหนังสือผมก็ไปแทงตาได้"

ผอ.เฟื่องฟ้า ยืนยันว่า กฎระเบียบเหล่านี้เป็นความพยายามที่โรงเรียนต้องการฝึกระเบียบวินัยให้กับนักเรียน เพราะถ้าเราไม่เคารพกติกาตอนนี้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนไม่เคารพสังคม ไม่รู้ว่ากฎระเบียบคืออะไร ดังนั้น เราต้องทำความเข้าใจกับเด็กให้รู้ถึงวัตถุประสงค์เหล่านี้

"ทางโรงเรียนมีอาจารย์ช่วยดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยเดือนละ 1 ครั้ง บางทีเด็กบางคนไว้ผมยาวมากเกินไป ไม่ทันไปตัด ครูก็จะช่วยตัดให้ซึ่งบางคนก็เห็นดีด้วยเพราะโรงเรียนตัดให้ไม่ต้องเสียเงิน คิดว่าครูตัดให้สบายใจกว่า เพราะไปตัดเองบางทีก็สั้นเกินไป แต่ถ้า ทางโรงเรียนตัด ก็ไม่ได้ตัดให้สั้นไปจนน่าเกลียด ไม่ใช่การตัดเพราะลงโทษ หรือถ้าบางคนอยากไปตัดเองก็ต้องไปจัดการมาให้เรียบ ร้อยภายใน 2-3 วัน"

แม้ว่าในบางโรงเรียนเมื่อนักเรียนขึ้น ม.ปลายแล้ว ก็อนุโลมให้ไว้ผมยาวได้ แต่ต้องมัดให้เรียบร้อย แต่ผอ. เฟื่องฟ้ายืนยันว่าให้ไว้ผมยาวได้ก็มีปัญหาอีก เพราะเด็กบางคนไปซอยแบบหางหนู ตัดมาแบบแหว่งๆ รวบผมแล้วก็เหลือหางอยู่นิดเดียว เมื่อโรงเรียนเลิก ก็ปล่อยผมสยายออกมาอยู่ดี ดังนั้น จึงกำหนดระดับเดียวกันทั้ง ม.ต้น ม.ปลาย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

"ถ้าถามว่าทรงผม หรือแม้แต่การแต่งกายของนักเรียนมีผลต่อการเรียนของเด็กหรือไม่ หากผมสั้นแล้วจะเรียนเก่งขึ้นหรือ ก็ตอบได้ว่าคงไม่มีผลกระทบอะไร แต่การที่โรงเรียนต้องออกกฎทั้งเรื่องเครื่องแบบนักเรียน หรือทรงผม ก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักคำว่าระเบียบวินัย และเอาความตั้งใจทั้งหมดพุ่งไปที่การเรียนมากกว่าไปวิ่งตามเทรนด์ ไม่มัวแต่ห่วงเรื่องแต่งตัว ทรงผม"

ผอ.เฟื่องฟ้า เห็นว่าระเบียบเหล่านี้จะช่วยฝึกนักเรียนให้เติบโตได้อย่างมีวินัย เมื่อโตไปแล้ว สังคมมีระเบียบ กติกาอย่างไร ก็จะรู้ว่าตนเองควรปฏิบัติตัวอย่างไรได้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นในอนาคตนักเรียนก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ที่มีกฎระเบียบ แต่เด็กไม่เคยมี ไม่ต้องทำตามอะไร อยากทำอะไรก็ทำ โตไปก็อยู่ในสังคมไม่เป็นสุขเท่าที่ควร

ขณะที่ฟากโรงเรียนชายล้วนอย่าง โรงเรียนสวนกุหลาบผู้อำนวยการ "มนตรี แสนวิเศษ" ก็ยอมรับว่า ในส่วนของนักเรียนชายนั้นอาจไม่มีปัญหานี้เท่ากับนักเรียนหญิง

"ระเบียบของโรงเรียนคือ นักเรียนชายทุกคนจะต้องตัดผมสั้น หรือที่รู้จักกันว่าขาวสามด้าน แต่ก็มียืดหยุ่น ในกรณีที่นักเรียนบางคนอาจได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือเข้าวงการบันเทิง ซึ่งผู้ปกครองก็จะมาขออนุญาต ทางโรงเรียนก็จะประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบหน้าเสาธงเมื่อมีนักเรียนคนใดได้รับอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ เพื่อไม่ให้มีการครหาได้ว่า 2 มาตรฐาน"

นักเรียนที่อยากไว้ผมยาวขึ้นก็มีบ้าง อย่าง ม.ปลาย นักเรียนก็มาขออนุญาตไม่ตัด เพราะอยากไว้ผมยาวบ้าง อย่างรองทรงสั้น แต่นักเรียนชายก็ต้องเรียน ร.ด.(รักษาดินแดน) อยู่ดี ดังนั้น ก็หนีไม่พ้น ต้องหัวเกรียนหมดทุกคน

"ระเบียบที่ทางโรงเรียนกำหนดให้นักเรียนยึดถือปฏิบัติ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยมีการฝ่าฝืน เพราะส่วนหนึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองก็เห็นดีด้วย อีกทั้งมีผลคือนักเรียนจะถูกตัดแต้มคะแนน ซึ่งถ้านักเรียน ม.ต้น ถูกตัดแต้มมากๆ ก็อาจไม่มีสิทธิ์เรียนต่อ ม.ปลาย ในโรงเรียนเดิมได้ ซึ่งผู้ปกครองก็ยอมรับ ถ้าลูกจะออกนอกกรอบ พ่อแม่จะสกรีนเบื้องต้นอยู่แล้ว"

ผอ.มนตรี เชื่อว่า "เมื่อถึงเวลานักเรียนก็สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ คือส่งเสริมความเป็นผู้นำ มีวินัยในตนเอง ดังนั้น การที่นักเรียนเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่ไปตามแฟชั่น"

ในส่วนของโรงเรียนสหศึกษา ที่มีทั้งนักเรียนชาย-หญิง ผู้อำนวยการ "จำนงค์ แจ่มจันทร์วงศ์" ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีอยุธยา บอกว่า "มาตรการของโรงเรียนจะมีข้อห้ามไม่ให้นักเรียน ซอย สไลซ์ผม แต่ก็ยอมรับว่ามีเหตุฝ่าฝืนเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะนักเรียน ม.ปลาย อนุโลมให้ไว้ผมยาวได้ บางคนก็ไปซอยมา เวลาเข้าโรงเรียนก็จะรัดผมเรียบร้อย แต่ก็มีไม่มาก"

ผอ.จำนงค์ ยอมรับว่า เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ใกล้ชิดกับแฟชั่นจนแทบแยกกันได้ยาก โดยเฉพาะช่วงปิดภาคเรียน นักเรียนหลายคนก็อาจจะไปดัด ซอยตามแฟชั่น ซึ่งทางโรงเรียนต้องทำหนังสือถึงผู้ปกครองล่วงหน้าก่อนปิดภาคเรียน ให้ช่วยดูแลสอดส่อง แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้งพ่อแม่ก็บังคับไม่ได้เท่าไร แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเปิดเทอมจะต้องอยู่ในกติกาของโรงเรียน"

"หากพบนักเรียนที่ผิดระเบียบก็จะต้องเรียกมาคุย ซึ่งโรงเรียนก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจว่าที่นักเรียนทำเหมาะสมหรือไม่ หากตามแฟชั่นจนมากไปแล้วเกิดอันตรายอย่างไรกับนักเรียน ซึ่งครูจะต้องมีหน้าที่ชี้ให้นักเรียนได้เห็นว่าการทำแบบนี้จะเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้ที่ไม่หวังดี ดังนั้นแฟชั่นไม่ใช่ว่าเราจะต้องเดินตามให้ทันจนเกินไปทุกเรื่อง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายมากกว่าที่จะได้ประโยชน์"

สุดท้ายแล้ว ผอ.จำนงค์ก็ยอมรับว่า "สถานการณ์นักเรียนในปัจจุบันนี้ อาจเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มาตรการไปบังคับทั้งหมด แต่ต้องมีข้อตกลงระหว่างนักเรียนให้เหมาะสม

อีกมุมสะท้อนที่น่ารับฟัง

ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ นักร้องสาว ทริโอ "เฟย์-ฟาง-แก้ว"

ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ อธิบายถึงทรงผมของตัวเองว่า "ปัจจุบันฟางเรียนอยู่ชั้น ม.6 ตามกฎของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่เป็นโรงเรียนประจำนั้น ค่อนข้าง มีอยู่มาก โดยในชั้นมัธยมปลายทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ แต่ต้องเก็บผมให้เรียบร้อย โดยการรัดผมและรวบผมด้วยโบแดง ซึ่งในช่วงมัธยมต้นทางโรงเรียนก็มีกฎว่า ถ้านักเรียนผมหยิกหรือผมหยักศก สามารถไว้ผมยาวได้ ซึ่งฟางเป็นคนผมหยักศกอยู่แล้วจึงไว้ได้ผมยาวมาตั้งแต่มัธยมต้นจน ถึงตอนนี้ แต่ก็จะดูแลให้เรียบร้อยตามกฎของโรงเรียนเสมอ จึงไม่มีปัญหากับทางโรงเรียนค่ะ"

"และเมื่อเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ด้วยการเป็นนักร้อง ทางคุณแม่ขอกับทางอาร์เอสว่ายังไม่อยาก ให้ย้อมสีผม เพราะเป็นกฎของโรงเรียนที่ห้ามนักเรียนทำโดยเด็ดขาด ให้เป็นสีผมธรรมชาติของตัวเองเท่านั้น"

นักร้องสาวเล่าให้ฟังด้วยว่า "พอมาอัลบั้มชุดที่ 2 ทางโปรดิวเซอร์ขอให้ย้อมสีผม ฟางกับคุณแม่เลยให้ทางค่ายช่วยนำรูปแบบเสื้อผ้าและสีผมที่จะทำมาให้โรงเรียนพิจารณาก่อนที่จะออกอัลบั้ม เมื่อโรงเรียนอนุญาตแล้ว ทางค่ายก็จะทำตามที่ได้บอกกับโรงเรียนไว้ ส่วนเรื่องสีผมที่ทำนั้นก็ต้องไม่แรงและฉูดฉาดเกินไป พอกลับมาเรียนตามปกติก็ต้องย้อมสีผม ให้เป็นสีเดิมด้วย ซึ่งทางโรงเรียนก็เข้าใจและให้การสนับสนุน แต่ได้บอกกับฟางและคุณแม่ว่า อย่าให้ฟางทิ้งการเรียนค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาฟางก็ทำทั้งสองอย่างได้ดีมาตลอดค่ะ"

ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ นักร้องสาววัยโจ๋ เรียน ร.ร.สตรีวิทยา

ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิ วรานนท์ บอกว่า "ทางโรงเรียนของขนมจีนห้ามไว้ผมยาวค่ะ แต่ที่ขนมจีนไว้ได้ เพราะทางอาร์เอสทำจดหมายขอกับทางโรงเรียนว่าขนมจีนจะต้องไปทำงานในวงการบันเทิง"

นักร้องสาววัยมัธยมปลายบอกด้วยว่า "แต่เวลาขนมจีนมาโรงเรียนแล้ว ก็ต้องเก็บผมม้าให้เรียบร้อย เพราะที่โรงเรียนห้ามไว้เด็ดขาดค่ะ และที่โรงเรียนห้ามปล่อยผมยาว และต้องแต่งตัวเรียบร้อย ซึ่งขนมจีนก็ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนอย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ"

มาลดน้ำหนักกันแบบสดชื่นรื่นเริง กันดีกว่า. .


มาลดน้ำหนักกันแบบสดชื่นรื่นเริง กันดีกว่า. .
ถ้าหากไม่อยากจะทำอะไร แต่อยากให้ น้ำหนักลด ก็จงพยายามหัวร่อให้ได้นานวันละ 15 นาทีทุกวัน นักวิทยาศาสตร์พบคุณประโยชน์ ของการหัวเราะว่า หากหัวเราะอยู่ประจำวัน ปีหนึ่งจะกำจัดไขมันออกจากตัวได้มากถึง 2.25 กก.

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแวน-เดอบิลต์ เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ของอเมริกา คำนวณได้ว่า เมื่อเราดูรายการตลก เราต้องใช้แรงในการหัวเราะมาก เท่าๆกับการออกแรงเดินเป็นระยะทางไกล 800 เมตร

หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดัง “เดอะ มิเร่อร์”ของอังกฤษ รายงานข่าวนี้ ระบุว่า นักวิจัยคำนวณได้จากการทดสอบกับหญิงและชาย อยู่ในวัยระหว่าง 18-34 ปี จำนวนหนึ่ง โดยให้นั่งดูทีวี เรื่องธรรมชาติของชนบทอังกฤษอันน่าเบื่ออยู่ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจึงเปิดเทปที่อัดรายการตลกตอนต่างๆ ไว้ ให้ชมอีก 55 นาที หัวหน้าคณะผู้ศึกษา ดร.มาเซียจ บุคชาวสกี กล่าวว่า พวกเขาต้องใช้พลังงานกับการหัวเราะ มากยิ่งกว่าการพักผ่อนอยู่เฉยๆ ราว 10-20%

นกแสก กับความเชื่อ นกแสกร้อง ทูตแห่งมรณะ

นกแสก กับความเชื่อ นกแสกร้อง ทูตแห่งมรณะ


ถูกปลุกให้ชวนขนหัวลุกกันอีกครั้ง เมื่อข่าว นกแสก ส่งเสียงร้อง พร้อม ๆ กันกับมีชาวบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา เสียชีวิตต่อเนื่องกันถึง 6 รายในเดือนนี้ ทำให้ตำนาน นกแสก ที่เป็นความเชื่อมาตั้งแต่โบราณถูกพูดถึงกันอีกครั้ง แถมยังมาแรงแซงทางโค้ง โดยเฉพาะที่ถกเถียงกันมากที่สุดก็คือ เรื่องของตำนานความเชื่อ ที่คู่ขนานกับความจริงอยู่ไม่น้อย วันนี้เราจะพาไปตามรอยตำนาน นกแสก หรือที่ชาวบ้านขนานนามกันว่า "นกผี" ทูตแห่งความตาย กันค่ะ

นกแสก บ้างก็เรียกกันว่า นกแฝก เป็นนกที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ นกฮูก นกเค้า เป็นนกกลางคืนที่มีแหล่งอาศัยแพร่กระจายอยู่เกือบทุกภูมิภาคของโลก พบมากในแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม ลาว และไทย ซึ่งพบมากทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ นกแสก มีชื่อเรียกตามภาษาอังกฤษว่า Barn Owl (Tyto akba) โดยคำว่า "Barn" มีความหมายว่า ยุ้ง ฉาง ส่วนคำว่า "Owl" คือกลุ่มนกฮูก นกเค้า และนกแสก แสดงให้เห็นได้ว่า นกแสก ชอบอาศัยอยู่ตามยุ้งฉาง รวมไปถึงวัด โรงนา หรือในที่รกร้างต่าง ๆ หากพบว่า นกแสก เข้ามาอาศัยใกล้มนุษย์แสดงว่ามีแหล่งอาหารของ นกแสก ซึ่งอาหารของ นกแสก ก็คือ หนู และแมลงกลางคืน

แม้ นกแสก จะดูหน้าตาน่ากลัวสำหรับใครหลายคน แต่ในสายตาของกลุ่มอนุรักษ์นกแล้ว นกแสก เป็นนกที่หน้าตาน่ารัก วงหน้ามีขนสีขาวขึ้นเต็ม เป็นรูปหัวใจ ดวงตาดำกลมโต ปากแหลมงุ้ม ขนตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาลเทา มีจุดขาวและน้ำตาลประปราย ขนใต้ท้องสีขาว ส่วนปีกและหางมีลายขวาง สีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน เล็บเท้ายาวงุ้มแหลม เล็บนิ้วกลางลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ขายาว
อย่างไรก็ดี นกแสก จัดเป็นนกที่มีสายตาและประสาทหูดีมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ นกแสก ออกหากิน ขณะเดียวกัน นกแสก จะสายตาแย่ที่สุดในช่วงเวลากลางวัน ดังนั้น เมื่อตะวันขึ้นแตะขอบฟ้า พวก นกแสก จะหาที่ตามซอกหลืบมืด ๆ หรือตามซอกโพรงไม้ เพื่อนอนหลับพักผ่อน

สำหรับตำนานเกี่ยวกับนกแสกของประเทศต่าง ๆ มักคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งเชื่อกันว่า นกแสก เป็นนกที่เกี่ยวข้องกับภูตผีและความตาย ตามคำบอกเล่าโบราณที่ถ่ายทอดกันมา ระบุว่า นกแสก เป็น "นกผี" ถ้าบินผ่านหรือเกาะหลังคาบ้านผู้เจ็บป่วยและส่งเสียงร้องเมื่อใด ผู้ป่วยนั้นจะเสียชีวิต ซึ่งมีการกล่าวถึงตำนาน นกแสก ในลักษณะนี้ในละครเรื่อง แม่นาคพระโขนง ด้วย

ด้วยเหตุนี้ นกแสก จึงมักถูกขับไล่ออกไปให้ห่างไกลจากหมู่บ้านหรือชุมชน หรือถูกยิงทิ้งเป็นจำนวนมาก ทำให้ นกแสก มักไปอาศัยตามวัด หรือแม้แต่ป่าช้า เมื่อมีผู้พบเห็นนกแสกเกาะอยู่ตามป่าช้า หรือสุสาน ก็เลยยิ่งหลงเชื่อว่าเป็นนกผีมากขึ้นไปอีก และรวมทั้งอากัปกริยาของ นกแสก ที่มักทำตาโต ทำคอและหัวส่ายไปมาเมื่อตกใจ และเพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรูที่มันกลัวให้หนีไป เลยยิ่งทำให้คนเข้าใจไปว่ามันคือนกผีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอมร กีรติยุตกุล กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า การที่โยง นกแสก กับการมีคนตายไม่เหมาะสมเท่าใด เพราะ นกแสก ก็อาจร้องของมันอยู่ทุกคืน เราอาจไม่สังเกตว่าบางที นกแสก ร้อง แต่ไม่มีใครศพเข้ามาที่วัดก็เป็นได้

"การเสนอข่าวลักษณะนี้ อาจทำให้คนยิ่งกลัวนกแสกมากขึ้น อาจส่งผลให้นกแสกถูกยิง ถูกขว้างปาขับไล่ไม่มีที่อยู่ จะเห็นว่าสมัยก่อน นกแสกเป็นนกที่พบได้ง่ายตามท้องทุ่งป่าละเมาะชานเมือง แต่ปัจจุบันค่อนข้างพบเห็นได้ยากแล้ว" กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกฯ กล่าว

นอกจากความเชื่อในด้านลบ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่เห็นประโยชน์ของนกแสก โดยบริษัทน้ำมันปาล์มยักษ์ใหญ่ในจ.ชุมพร ใช้วิธีลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดหนูไม่ต้องพึ่งสารเคมี ด้วยการเลี้ยงนกแสกจำนวนมากไว้ในพื้นที่สวนปาล์มอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้ผลมาก จนตอนนี้มีสวนกาแฟที่ จ.เชียงใหม่นำวิธีเดียวกันไปใช้ด้วย ขณะที่อีกหลายประเทศที่ค้นพบความจริงข้อนี้ ก็เริ่มหันมาร่วมกันอนุรักษ์ นกแสก เพื่อให้มันมีพื้นที่อยู่มากขึ้น

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ดื่มน้ำผลไม้คลายร้อนกันเถอะ


ดื่มน้ำผลไม้คลายร้อนกันเถอะ

อากาศร้อนๆ อย่างนี้มีทีท่าว่าจะร้อนไปอีกนาน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าสอดส่ายสายตามองหา เครื่องดื่มมีคุณค่ามาดับร้อนผ่อนกระหายกันไปพลางก่อน อันที่จริงน้ำดื่มแบบน้ำเปล่าใสเย็นชื่นใจนั้น ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้จริง แต่ว่าคนส่วนใหญ่ยังติดอยู่กับรสชาติที่ต้องเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ค่อยพอให้ชีวิตมีรสชาติขึ้นมาบ้าง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องนี่เลย น้ำผลไม้ทั้งปวงที่บ้านเรามีให้เลือกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำกระเจี๊ยบ มะนาว กล้วยหอม มะเขือเทศ น้ำเตยหอม น้ำตะไคร้ ฯลฯ

คุณทิพพาพร ปุ้มริด ประธานกลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง เขียนไว้ในคอลัมน์ "ชุมชนขอคุย" ของอภัยภูเบศรสาร จดหมายข่าวของมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า เราควรจะหันมาดื่มน้ำสมุนไพรกันอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว ในช่วงอาหารเที่ยง ก็นับว่าเพียงพอแล้ว แถมแจกแจงให้เห็นคุณประโยชน์ของน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรกันเป็นรายชนิด ตามรายการต่อไปนี้
กระเจี๊ยบแดง ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ ขับปัสสาวะ เป็นยาบำรุงธาตุ และยาระบาย
มะนาว เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ท้องอืด ช่วยขับลม แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนใน บำรุงธาตุ แก้เลือดออกตามไรฟัน และถ่ายพยาธิ
กล้วยหอม มีน้ำตาลหลายชนิด มีสารเพคติน มีโปรตีน วิตามินเอและซี ธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม
มะเขือเทศ ช่วยย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยระบายและช่วยฟอกเลือด
ส้มเขียวหวาน แก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผลให้ วิตามินซี
เตยหอม ลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน
ตะไคร้ รักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ และแก้อหิวาตกโรค แก้นิ่ว บำรุงธาตุ

แค่นี้ก็คงพอจะเห็นแล้วว่าน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรไทยนั้น นอกจากช่วยคลายร้อนแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว

12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว


เรื่องของการปลุกระดมสมองให้สดชื่นแจ่มใสเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ต้องการ เพราะเมื่อสมองแจ่มใส ปลอดโปร่ง อะไรก็ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การฟัง พูด อ่าน เขียน จดจำ หรือความคิด

กลับกัน หากสมองเหี่ยว ฝ่อ ไม่สดใส อาจจะเกิดจากความเครียด หรือการหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน ๆ หรือ ขาดการพักผ่อน ทักษะดังกล่าวก็จะลดน้อยถอยไป กรรมวิธีที่จะทำให้สมองแข็งแรงไปอย่างยืนยาวนั้น มีเทคนิคมาแนะนำคุณ ๆ ดังนี้

1. ดื่มน้ำให้พอ เพราะสมองของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85% ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดน้ำ สมอง ก็จะทำงานช้าลง ทำให้กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดอะไรไม่ค่อยออก

แต่การดื่มน้ำนั้น แต่ละคนจะมีความต้องการน้ำไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนไหว และการบริโภค แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 3-5 ลิตร ส่วนเด็ก 2-3 ลิตร

2. หายใจลึก ๆ ช่วยส่งพลังงานไปถึงสมอง ถ้านั่งหายใจ หลังก็ควรจะตั้งตรง จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และถ้านั่งนานเกินไปควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้น ยืดสาย เพื่อให้ปอดขยาย

3. เลือกรับประทานอาหาร ที่มีไขมันดีทดแทนไขมันในสมองที่สึกหรอ อาทิ น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาแซลมอน อีฟนิ่งพริมโรส วิตามินซี

4. ตั้งโปรแกรมให้สมอง โดยใช้ความตั้งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง สมองจะค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมให้ไปสู่เป้าหมายได้

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ไปกระตุ้นพลังออร่าให้สว่างสดใสจะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

6. ฝึกสมาธิพัฒนาอารมณ์ให้สมองผ่อนคลาย จะช่วยทำให้มีจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ทั้งตื่นเช้าหรือก่อนนอนทุกวัน

7. ออกกำลังกาย กระตุ้นการทำงานของสมองพร้อมกับดื่มน้ำบ่อย ๆ

8. หาอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิต เช่น รู้จักคนใหม่ ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ ขับรถเส้นทางใหม่ หรือแลกเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ๆ กับเพื่อน สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และสารแห่งการเรียนรู้ โดปามีน ทำให้เกิดการอยากเรียนรู้อย่างมีความสุข

9. รู้จักให้อภัยและลดความโกรธ จะทำให้สูญเสียพลังงานน้อยลง และยังเป็นการช่วยลดภาระให้กับสมอง

10. พูดเรื่องดี ๆ กับตัวเองซ้ำ ๆ ให้เกินวันละ 100 ครั้ง

11. บันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก ช่วยทำให้สมองคิดในเชิงบวก ทำให้หลับฝันดี มีสมาธิ

12. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงเวลา 21.00 น. จะเป็นช่วงเวลานอนที่ดีที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

10 ข้อสงสัย ไขความงามศีรษะจรดเท้า





















10 ข้อสงสัย ไขความงามศีรษะจรดเท้า
1. อยากได้ผมสวยถูกใจ ไปร้านเสริมสวยทีไรไม่ได้ดั่งใจสักที มีข้อแนะนำอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการดัด การตัด การทำสี ควรนำรูปแบบที่เราชอบไปให้ช่างดูเพื่อประกอบกับคำอธิบายด้วยจะดีกว่า เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น จะได้ไม่มีการผิดพลาดในภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบอื่นๆก็มีความสำคัญ ความสามารถของช่างผมและร้านนั้นๆ จะรู้ได้ว่าดีหรือไม่ดี ให้สังเกตลักษณะร้าน และคำบอกเล่าจากเพื่อนๆ ที่เคยทำผมจากที่ร้านนี้ ก่อนที่จะนำรูปแบบผมที่เราชอบไปให้ช่างดู ให้พิจารณาดูให้ถ้วนถี่ว่าเป็นแบบผมที่เราชอบจริงๆ ตัดส่วนประกอบต่างๆ ออกไป เช่น ใบหน้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับของนางแบบ มิใช่วาดฝันว่าตัดออกมาแล้วจะสวย เหมือนก้อย รัชวิน หรือ แพนเค้ก แบบผมที่นำไปอาจไม่เหมาะกับเรา ให้ช่างช่วยชี้แนะหรือฟังคำแนะนำ จากผู้อื่น โดยไม่ขึ้งโกรธ อาจสามารถดัดแปลงทรงให้เข้ากับใบหน้าเรามากขึ้น ผมทรงนั้นๆ อาจจะไม่เหมาะกับสภาพเส้นผมของเรา เช่น ผมสลวยเป็นขอดสวยอย่างบรู๊ก ซีลด์ ไม่อาจทำบนเส้นผมแห้งฟูบางอย่างเราได้ และอาจต้องใช้เวลานานมากเกินไปในการตกแต่งในตอนเช้า ผมสวยของนางแบบ กว่าจะถ่ายรูปออกมาแต่ละรูปนั้น ได้รับการดูแลตกแต่งจากสไตลิสต์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ใช้เทคนิคมากมายในการถ่ายรูปให้ผมเงาสวย 2. ทำไมจึงต้องมาสก์หน้า มาสก์มีประโยชน์อย่างไร ช่วยแนะนำด้วย การล้างหน้าด้วยครีมและเช็ดผิวด้วยโลชั่นเป็นประจำวันนั้น ไม่เป็นการเพียงพอ ผิวควรได้รับการดูแลทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าปกติ เช่น มาสก์สำหรับผู้ที่มีผิวมัน จะช่วยทำความสะอาดผิวและดูดซับความมัน ปรับความสมดุลของผิว ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การมาสก์หน้านั้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ทำความสะอาดผิวให้สะอาด การมาสก์หน้าไปบนใบหน้าสกปรก เสมือนลงยาขัดเงาไปบนพื้นผิวที่สกปรก ก่อนใช้มาสก์แต่ละยี่ห้อ อ่านขั้นตอนการใช้อย่างละเอียด โดยเฉพาะวิธีการ ระยะที่ใช้มาสก์หน้า และวิธีการชำระออก แต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีแตกต่างกัน ทามาสก์จำนวนพอควรไปบนใบหน้า อย่าขี้เหนียวเกินไป หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางที่สุด หลังจากทา ล้างมาสก์ออกแล้ว เซลล์เก่าจะถูกขจัดออกไป จึงควรทาครีมบำรุงทันที เพราะผิวจะซึมซับมอยส์เจอไรเซอร์ได้อย่างรวดเร็ว 3. สีเมคอัพในปัจจุบันค่อนข้างเป็นสีอ่อน และเป็นประกาย จะเหมาะกับคนที่มีอายุมากไหม พวกสีอ่อนใสเป็นประกายนั้น เหมาะกับวัยรุ่นที่มีผิวพรรณสดใสเต่งตึง แต้มเติมไปเล็กน้อยย่อมดูสวยใสอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นผู้ที่มีผิวพรรณดีอยู่แล้ว เครื่องสำอางที่เป็นประกายสามารถใช้แต้มเติมเล็กน้อยไปบนบริเวณเปลือกตา โหนกคิ้ว กลางปาก เพื่อความอวบอิ่ม และบนสีเล็บ จะไม่แต้มเติมไปทุกส่วนของใบหน้า หากเมื่อถูกถ่ายรูปมาจะดูหน้าบวม ไม่สวยที่สุด การแต่งหน้าสำหรับผู้ที่มีอายุนั้น ไม่ควรตามแฟชั่นมากเกินไป ยึดสีเป็นธรรมชาติที่เหมาะกับผิว และทำให้เราดูดีอยู่เสมอ จะดีกว่า 4. สีชมพูมาแรงสำหรับสีลิปสติกช่วงนี้ เลือกสีอย่างไรให้ดูดีเหมาะกับสีผิว การเลือกสีลิปสติกก็เหมือนการเลือกสีเสื้อผ้า หากเรามีสีผิวออกโทนร้อน มีเหลืองผสมอยู่มาก ให้เลือกสีชมพูอมส้ม หากเรามีผิวโทนเย็น ผิวขาวออกชมพู ให้เลือกชมพูออกม่วงๆ อย่างไลแลคได้ อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าต้องดูให้กลมกลืนกันทั่วทั้งใบหน้า ไม่ใช่ทาปากสีชมพู แล้วปัดแก้มสีออกส้ม จะดูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเลือกสีลิปสติกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีใดๆ ให้ยึดหลักการของโทนสีผิวไว้เช่นเดียวกัน ผิวโทนร้อนควรเป็นสีแดงออกส้ม ผิวโทนเย็นออกสีแดงโกเมน แดงผลไม้สุกได้ (เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สีไวน์ เป็นต้น) 5. ครีมขจัดเซลลูไลต์ต่างๆช่วยลดไขมันได้แค่ไหน ครีมขจัดเซลลูไลต์ต่างๆใช้เดี่ยวๆนั้นไม่ได้ผลแน่นอน ต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการคลายความเครียด และไม่ใช่ทำแค่วันสองวัน ต้องทำเป็นกิจวัตรทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน จึงจะเห็นผล สำหรับผิวบางชนิดที่มาจากกรรมพันธุ์ และสังขารนั้น ครีมใดๆก็ไม่สามารถช่วยให้เรียบตึงได้เลย อาจช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้นบ้าง 6. มีคำแนะนำอย่างไรสำหรับการดูแลผิวพรรณที่บอบบางแพ้ง่ายคำแนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวพรรณบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางสำหรับผิวบอบบาง ข้างๆขวดอาจเขียนว่า "Hypoallergenic" หรือ "Allergy Tested" อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผ่านการทดสอบแล้ว ก็อาจเกิดอาการแพ้ได้อยู่ดี ดังนั้น ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนบริเวณใต้ท้องแขนสักหลายๆวันหน่อย จนแน่ใจว่าไม่แพ้ จึงเริ่มใช้บนใบหน้าบริเวณเล็กๆใกล้ๆใบหูก่อน(เผื่อแพ้ก็ปิดได้ด้วยผม) พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่จะทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการคัน ใช้เครื่องสำอางทำความสะอาดผิวที่ไม่ใช่สบู่ ปกป้องผิวจากแสงแดด เมื่อเลือกซื้อครีมกันแดด พยายามหลีกเลี่ยงส่วนผสมของสารกันแดดที่เป็นเคมี เลือกพวกที่มีส่วนผสมของไททาเนียม ไดออกไซด์แทน หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ขจัดลอกเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA หากเกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้เครื่องสำอางนั้นๆทันที ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็นเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที บรรเทาผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้ และถ้าเกิดอาการแพ้มาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้เป็นกิจลักษณะ

ประโยชน์ของชาเขียว

ประโยชน์ของชาเขียว




ใครชอบทานชาเขียวทราบหรือไม่ว่าชาเขียวมีประโยชน์หลายอย่าง วันนี้มีความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน... ชาเขียวประกอบด้วยสารอาหารธรรมชาติจำนวนมาก มีสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ ในการเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์อย่างแรง และมีฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็งด้วย ชาเขียวสามารถส่งเสริมการรักษาเคมีบำบัดได้ด้วย นอกจากนี้ชาเขียวยังมีผลดีต่อโรคหัวใจ และช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด มีการนำชาเขียวมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหลายอย่าง ได้แก่ ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง ไขมันคอเลสเตอรอสและไตรกลีเซอไรด์ ความดันโลหิต ลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด โรคหัวใจ โรคตับและโรคเหงือกอักเสบ

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน

ร้อนในหรือแผลในปาก เชื่อว่าทุกคนคงเคยเป็นกัน เวลาเป็นแล้วจะเจ็บและรับประทานอะไรก็ลำบาก วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนในมาฝากกัน.. 1. ระวังอย่าให้ท้องผูก เพราะร้อนในมักจะเป็นร่วมกับท้องผูก 2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร้อนใน เช่น ของทอด ของมันๆ ขนม น้ำตาล ทุเรียน ลำไย ข้าวเหนียวมะม่วง ฯลฯ อาหารพวกนี้กินแต่เพียงน้อยๆ อย่ากินมาก 3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น กระเทียม หอม ขิง ฯลฯ แต่พริกกินได้ 4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดอารมณ์เครียด ความเครียดส่วนมากทำให้เป็นโรคนี้ 5. รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างเข้มงวด คือ แปรงฟันทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหารแล้ว(ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังอาหาร) 6. ดื่มน้ำมากๆ วันหนึ่ง ๆ ให้ได้ 10 แก้วขึ้นไป 7. อย่าอดนอน 8. กินผักและผลไม้มากๆ

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำสปาที่บ้าน เพื่อผิวสวย


ทำสปาที่บ้าน เพื่อผิวสวย
ดอกไม้หรือปาร์ตี้หรูใต้แสงเทียนออกจะดูเป็นมุกเก่าเล่าใหม่สำหรับวันวาเลนไทน์ไปเสียแล้ว เพราะเรามีกิจกรรมใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์คู่รักอย่างการทำสปาที่บ้าน ช่วยให้ผิวสวยได้ในบรรยากาศแสนโรแมนติก Her Favorite Spa ผู้หญิงช่วงอายุ 25-35 ปี ร้อยละ 60 มีปัญหาผิวแห้ง เพราะการเสื่อมของคอลลาเจนและน้ำในผิวลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา และมุมปาก ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือมีผิวมัน และเกิดปัญหาสิว ดังนั้นสูตรที่จะเตรียมไว้ให้เซอร์ไพร้ส์หวานใจต้องเป็นสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีสูตรมาร์คสหน้า ส่วนผสม (สูตร1) กล้วยหอมสุก 1/2 ผล + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา +น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา วิธีทำ นำกล้วยหอมมาบดละเอียดผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) His Favorite Spa ผิวผู้ชายผลิตน้ำมันมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า เพราะชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้มีความหนามากกว่าผิวผู้หญิง จึงไม่ค่อยเจอปัญหาผิวแพ้ง่าย แต่จะพบปัญหาริ้วรอยลึก และรอยแผลเป็นจากสิว สูตรดูแลผิวสำหรับคุณผู้ชาย จึงต้องมีจุดเด่นตรงช่วยแก้ปัญหาผิวมัน ลดสิว และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้สูตรมาร์คสหน้า ส่วนผสม (สูตร1) ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนชา + น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + ไข่ขาว 1 ฟอง วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน พอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าจะรู้สึกหน้าตึงแห้ง ล้างออกด้วยน้ำสะอาด (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) Spa for Couple เมื่อพอกหน้าเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับการขัดถูตัวด้วยสูตรที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น ส่วนผสม (สูตร 1) (สำหรับ 2 คน) ขมิ้นผง 2 ช้อนชา + นมสด 1 กล่อง+ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมด นำมาพอกตัวหลังอาบน้ำเสร็จ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) 4 ขั้นตอน Spa @ Home 1. สำรวจเวลากันสักหน่อย เพราะคุณต้องมีเวลาว่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงสำหรับการทำสปาแต่ละครั้ง 2. เมื่อเตรียมสูตรที่เหมาะกับตัวเองหรือเขาคนนั้นไว้แล้ว ควรทำความสะอาดใบหน้าหรือร่างกาย เช็ดให้พอหมาด ก่อนลงมือขัดหรือพอกผิว 3. สำหรับสูตรขัดตัว อาศัยหลักนวดแบบง่ายๆ คือ นวดวนเป็นวงกลมอย่างเบามือ ส่วนการพอกหน้านั้นต้องเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ 4. สูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือน้ำผึ้งอาจจะล้างออกยาก แนะนำให้เช็ดด้วยน้ำอุ่น แล้วจึงล้างด้วยน้ำเย็น

รถพลังแดด


รถพลังแดด
มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งโบคุ่ม ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี ได้เปิดตัวต้นแบบรถพลังแสงอาทิตย์ประหยัดพลังงาน เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้ารถคันนี้มีชื่อเรียกว่า BOcruiser ซึ่งรถคันนี้เป็นผลงานของนักศึกษาร่วม 30 คน ที่ประดิษฐ์เจ้ารถคันนี้ขึ้นมา เพื่อนำไปใช้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ World Solar Challenge ด้วยระยะทางการแข่งขัน 3,000 กิโลเมตร ที่ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนกันยายนนี้ ถึงรถคันนี้ มันจะหน้าตาแปล๊ก…แปลก แต่ช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่ถาวรเช่นน้ำมัน โดยการมาใช้พลังงานถาวร เช่น แสงอาทิตย์ คงช่วยลดโลกร้อนไปได้อีกโขเลยนะคะ ถ้ารถแบบนี้ถูกนำมาใช้ได้จริงคงจะดีไม่น้อย ^^

ริ้วรอยแตกลายลบได้ด้วยว่านหางจระเข้


ริ้วรอยแตกลายลบได้ด้วยว่านหางจระเข้

ใครที่มีปัญหาริ้วรอยแตกลาย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ลองหาว่านหางจระเข้มาช่วยลบริ้วรอยกันดู ริ้วรอย อาจเกิดขึ้นมาจากการคลอดบุตรหรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และโดยเฉพาะกับสาวๆ ที่อายุยังน้อยแล้วเกิดปัญหาหน้าท้อง น่อง สะโพกลายกันได้ วิธีทำง่ายๆ คือ ให้ใช้วุ้นสีขาวจากว่านห่างจระเข้ที่ล้างยางออกแล้วมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกเช้า เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆ จางลงได้ เพิ่มความมั่นใจให้ อวดผิวสวยได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้าหากไม่มีว่านหางจระเข้ก็สามารถใช้ใบบัวบกแทนได้ โดยการนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกเช้า - เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆ จางลงได้เช่นกัน

เลือกรับประทานซูชิให้ปลอดภัย


เลือกรับประทานซูชิให้ปลอดภัย
นักวิจัยทางด้านอาหารกล่าวว่า ซูชิที่ถูกจัดเตรียมอย่างเหมาะสมและมีกรรมวิธีการประกอบอาหารตามหลักขององค์การอาหารและยา จะทำให้คนชอบรับประทานซูชิไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเนื้อปลาดิบที่นำมาทำซูชิว่า จะมีพยาธิปนเปื้อนอยู่หรือไม่ หรือปลาดิบที่รับประทานนั้นสะอาดแค่ไหน การเตรียมซูชิ จำเป็นต้องมีกรรมวิธีที่จะดูแลกระบวนการความสะอาดพิเศษ ทั้งเนื้อปลาดิบและ ข้าว เพราะถ้าความเย็นไม่เพียงพอ เนื้อปลาดิบอาจเกิดแบคทีเรียที่สามารถเจริญเติบโตได้ในเนื้อปลาที่ไม่สด และสามารถสร้างสารเคมีในร่างกายที่จะกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร สารเคมีที่สร้างขึ้นมานี้อาจจะกลายเป็นสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทได้ ดังนั้นควรเลือกร้านขายที่มีการแช่เนื้อปลาที่ช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -4 องศาฟาเรนไฮต์ (-20 องศาเซลเซียส) อยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่เสี่ยงต่อการเกิดพยาธิในร่างกายเรา และถ้าอยากให้มั่นใจถึงประโยชน์ของการรับประทานมากกว่านี้ ก็แนะนำว่าควรรับประทานอาหารที่สุกแล้วจะดีกว่า

ผิวแห้ง ผลไม้ สด ช่วยได้


ผิวแห้ง ผลไม้ สด ช่วยได้
ทราบหรือไม่ว่า นอกจากผลไม้สดจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว ยังสามารถลดอาการผิวแห้งได้ด้วย ผลไม้สดอร่อยๆ มีให้เลือกกินมากมาย แต่อย่าปล่อยให้ความสดหวานผ่านลงท้องไปเพียงอย่างเดียว ผลไม้สดนั้นยังสามารถนำมาใช้พอกผิวเพิ่มความเนียนใส ไร้จุดแห้งกร้านได้ด้วย วิธีทำ คือ คัดผลไม้สดๆ อย่าง องุ่น กล้วย เอาแบบสุกพอดีๆ อย่างอมเกินไป พร้อมด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมสด และ น้ำผึ้งอย่างละพอประมาณ มาปั่นรวมกันจนได้เป็นครีม พอกนวดให้ทั่วผิวกาย เน้นที่จุดแห้งกร้านอย่างข้อศอก หัวเข่า เท้า แล้วทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาที ค่อยล้างออก

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของสับปะรด


ประโยชน์ของสับปะรด

ใครที่ชอบรับประทานสับปะรด ทราบหรือไม่ว่า สับปะรดนั้นมีประโยชน์อย่างไร วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน... สับปะรด เป็นพืชที่รสชาติดี ใช้กินเป็นผลไม้ หรือปรุงเป็นอาหาร ส่วนมากนิยมนำไปแปรรูปทำเป็นสับปะรดกระป๋อง และสับปะรดกวน ส่วนใบมีเส้นใยยาวเหนียว สามารถนำไปทำเป็นเชือก หรือทำเป็นกระดาษ สับปะรดมีรสหวานฝาดเล็กน้อย สารอาหารที่อยู่ในสับปะรดมีประโยชน์จำนวนมาก และมีคุณค่าทางยาสูง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน การรับประทานที่ถูกวิธี คือ ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียง เป็นแถวๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อนๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทาน

นักท่องเที่ยวยอดแย่


นักท่องเที่ยวยอดแย่
บ้านเราก็เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ มาลองดูกันซิว่า ใจของคนไทยเราจะตรงกับผลสำรวจของบริษัทท่องเที่ยวเอ็กซ์พีเดีย ในเรื่องท่องเที่ยวยอดแย่และยอดเยี่ยมหรือเปล่า ซึ่งเขาสอบถามกับโรงแรมต่างๆ 4,500 แห่งทั่วโลก ผลปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เขาโหวตให้ชาวฝรั่งเศสเป็นนักท่องเที่ยวที่แย่ที่สุดในโลก นั่นคือทั้งหยาบคาย ขึ้ตืด และไม่พยายามเรียนรู้ที่จะพูดภาษาท้องถิ่นใดๆ ประเภทยอดแย่ที่รองลงมาก็มี อินเดีย จีน สเปน และกรีก สำหรับเรื่องแย่ๆ ของชาวฝรั่งเศส เอ็กซ์พีเดียเขาก็แก้ต่างแทนให้ว่า เพราะส่วนใหญ่แล้วชาวฝรั่งเศสมักท่องเที่ยวอยู่แต่ในบ้านของตนเอง พอออกนอกประเทศด้วยความไม่คุ้นเคยก็เลยเคร่งเครียดจนถูกมองว่าเป็นคนถือตัว ยโสโอหัง ส่วนนักท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่สุดในโลกตกเป็นของญี่ปุ่น เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว เขาว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นั้นแสนสุภาพ สะอาดสะอ้าน และไม่จู้จี้ขี้บ่น รองๆ ลงมาก็มีอังกฤษ แคนาดา เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์

ดอกลาน บานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี


ดอกลาน บานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี
ตะลึงป่าลานผืนสุดท้ายกว่า 3 หมื่นไร่ ออกดอกบานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี ชี้เป็นวัฎจักรออกดอกแล้วต้นจะตาย มีไม้รุ่นใหม่ขึ้นทดแทน แต่สถานการณ์น่าห่วงคาดเหลือเพียงแห่งเดียวที่อุทยานแห่งชาติทับลาน นายตระกูล อาจอารัญ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 2 (สวนห้อม) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจปริมาณต้นลานในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 30,000 กว่าไร่ เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย- ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้ต้นลานกำลังออกดอกเตรียมที่จะผลิบานในเดือน ก.ย.นี้จำนวนมาก และคาดว่าในปีนี้จะมีต้นลานที่ออกดอกบานมากที่สุดในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา สร้างความสวยงามแปลกตาให้กับบริเวณป่าลานในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานมากที่สุดอีกปีหนึ่งอีกด้วย โดยต้นลานที่กำลังออกดอกในขณะนี้ เป็นต้นลานที่มีอายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งตามธรรมชาติแล้วดอกลานจะออกดอกเพียงหนึ่งครั้ง และเมื่อออกดอกแล้วลำต้นก็จะเหี่ยวตายและมีต้นลานต้นใหม่ที่เกิดจากดอกลานที่กลายเป็นเมล็ดผลิขึ้นมาแทนที่ต้นเดิม นายตระกูล กล่าวว่า ใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจทางอากาศเหนือพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลานทั้งหมด พบว่า ปริมาณของดอกลานในปีนี้มีจำนวนมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเดือน มิ.ย – ก.ค. เป็นช่วงที่ต้นลานเริ่มผลิดอก เริ่มบานในเดือน ส.ค.และจะบานเต็มที่ในเดือน ก.ย. - ม.ค. 2553 จากนั้นจะเริ่มร่วงจนหมดในเดือน พ.ค. ทำให้ขณะนี้ทั่วทุกบริเวณของพื้นที่ในเขตอุทยาน ทับลาน จึงเต็มไปด้วยดอกลานที่กำลังบานเป็นสีขาว ครอบคลุมไปทั่ว ทั้งในพื้นที่ป่าด้านล่าง รวมไปถึงตามยอดเขา และน้ำตกต่างๆ ทำให้เริ่มมี นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมความแปลกตาของดอกลานมากขึ้นแล้ว "จากหลักฐานข้อมูลที่เราเคยสำรวจเก็บไว้ พบว่าเมื่อประมาณปี 2546-47 หรือประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก็เคยมีจำนวนดอกลานออกดอกบานสะพรั่งจำนวนมาก ครอบคลุมทั่วบริเวณอุทยานฯ ไปหมด แต่พอปีต่อๆ มาดอกลานก็ลดน้อยลง ไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนคราวนั้น แต่พอมาถึงปีนี้ก็กลับพบว่ามีดอกลานออกดอกมาจำนวนมากอีกครั้ง สามารถสังเกตเห็นได้ทั่วไปทั้งบริเวณต้นที่อยู่ตามริมถนน หรือเข้าไปในบริเวณป่า โดยดอกลานจะออกดอกเพียงครั้งเดียวเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนที่มันจะตายลง มีดอกเป็นสีขาว ต้นหนึ่งจะผลิตดอกประมาณ 60 ล้านดอกทีเดียว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของต้นลานทั่วประเทศกำลังน่าเป็นห่วง ล่อแหลมต่อการถูกรุกรานจนมีปริมาณลดลง เพราะถูกชาวบ้านตัดทิ้งเพื่อใช้นำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก่อนหน้านี้พบต้นลานมากอยู่ในหลายพื้นที่ เช่นที่ ต.ดงลาน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หรือ ในพื้นที่หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ แต่เชื่อว่ามีเพียงที่ทับลานเท่านั้นที่ยังคงมีต้นลานหน่าแน่นมากที่สุดในประเทศไทย "ต้นลานเป็นต้นไม้โบราณ ที่มีประโยชน์หลายอย่าง ในอดีตใบลานจะถูกนำมาใช้ในการเขียนบันทึกต่างๆ รวมทั้งเขียนเป็นคัมภีร์ และใช้ทำเป็นเครื่องจักรสาน ส่วนเม็ดลานก่อนหน้านี้จะนำมาทำเป็นขนมหวาน เรียกว่า ลูกชิด แต่ภายหลังเลิกใช้เปลี่ยนไปใช้ลูกจากแทน นอกจากนี้ต้นลานยังมีประโยชน์ในระบบนิเวศแสดงถึงความสมบูรณ์ของป่าอีกด้วย ดังนั้นการที่ดอกลานออกดอกมากในปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้เรียนรู้ และร่วมอนุรักษ์ต้นลาน ซึ่งถือว่าเป็นต้นไปดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ให้เพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นต่อไป" นายตระกูล กล่าว นอกจากนี้ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 2 (สวนห้อม) กล่าวอีกว่า สำหรับนัก ท่อง เที่ยว หรือประชาชนที่สนใจอยากจะเข้ามาดูดอกลานบานในปีนี้ สามารถเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา โดยในระยะช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้จะเป็นช่วงที่ดอกลานบานอย่างเต็มที่ และมองเห็นได้ง่ายตลอดริมข้างทาง และจะค่อยๆ เข้าสู่ระยะร่วงโรยในเดือน ต.ค. ไปจนถึง เดือน พ.ค. 53 แต่ก็ยังสามารถชื่นชมดอกลานและเม็ดลานได้เพราะมีอยู่ปริมาณมาก ทั้งนี้ทางอุทยานฯ ได้จัดเตรียมแผ่นพับ รวมถึงบอร์ดให้ความรู้วิชาการเกี่ยวกับต้นลานไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นลานโดยการใช้หนังสติ๊ก ยิงเม็ดลาน จากบริเวณผาเก็บตะวัน ไปบนพื้นที่ด้านล่างเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอีกด้วย "เม็ดลานที่จะร่วงลงและกลายเป็นต้นลานต้นใหม่นี้ ในชั่วชีวิตเราอาจจะไม่สามารถกลับมาเห็นมันออกดอกได้อีกเพราะมันจะออกดอกตอนอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่เราก็สามารถมองเห็นดอกลานของต้นลานอื่นๆ ได้ และหากไม่ได้ชมดอกลานบานจำนวนมากที่สุดในปีนี้ ก็อาจจะต้องรอไปอีก 5-6 ปี ที่ดอกลานจะบานให้เห็นเยอะๆ ขนาดนี้" หน.เขต อช.ทับลานที่ 2 (สวนห้อม) กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับป่าลาน ที่อุทยานทับลาน สภาพจะเป็นป่าโปร่ง มีลานขึ้นอย่างหนาแน่นทั่วพื้นที่ ป่าลานนี้มีเนื้อที่ 200 ไร่ บริเวณที่ราบบนเขาละมั่ง ด้านตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ไม้ลานเป็นพืชในตระกูลปาล์ม ( Palmae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corypha lecomtei Becc. บริเวณป่าลานและป่ารุ่นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่สามารถปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้แก่ กระรอก หนู กระต่ายป่า พังพอน เก้ง กวางป่า เหยี่ยวขาว นกคุ่มอกลาย กิ้งก่าหัวแดง ตุ๊กแกบ้าน กิ้งก่าหางยาว อึ่งอ่างบ้าน และคางคก

5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก


5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก

กิจการ "รถไฟเมืองไทย" ผ่านกาลเวลามายาวนาน 120 กว่าปี ยังไม่ค่อยพัฒนาไปไกลจากคำค่อนขอด "ถึงก็ชั่ง-ไม่ถึงก็ชั่ง" แถมบางครั้งมีหมัดหนูโดยสารไปเป็นเพื่อนอีกต่างหาก ครั้นจะนั่งรถไฟฟ้ารางก็แสนสั้นวิ่งเอื่อยๆ วนไปวนมาแต่ในตัวเมือง

วันนี้ถือโอกาสที่นิตยสารเทคโนโลยีเครื่องยนต์กลไกเล่มดังของสหรัฐอเมริกา "ป๊อปปูลาร์ เมคานิกส์" ฉบับใหม่ตีพิมพ์บทความ "สุดยอด 5 รถไฟความเร็วสูงสุดในโลก" นำเรื่องราวมาถ่ายทอดต่อให้แสบกระดองใจเล่นๆ ว่า "รถไฟต่างแดน" เขาพัฒนาไปไกลถึงไหนต่อไหนกันบ้างแล้ว!

1. Shanghai Maglev : เซี่ยงไฮ้แม็กเลฟ

สถานที่ : นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างสถานีหลงหยาง เขตพู่ตง กับท่าอากาศยานนานาชาติพู่ตง ในอนาคตมีแผนขยายเส้นทางไปยังท่าอากาศยานหงเฉียว เชื่อมต่อไปเมืองหังโจว

ระยะทาง : 19 ไมล์ (30 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 268 ไมล์ ต่อชั่วโมง หรือราว 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 311 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : "เซี่ยงไฮ้แม็กเลฟ" สร้างสถิติเป็น "รถไฟฟ้าแม่เหล็กความเร็วสูง" (แม็กเลฟ) ขบวนแรกของโลกที่วิ่งให้บริการเชิงพาณิชย์ด้วยความเร็วสูงสุด

ระบบการทำงานแตกต่างจากรถไฟรางทั่วโลก เพราะตัวรถทั้งขบวนจะถูกกลไกสนามแม่เหล็กยกให้ลอยสูงจากราง ประมาณ 1-10 มิลลิเมตรแล้วแต่จังหวะการวิ่ง จึงไม่มีล้อ ไม่มีเบรก ไม่มีเพลา ไม่มีระบบส่งกำลัง ผู้พัฒนาเรียกระบบนี้ว่า "ไกด์เวย์"

อย่างไรก็ตาม วิศวกรบางกลุ่มมองว่า ราคาการลงทุนวางโครงข่ายรถไฟแม็กเลฟสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากเกินไป และยังไม่แน่ชัดว่าถ้าวิ่งระยะยาวแล้วจะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่

2. Alta Velocidad Espanola (AVE) : รถไฟความเร็วสูงเอวีอี

สถานที่ : ประเทศสเปน วิ่งเชื่อมต่อเมืองใหญ่ 4 เมือง ประกอบด้วย มาดริด, เซบีญา, มาลาก้า และบาร์เซโลนา

ระยะทาง : 410 ไมล์ (660 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 210 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 338 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 227 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 365 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : ในอดีตรางรถไฟสเปนจะมีขนาดความกว้าง 1,668 มิลลิเมตร แต่รถเอวีอี ใช้รางมาตรฐาน 1,435 มิลลิเมตร ซึ่งใช้โดยทั่วไปในทวีปยุโรป

นอกจากนั้น กลไกการทำงานหล่อเลี้ยงด้วยกระแสไฟฟ้า 25 กิโลวัตต์ (AC) เพื่อให้เข้ากับรถไฟของประเทศอื่นๆ ในยุโรปเช่นกัน แสดงถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของสเปนที่ต้องการขยายเส้นทางเอวีอีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมืองแปร์ปินญอง ประเทศฝรั่งเศส

วัตถุประสงค์เพื่อให้การเดินทางระหว่าง 4 เมืองใหญ่คล่องตัว และส่งผู้โดยสารกระจายต่อไปทั่วประเทศด้วยรถด่วนตามปกติอีกทอดหนึ่ง

3. Beijing-Tianjin Intercity Railway : รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เทียนสิน

สถานที่ : ประเทศจีน วิ่งระหว่างกรุงปักกิ่ง กับเมืองเทียนสิน

ระยะทาง : 71 ไมล์ (114 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 217 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 245 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 394 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : เริ่มเปิดบริการเมื่อปี พ.ศ.2551 นี่เอง ตัวรางไม่มีบัลลาสต์ ส่วนโครงสร้างฐานรางรถไฟรองรับด้วยพื้นคอนกรีต ทำให้รางแข็งแรงมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ต้องคอยเสียเวลาซ่อมแซมบูรณะมากนัก

ในอดีตการโดยสารรถไฟจากปักกิ่งไปเทียนสิน ใช้เวลา 70 นาที แต่ด้วยรถไฟสายใหม่นี้ช่วยร่นเวลาลงมาเหลือ 30 นาที ภายหลังเปิดบริการปีแรก สามารถขนส่งผู้โดยสารได้กว่า 18.7 ล้านคน

4. Train a Grande Vitesse (TGV) : รถไฟความเร็วสูงเตเจเว (ทีจีวี)

สถานที่ : ประเทศฝรั่งเศส ชุมทางตั้งต้นเริ่มจากกรุงปารีสแล่นออกสู่สถานีใน 200 กว่าเมืองทั่วประเทศ เช่น นีซ ลียง อาวินยง และดิฌอง

ระยะทาง : 538 ไมล์ (865 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 217 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 356 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 572 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : เริ่มเปิดวิ่งเป็นครั้งแรกระหว่างกรุงปารีส นครหลวงฝรั่งเศส กับเมืองลียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ต่อมาจึงขยายเส้นทางอย่างรวดเร็ว สร้างตำนานเป็นรถไฟความเร็วสูงที่ชาวโลกได้ยินชื่อคุ้นหูมากที่สุด และยังวิ่งข้ามไปยังชาติเพื่อนบ้าน เช่น วิ่งลอดอุโมงค์ใต้ทะเลไปอังกฤษ

ระบบไฟฟ้าสลับสับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ ทั้งกระแสไฟมาตรฐานในยุโรป 25 กิโลวัตต์ (AC) และระบบไฟ 1.5 กิโลวัตต์ (DC) ของฝรั่งเศส ปัจจุบันครองตำแหน่งแชมป์รถไฟที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารตามตารางเวลาเร็วที่สุดในโลก 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5. Nozomi Shinkansen : รถไฟความเร็วสูง "โนโซมิ ชินคันเซ็น"

สถานที่ : ประเทศญี่ปุ่น ให้บริการเส้นทางสายโทไกโด/ซันโย ชินคันเซ็น จากโตเกียวไปฮากาตะ

ระยะทาง : 664 ไมล์ (1,068 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 186 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 299-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 275 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 442 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : "โนโซมิ" เป็นชื่อรุ่นรถไฟในเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง (ชินคันเซ็น) ของญี่ปุ่น ซึ่งทำความเร็วสูงที่สุดในกลุ่ม

ความเร็วของ "โนโซมิ" แต่ละรุ่น หรือแต่ละซีรีส์ไม่เท่ากัน โดยบางรุ่นวิ่งได้ถึง 442 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบันการโดยสารโนโซมิจากกรุงโตเกียว ไปยังนครโอซากา ระยะทาง 515 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษ

จุดเด่นรถไฟไฮเทครุ่นนี้ คือ ออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ติดตั้งกระจกโพลีคาร์บอเนตซึ่งแตกยาก-ทนทานต่อแรงกระแทกสูง และมีระบบ "แอร์สปริง" ใช้แรงอัดอากาศช่วยประคองสมดุลขบวนรถเวลาเข้าโค้ง