วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

5 สิ่งมหัศจรรย์ ทางเลือกของโลก


5 สิ่งมหัศจรรย์ ทางเลือกของโลก
สำหรับนักท่องเที่ยวระดับ "ตัวแม่" แล้ว ความฝันสูงสุดคือ การได้ไปเยือนสถานที่ที่ได้ชื่อว่า เป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

ซึ่งความจริงแล้วยังมีสถานที่บางแห่ง ที่นักท่องเที่ยวอาจนึกไม่ถึง แต่ก็งดงามไม่แพ้ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เหล่านั้น ในหนังสือชื่อ The Road Less Travelled ของ บิล ไบรสัน เขาเขียนถึง สถานที่ท่องเที่ยว ที่ถูกจัดอันดับไว้เกินจริง พร้อมกับแนะนำสถานที่ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทางเลือก ไว้ดังนี้
อะเวอบิวรี่ ประเทศอังกฤษ
สโตนเฮนจ์ กองหินประหลาดกลางทุ่งนาแห่งเมืองซัลลิสเบอรี มณฑลวิลไชร์ ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ขนาดของหินและการเรียงตัวกันของมันนั้นน่าทึ่งมาก เชื่อกันว่าพวกนอกศาสนาใช้เป็นสถานที่ในการทำพิธีเคารพดวงอาทิตย์ แต่คุณไม่สามารถแตะต้องหรือเดินเข้าไปสำรวจใกล้ ๆ กองหินได้ และต้องเสียค่าเข้าชมด้วย นอกจากนี้สถานที่ตั้งยังอยู่ในจุดที่เปล่าเปลี่ยว ทำให้คนรู้สึกอ้างว้าง แถมยังมีที่ให้หลบฝนน้อยมาก และยังไม่มีพิพิธภัณฑ์ ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ก็มีน้อยมาก

แม้ว่าสโตนเฮนจ์จะเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่กองหินที่ "อะเวอบิวรี่" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสโตนเฮนจ์นักก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเป็นกองหินรูปวงกลมที่มีขนาดใหญ่กว่าและคนสามารถเข้าใกล้ชิดได้มากกว่าด้วย
ลาบิเบล่า ประเทศเอธิโอเปีย
เพตรา มหานครศิลาสีชมพู เป็นเมืองที่แกะสลักขึ้นบนภูเขาทั้งลูก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศจอร์แดน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นอาณาจักรของชาวนาเบเทียนซึ่งเป็นพ่อค้าชาวอาหรับที่สร้างความร่ำรวยจากการค้ายางสนที่มีกลิ่นหอม ปัจจุบันได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครก็ตามที่ไปทัวร์ตะวันออกกลางต้องไม่พลาด และเพราะความยอดนิยมของมันเองที่กลับกลายมาเป็นภัย เพราะโรงแรมที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดรอบ ๆ เพตรา กำลังรุกคืบกินพื้นที่ของมหานครแห่งนี้

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบวิหารแบบเพตรา คุณอาจจะรู้สึกหลงรักใน "ลาลิเบล่า" วิหารศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศเอธิโอเปีย ลาลิเบล่าเป็นวิหารที่แกะสลักอยู่ภายในภูเขา และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก วิหารแห่งนี้เป็นคู่แข่งที่ท้าทายของเพตราในแง่ของความงดงามด้านศิลปะและบรรยากาศ
โคลอสเซียมแห่งปูลา ประเทศโครเอเชีย
โคลอสเซียม แห่งกรุงโรม ประเทศอิตาลี แม้ว่าบางส่วนของสนามกีฬากลางแจ้งแห่งอาณาจักรโรมันจะเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่นักท่องเที่ยวก็อดตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมันไม่ได้ สถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมมากที่สุดของอิตาลีแห่งนี้ไม่เคยมีวันที่เงียบเหงา นักท่องเที่ยวเข้าแถวยาวจนกลายเป็นความแออัดหนาแน่นในสนาม ทริปชมโคลอสเซียมจะกลายเป็นทริปแห่งความทรงจำมากยิ่งขึ้นถ้าคุณตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพที่คอยล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยว

ถ้าไม่อยากไปเบียดเสียดกับใคร ลองไปเที่ยวที่ "สนามโคลอสเซียมแห่งเมืองปูลา ประเทศโครเอเชีย" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองปูลา นับว่าไม่น้อยหน้าโคลอสเซียมที่โรมแน่ ๆ
อิสลา เดล โซล ประเทศโบลิเวีย
มาชู พิคชู นครสาบสูญแห่งอินคา เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศเปรู สร้างโดยจักรวรรดิอินคา นครแห่งนี้น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางในอเมริกาใต้ของนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่การเดินทางไปที่นั่นไม่ค่อยน่ารื่นรมย์นัก เพราะแค่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าเข้าชมตกประมาณเกือบ 7500 บาท

ถ้าคุณต้องการชมต้นกำเนิดของชาวอินคาจริงๆ แนะนำให้มุ่งหน้าไป "อิสลา เดล โซล ประเทศโบลิเวีย" ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่อารยธรรมของชาวอินคาเจริญรุ่งเรืองมากที่สุด

บุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซีย
อังกอร์ วัด หรือ นครวัด ประเทศกัมพูชาเป็นพุทธสถานที่น่าตะลึงมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก ในอดีตนครวัดถือเป็นจุดหมายที่ท้าทายนักท่องเที่ยว เพราะอยู่ไกลและเดินทางไปยาก แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวแห่กันไปเป็นจำนวนมากจนทำให้ไม่สามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมและความลึกซึ้งทางศาสนาด้วยความสงบ

ทางเลือกของคนรักวัดคือ "บูโรพุทโธ" ดินแดนแห่งเทพเจ้า ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นวัดที่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกับนครวัด แต่คนมาเที่ยวน้อยกว่า และเป็น 1 ในสิ่งมหัศจรรย์ของพุทธสถานโบราณด้วย

วิธีปฏิบัติก่อนซื้ออาหารนอกบ้าน

วิธีปฏิบัติก่อนซื้ออาหารนอกบ้าน


อ่านฉลากก่อนซื้อ ดูคุณค่าของสารอาหารในฉลากโภชนาการ ชื่ออาหาร ชื่อผู้ผลิต สถานที่ผลิต วันเดือนปีที่ผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และต้องมีเครื่องหมาย อย.

สังเกตภาชนะบรรจุ ต้องอยู่ในลักษณะที่ดีและสะอาด เช่น เครื่องดื่มอยู่ในภาชนะที่ปิดสนิท กระป๋องอยู่ในสภาพดี ไม่บุบ

สังเกตลักษณะของอาหาร สี กลิ่น และรส ต้องไม่มีความผิดปกติจากธรรมชาติ หรือเปลี่ยนแปลงจากลักษณะเดิม เช่น กลิ่นหืนหรือเหม็นเปรี้ยว หรือสีสันฉูดฉาด ควรเลือกซื้ออาหารที่ใช้สีจากธรรมชาติ

สังเกตความสะอาด ขั้นตอนการเตรียมอาหาร สถานที่เตรียมอาหาร การล้าง การปรุง และความสะอาดของผู้ขาย

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องของ ผมทรงนักเรียน


เรื่องของ ผมทรงนักเรียน

ในขณะที่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งกายหรือทรงผม แต่ด้วยเทรนด์แฟชั่นสมัยนี้ก้าวไปไกลและรวดเร็ว ชนิดคนรุ่นหลังอาจจะมึน ๆ ไปกับความแปลกใหม่ ล้ำหน้าของเหล่าวัยรุ่นทั้งหลายด้วยซ้ำ

ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ต้องปรับแต่งให้พ้นจากคำครหาว่า "ไม่อินเทรนด์" ไม่เว้นรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ หรือแม้แต่วัยรุ่น วัยเรียน ถึงจะถูกจำกัดด้วยเครื่องแบบในชุด "กระโปรงบาน ขาสั้น" แต่ก็ใช่ว่าจะยอมปล่อยให้แฟชั่นก้าวไป โดยทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลัง

ตามประสาวัยรุ่น วัยวุ่น ๆ ของเหล่าเด็กมัธยม ที่อยู่ในช่วงเรียนรู้ ลองผิดลองถูก.. ผมหน้าม้า ซอยสั้น โกรกสี จึงมีให้เห็นกันเกลื่อนตาในขณะนี้ หรือแม้แต่ในยุคสมัยหนึ่งที่กระแสแฟชั่นเกาหลี ญี่ปุ่น ครอบงำมากเข้า นักเรียนบางคนถึงขั้นตัดผมทรงพังก์ โกรกผมสีทองกันเลย จนต้องมีการออกกฎระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่ว่าด้วยเครื่องแต่งกายนักเรียน ควบคุมตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 แต่ก็ยังไม่วายมีหลุดรอดให้เห็นอยู่ดี

ในมุมมองของผู้บริหารโรงเรียนแล้ว คิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร

เริ่มจากโรงเรียนหญิงล้วนอย่าง โรงเรียนสตรีวิทยา ผู้อำนวยการ "เฟื่องฟ้า ประดิษฐ์พจน์" ระบุว่า "จริง ๆ ระเบียบของโรงเรียนสตรีวิทยา กำหนดไว้ชัดเจนเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ม.ต้น หรือ ม.ปลาย จะต้องไว้ผมสั้น แค่ปกเสื้อ จะมียกเว้นให้เฉพาะนักเรียนด้านนาฏศิลป์ หรือกรณีที่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็ต้อง ขออนุญาตเป็นรายกรณีไป ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 20 ปีก่อน นักเรียนสตรีวิทยาทุกคนผมทุกเส้นจะต้องเท่ากันหมด แต่วันนี้สังคมเปลี่ยนไปก็เข้าใจวัยรุ่น

"แต่ก็เข้าใจว่าเด็กในยุคนี้จะให้ผมทุกเส้นยาวเท่ากันคงเป็นไปไม่ได้ ก็อาจต้องยืดหยุ่นบ้าง แต่ต้องไม่เกินเลย พบกันคนละครึ่งทาง แต่ต้องอยู่ในคอนเซ็ปต์ของสตรีวิทยา คือผมสั้น ซึ่งที่ผ่านมาทั้งนักเรียนและผู้ปกครองก็รับได้ เพราะเป็นประเพณีของสตรีวิทยาที่ยึดถือกันมายาวนานแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงจะให้ทุกคนไว้ผมสั้น แต่ก็ไม่ใช่สั้นจนดูน่าเกลียด"

นอกจากนั้น ยังมีรณรงค์ไม่ให้นักเรียนไว้ผมม้า เพราะ "ต้องยอมรับว่าตอนนี้เป็นแฟชั่นฮิต เด็กกำลังนิยม แต่ถ้ามาโรงเรียนจะต้องติดกิ๊บให้ดูเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นเวลาเขียนหนังสือผมก็ไปแทงตาได้"

ผอ.เฟื่องฟ้า ยืนยันว่า กฎระเบียบเหล่านี้เป็นความพยายามที่โรงเรียนต้องการฝึกระเบียบวินัยให้กับนักเรียน เพราะถ้าเราไม่เคารพกติกาตอนนี้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนไม่เคารพสังคม ไม่รู้ว่ากฎระเบียบคืออะไร ดังนั้น เราต้องทำความเข้าใจกับเด็กให้รู้ถึงวัตถุประสงค์เหล่านี้

"ทางโรงเรียนมีอาจารย์ช่วยดูแลตรวจสอบความเรียบร้อยเดือนละ 1 ครั้ง บางทีเด็กบางคนไว้ผมยาวมากเกินไป ไม่ทันไปตัด ครูก็จะช่วยตัดให้ซึ่งบางคนก็เห็นดีด้วยเพราะโรงเรียนตัดให้ไม่ต้องเสียเงิน คิดว่าครูตัดให้สบายใจกว่า เพราะไปตัดเองบางทีก็สั้นเกินไป แต่ถ้า ทางโรงเรียนตัด ก็ไม่ได้ตัดให้สั้นไปจนน่าเกลียด ไม่ใช่การตัดเพราะลงโทษ หรือถ้าบางคนอยากไปตัดเองก็ต้องไปจัดการมาให้เรียบ ร้อยภายใน 2-3 วัน"

แม้ว่าในบางโรงเรียนเมื่อนักเรียนขึ้น ม.ปลายแล้ว ก็อนุโลมให้ไว้ผมยาวได้ แต่ต้องมัดให้เรียบร้อย แต่ผอ. เฟื่องฟ้ายืนยันว่าให้ไว้ผมยาวได้ก็มีปัญหาอีก เพราะเด็กบางคนไปซอยแบบหางหนู ตัดมาแบบแหว่งๆ รวบผมแล้วก็เหลือหางอยู่นิดเดียว เมื่อโรงเรียนเลิก ก็ปล่อยผมสยายออกมาอยู่ดี ดังนั้น จึงกำหนดระดับเดียวกันทั้ง ม.ต้น ม.ปลาย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

"ถ้าถามว่าทรงผม หรือแม้แต่การแต่งกายของนักเรียนมีผลต่อการเรียนของเด็กหรือไม่ หากผมสั้นแล้วจะเรียนเก่งขึ้นหรือ ก็ตอบได้ว่าคงไม่มีผลกระทบอะไร แต่การที่โรงเรียนต้องออกกฎทั้งเรื่องเครื่องแบบนักเรียน หรือทรงผม ก็เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักคำว่าระเบียบวินัย และเอาความตั้งใจทั้งหมดพุ่งไปที่การเรียนมากกว่าไปวิ่งตามเทรนด์ ไม่มัวแต่ห่วงเรื่องแต่งตัว ทรงผม"

ผอ.เฟื่องฟ้า เห็นว่าระเบียบเหล่านี้จะช่วยฝึกนักเรียนให้เติบโตได้อย่างมีวินัย เมื่อโตไปแล้ว สังคมมีระเบียบ กติกาอย่างไร ก็จะรู้ว่าตนเองควรปฏิบัติตัวอย่างไรได้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นในอนาคตนักเรียนก็จะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ที่มีกฎระเบียบ แต่เด็กไม่เคยมี ไม่ต้องทำตามอะไร อยากทำอะไรก็ทำ โตไปก็อยู่ในสังคมไม่เป็นสุขเท่าที่ควร

ขณะที่ฟากโรงเรียนชายล้วนอย่าง โรงเรียนสวนกุหลาบผู้อำนวยการ "มนตรี แสนวิเศษ" ก็ยอมรับว่า ในส่วนของนักเรียนชายนั้นอาจไม่มีปัญหานี้เท่ากับนักเรียนหญิง

"ระเบียบของโรงเรียนคือ นักเรียนชายทุกคนจะต้องตัดผมสั้น หรือที่รู้จักกันว่าขาวสามด้าน แต่ก็มียืดหยุ่น ในกรณีที่นักเรียนบางคนอาจได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือเข้าวงการบันเทิง ซึ่งผู้ปกครองก็จะมาขออนุญาต ทางโรงเรียนก็จะประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบหน้าเสาธงเมื่อมีนักเรียนคนใดได้รับอนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ เพื่อไม่ให้มีการครหาได้ว่า 2 มาตรฐาน"

นักเรียนที่อยากไว้ผมยาวขึ้นก็มีบ้าง อย่าง ม.ปลาย นักเรียนก็มาขออนุญาตไม่ตัด เพราะอยากไว้ผมยาวบ้าง อย่างรองทรงสั้น แต่นักเรียนชายก็ต้องเรียน ร.ด.(รักษาดินแดน) อยู่ดี ดังนั้น ก็หนีไม่พ้น ต้องหัวเกรียนหมดทุกคน

"ระเบียบที่ทางโรงเรียนกำหนดให้นักเรียนยึดถือปฏิบัติ ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยมีการฝ่าฝืน เพราะส่วนหนึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองก็เห็นดีด้วย อีกทั้งมีผลคือนักเรียนจะถูกตัดแต้มคะแนน ซึ่งถ้านักเรียน ม.ต้น ถูกตัดแต้มมากๆ ก็อาจไม่มีสิทธิ์เรียนต่อ ม.ปลาย ในโรงเรียนเดิมได้ ซึ่งผู้ปกครองก็ยอมรับ ถ้าลูกจะออกนอกกรอบ พ่อแม่จะสกรีนเบื้องต้นอยู่แล้ว"

ผอ.มนตรี เชื่อว่า "เมื่อถึงเวลานักเรียนก็สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเองอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ที่เป็นนักเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ คือส่งเสริมความเป็นผู้นำ มีวินัยในตนเอง ดังนั้น การที่นักเรียนเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่ไปตามแฟชั่น"

ในส่วนของโรงเรียนสหศึกษา ที่มีทั้งนักเรียนชาย-หญิง ผู้อำนวยการ "จำนงค์ แจ่มจันทร์วงศ์" ผู้อำนวยการโรงเรียนศรีอยุธยา บอกว่า "มาตรการของโรงเรียนจะมีข้อห้ามไม่ให้นักเรียน ซอย สไลซ์ผม แต่ก็ยอมรับว่ามีเหตุฝ่าฝืนเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะนักเรียน ม.ปลาย อนุโลมให้ไว้ผมยาวได้ บางคนก็ไปซอยมา เวลาเข้าโรงเรียนก็จะรัดผมเรียบร้อย แต่ก็มีไม่มาก"

ผอ.จำนงค์ ยอมรับว่า เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ใกล้ชิดกับแฟชั่นจนแทบแยกกันได้ยาก โดยเฉพาะช่วงปิดภาคเรียน นักเรียนหลายคนก็อาจจะไปดัด ซอยตามแฟชั่น ซึ่งทางโรงเรียนต้องทำหนังสือถึงผู้ปกครองล่วงหน้าก่อนปิดภาคเรียน ให้ช่วยดูแลสอดส่อง แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้งพ่อแม่ก็บังคับไม่ได้เท่าไร แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเปิดเทอมจะต้องอยู่ในกติกาของโรงเรียน"

"หากพบนักเรียนที่ผิดระเบียบก็จะต้องเรียกมาคุย ซึ่งโรงเรียนก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจว่าที่นักเรียนทำเหมาะสมหรือไม่ หากตามแฟชั่นจนมากไปแล้วเกิดอันตรายอย่างไรกับนักเรียน ซึ่งครูจะต้องมีหน้าที่ชี้ให้นักเรียนได้เห็นว่าการทำแบบนี้จะเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้ที่ไม่หวังดี ดังนั้นแฟชั่นไม่ใช่ว่าเราจะต้องเดินตามให้ทันจนเกินไปทุกเรื่อง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายมากกว่าที่จะได้ประโยชน์"

สุดท้ายแล้ว ผอ.จำนงค์ก็ยอมรับว่า "สถานการณ์นักเรียนในปัจจุบันนี้ อาจเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มาตรการไปบังคับทั้งหมด แต่ต้องมีข้อตกลงระหว่างนักเรียนให้เหมาะสม

อีกมุมสะท้อนที่น่ารับฟัง

ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ นักร้องสาว ทริโอ "เฟย์-ฟาง-แก้ว"

ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ อธิบายถึงทรงผมของตัวเองว่า "ปัจจุบันฟางเรียนอยู่ชั้น ม.6 ตามกฎของโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยที่เป็นโรงเรียนประจำนั้น ค่อนข้าง มีอยู่มาก โดยในชั้นมัธยมปลายทางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ แต่ต้องเก็บผมให้เรียบร้อย โดยการรัดผมและรวบผมด้วยโบแดง ซึ่งในช่วงมัธยมต้นทางโรงเรียนก็มีกฎว่า ถ้านักเรียนผมหยิกหรือผมหยักศก สามารถไว้ผมยาวได้ ซึ่งฟางเป็นคนผมหยักศกอยู่แล้วจึงไว้ได้ผมยาวมาตั้งแต่มัธยมต้นจน ถึงตอนนี้ แต่ก็จะดูแลให้เรียบร้อยตามกฎของโรงเรียนเสมอ จึงไม่มีปัญหากับทางโรงเรียนค่ะ"

"และเมื่อเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ด้วยการเป็นนักร้อง ทางคุณแม่ขอกับทางอาร์เอสว่ายังไม่อยาก ให้ย้อมสีผม เพราะเป็นกฎของโรงเรียนที่ห้ามนักเรียนทำโดยเด็ดขาด ให้เป็นสีผมธรรมชาติของตัวเองเท่านั้น"

นักร้องสาวเล่าให้ฟังด้วยว่า "พอมาอัลบั้มชุดที่ 2 ทางโปรดิวเซอร์ขอให้ย้อมสีผม ฟางกับคุณแม่เลยให้ทางค่ายช่วยนำรูปแบบเสื้อผ้าและสีผมที่จะทำมาให้โรงเรียนพิจารณาก่อนที่จะออกอัลบั้ม เมื่อโรงเรียนอนุญาตแล้ว ทางค่ายก็จะทำตามที่ได้บอกกับโรงเรียนไว้ ส่วนเรื่องสีผมที่ทำนั้นก็ต้องไม่แรงและฉูดฉาดเกินไป พอกลับมาเรียนตามปกติก็ต้องย้อมสีผม ให้เป็นสีเดิมด้วย ซึ่งทางโรงเรียนก็เข้าใจและให้การสนับสนุน แต่ได้บอกกับฟางและคุณแม่ว่า อย่าให้ฟางทิ้งการเรียนค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาฟางก็ทำทั้งสองอย่างได้ดีมาตลอดค่ะ"

ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ นักร้องสาววัยโจ๋ เรียน ร.ร.สตรีวิทยา

ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิ วรานนท์ บอกว่า "ทางโรงเรียนของขนมจีนห้ามไว้ผมยาวค่ะ แต่ที่ขนมจีนไว้ได้ เพราะทางอาร์เอสทำจดหมายขอกับทางโรงเรียนว่าขนมจีนจะต้องไปทำงานในวงการบันเทิง"

นักร้องสาววัยมัธยมปลายบอกด้วยว่า "แต่เวลาขนมจีนมาโรงเรียนแล้ว ก็ต้องเก็บผมม้าให้เรียบร้อย เพราะที่โรงเรียนห้ามไว้เด็ดขาดค่ะ และที่โรงเรียนห้ามปล่อยผมยาว และต้องแต่งตัวเรียบร้อย ซึ่งขนมจีนก็ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนอย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ"

มาลดน้ำหนักกันแบบสดชื่นรื่นเริง กันดีกว่า. .


มาลดน้ำหนักกันแบบสดชื่นรื่นเริง กันดีกว่า. .
ถ้าหากไม่อยากจะทำอะไร แต่อยากให้ น้ำหนักลด ก็จงพยายามหัวร่อให้ได้นานวันละ 15 นาทีทุกวัน นักวิทยาศาสตร์พบคุณประโยชน์ ของการหัวเราะว่า หากหัวเราะอยู่ประจำวัน ปีหนึ่งจะกำจัดไขมันออกจากตัวได้มากถึง 2.25 กก.

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแวน-เดอบิลต์ เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ของอเมริกา คำนวณได้ว่า เมื่อเราดูรายการตลก เราต้องใช้แรงในการหัวเราะมาก เท่าๆกับการออกแรงเดินเป็นระยะทางไกล 800 เมตร

หนังสือพิมพ์รายวันชื่อดัง “เดอะ มิเร่อร์”ของอังกฤษ รายงานข่าวนี้ ระบุว่า นักวิจัยคำนวณได้จากการทดสอบกับหญิงและชาย อยู่ในวัยระหว่าง 18-34 ปี จำนวนหนึ่ง โดยให้นั่งดูทีวี เรื่องธรรมชาติของชนบทอังกฤษอันน่าเบื่ออยู่ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจึงเปิดเทปที่อัดรายการตลกตอนต่างๆ ไว้ ให้ชมอีก 55 นาที หัวหน้าคณะผู้ศึกษา ดร.มาเซียจ บุคชาวสกี กล่าวว่า พวกเขาต้องใช้พลังงานกับการหัวเราะ มากยิ่งกว่าการพักผ่อนอยู่เฉยๆ ราว 10-20%

นกแสก กับความเชื่อ นกแสกร้อง ทูตแห่งมรณะ

นกแสก กับความเชื่อ นกแสกร้อง ทูตแห่งมรณะ


ถูกปลุกให้ชวนขนหัวลุกกันอีกครั้ง เมื่อข่าว นกแสก ส่งเสียงร้อง พร้อม ๆ กันกับมีชาวบ้านใน จ.พระนครศรีอยุธยา เสียชีวิตต่อเนื่องกันถึง 6 รายในเดือนนี้ ทำให้ตำนาน นกแสก ที่เป็นความเชื่อมาตั้งแต่โบราณถูกพูดถึงกันอีกครั้ง แถมยังมาแรงแซงทางโค้ง โดยเฉพาะที่ถกเถียงกันมากที่สุดก็คือ เรื่องของตำนานความเชื่อ ที่คู่ขนานกับความจริงอยู่ไม่น้อย วันนี้เราจะพาไปตามรอยตำนาน นกแสก หรือที่ชาวบ้านขนานนามกันว่า "นกผี" ทูตแห่งความตาย กันค่ะ

นกแสก บ้างก็เรียกกันว่า นกแฝก เป็นนกที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับ นกฮูก นกเค้า เป็นนกกลางคืนที่มีแหล่งอาศัยแพร่กระจายอยู่เกือบทุกภูมิภาคของโลก พบมากในแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา เวียดนาม ลาว และไทย ซึ่งพบมากทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ นกแสก มีชื่อเรียกตามภาษาอังกฤษว่า Barn Owl (Tyto akba) โดยคำว่า "Barn" มีความหมายว่า ยุ้ง ฉาง ส่วนคำว่า "Owl" คือกลุ่มนกฮูก นกเค้า และนกแสก แสดงให้เห็นได้ว่า นกแสก ชอบอาศัยอยู่ตามยุ้งฉาง รวมไปถึงวัด โรงนา หรือในที่รกร้างต่าง ๆ หากพบว่า นกแสก เข้ามาอาศัยใกล้มนุษย์แสดงว่ามีแหล่งอาหารของ นกแสก ซึ่งอาหารของ นกแสก ก็คือ หนู และแมลงกลางคืน

แม้ นกแสก จะดูหน้าตาน่ากลัวสำหรับใครหลายคน แต่ในสายตาของกลุ่มอนุรักษ์นกแล้ว นกแสก เป็นนกที่หน้าตาน่ารัก วงหน้ามีขนสีขาวขึ้นเต็ม เป็นรูปหัวใจ ดวงตาดำกลมโต ปากแหลมงุ้ม ขนตัวด้านบนมีสีเหลืองปนน้ำตาลเทา มีจุดขาวและน้ำตาลประปราย ขนใต้ท้องสีขาว ส่วนปีกและหางมีลายขวาง สีเหลืองสลับน้ำตาลอ่อน เล็บเท้ายาวงุ้มแหลม เล็บนิ้วกลางลักษณะคล้ายฟันเลื่อย ขายาว
อย่างไรก็ดี นกแสก จัดเป็นนกที่มีสายตาและประสาทหูดีมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ นกแสก ออกหากิน ขณะเดียวกัน นกแสก จะสายตาแย่ที่สุดในช่วงเวลากลางวัน ดังนั้น เมื่อตะวันขึ้นแตะขอบฟ้า พวก นกแสก จะหาที่ตามซอกหลืบมืด ๆ หรือตามซอกโพรงไม้ เพื่อนอนหลับพักผ่อน

สำหรับตำนานเกี่ยวกับนกแสกของประเทศต่าง ๆ มักคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งเชื่อกันว่า นกแสก เป็นนกที่เกี่ยวข้องกับภูตผีและความตาย ตามคำบอกเล่าโบราณที่ถ่ายทอดกันมา ระบุว่า นกแสก เป็น "นกผี" ถ้าบินผ่านหรือเกาะหลังคาบ้านผู้เจ็บป่วยและส่งเสียงร้องเมื่อใด ผู้ป่วยนั้นจะเสียชีวิต ซึ่งมีการกล่าวถึงตำนาน นกแสก ในลักษณะนี้ในละครเรื่อง แม่นาคพระโขนง ด้วย

ด้วยเหตุนี้ นกแสก จึงมักถูกขับไล่ออกไปให้ห่างไกลจากหมู่บ้านหรือชุมชน หรือถูกยิงทิ้งเป็นจำนวนมาก ทำให้ นกแสก มักไปอาศัยตามวัด หรือแม้แต่ป่าช้า เมื่อมีผู้พบเห็นนกแสกเกาะอยู่ตามป่าช้า หรือสุสาน ก็เลยยิ่งหลงเชื่อว่าเป็นนกผีมากขึ้นไปอีก และรวมทั้งอากัปกริยาของ นกแสก ที่มักทำตาโต ทำคอและหัวส่ายไปมาเมื่อตกใจ และเพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรูที่มันกลัวให้หนีไป เลยยิ่งทำให้คนเข้าใจไปว่ามันคือนกผีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอมร กีรติยุตกุล กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า การที่โยง นกแสก กับการมีคนตายไม่เหมาะสมเท่าใด เพราะ นกแสก ก็อาจร้องของมันอยู่ทุกคืน เราอาจไม่สังเกตว่าบางที นกแสก ร้อง แต่ไม่มีใครศพเข้ามาที่วัดก็เป็นได้

"การเสนอข่าวลักษณะนี้ อาจทำให้คนยิ่งกลัวนกแสกมากขึ้น อาจส่งผลให้นกแสกถูกยิง ถูกขว้างปาขับไล่ไม่มีที่อยู่ จะเห็นว่าสมัยก่อน นกแสกเป็นนกที่พบได้ง่ายตามท้องทุ่งป่าละเมาะชานเมือง แต่ปัจจุบันค่อนข้างพบเห็นได้ยากแล้ว" กรรมการสมาคมอนุรักษ์นกฯ กล่าว

นอกจากความเชื่อในด้านลบ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่เห็นประโยชน์ของนกแสก โดยบริษัทน้ำมันปาล์มยักษ์ใหญ่ในจ.ชุมพร ใช้วิธีลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดหนูไม่ต้องพึ่งสารเคมี ด้วยการเลี้ยงนกแสกจำนวนมากไว้ในพื้นที่สวนปาล์มอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้ผลมาก จนตอนนี้มีสวนกาแฟที่ จ.เชียงใหม่นำวิธีเดียวกันไปใช้ด้วย ขณะที่อีกหลายประเทศที่ค้นพบความจริงข้อนี้ ก็เริ่มหันมาร่วมกันอนุรักษ์ นกแสก เพื่อให้มันมีพื้นที่อยู่มากขึ้น

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ดื่มน้ำผลไม้คลายร้อนกันเถอะ


ดื่มน้ำผลไม้คลายร้อนกันเถอะ

อากาศร้อนๆ อย่างนี้มีทีท่าว่าจะร้อนไปอีกนาน คงไม่มีอะไรดีไปกว่าสอดส่ายสายตามองหา เครื่องดื่มมีคุณค่ามาดับร้อนผ่อนกระหายกันไปพลางก่อน อันที่จริงน้ำดื่มแบบน้ำเปล่าใสเย็นชื่นใจนั้น ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้จริง แต่ว่าคนส่วนใหญ่ยังติดอยู่กับรสชาติที่ต้องเปรี้ยวนิดหวานหน่อย ค่อยพอให้ชีวิตมีรสชาติขึ้นมาบ้าง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องนี่เลย น้ำผลไม้ทั้งปวงที่บ้านเรามีให้เลือกมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำกระเจี๊ยบ มะนาว กล้วยหอม มะเขือเทศ น้ำเตยหอม น้ำตะไคร้ ฯลฯ

คุณทิพพาพร ปุ้มริด ประธานกลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง เขียนไว้ในคอลัมน์ "ชุมชนขอคุย" ของอภัยภูเบศรสาร จดหมายข่าวของมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร บอกว่า เราควรจะหันมาดื่มน้ำสมุนไพรกันอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว ในช่วงอาหารเที่ยง ก็นับว่าเพียงพอแล้ว แถมแจกแจงให้เห็นคุณประโยชน์ของน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรกันเป็นรายชนิด ตามรายการต่อไปนี้
กระเจี๊ยบแดง ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ ขับปัสสาวะ เป็นยาบำรุงธาตุ และยาระบาย
มะนาว เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้ท้องอืด ช่วยขับลม แก้กระหายน้ำ แก้ร้อนใน บำรุงธาตุ แก้เลือดออกตามไรฟัน และถ่ายพยาธิ
กล้วยหอม มีน้ำตาลหลายชนิด มีสารเพคติน มีโปรตีน วิตามินเอและซี ธาตุฟอสฟอรัสและแคลเซียม
มะเขือเทศ ช่วยย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยระบายและช่วยฟอกเลือด
ส้มเขียวหวาน แก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย แก้ลมจุกเสียด แน่นเฟ้อ น้ำจากผลให้ วิตามินซี
เตยหอม ลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ เป็นยาขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน
ตะไคร้ รักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ และแก้อหิวาตกโรค แก้นิ่ว บำรุงธาตุ

แค่นี้ก็คงพอจะเห็นแล้วว่าน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรไทยนั้น นอกจากช่วยคลายร้อนแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว

12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว


เรื่องของการปลุกระดมสมองให้สดชื่นแจ่มใสเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ต้องการ เพราะเมื่อสมองแจ่มใส ปลอดโปร่ง อะไรก็ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การฟัง พูด อ่าน เขียน จดจำ หรือความคิด

กลับกัน หากสมองเหี่ยว ฝ่อ ไม่สดใส อาจจะเกิดจากความเครียด หรือการหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนาน ๆ หรือ ขาดการพักผ่อน ทักษะดังกล่าวก็จะลดน้อยถอยไป กรรมวิธีที่จะทำให้สมองแข็งแรงไปอย่างยืนยาวนั้น มีเทคนิคมาแนะนำคุณ ๆ ดังนี้

1. ดื่มน้ำให้พอ เพราะสมองของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85% ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดน้ำ สมอง ก็จะทำงานช้าลง ทำให้กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดอะไรไม่ค่อยออก

แต่การดื่มน้ำนั้น แต่ละคนจะมีความต้องการน้ำไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และพฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการเคลื่อนไหว และการบริโภค แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 3-5 ลิตร ส่วนเด็ก 2-3 ลิตร

2. หายใจลึก ๆ ช่วยส่งพลังงานไปถึงสมอง ถ้านั่งหายใจ หลังก็ควรจะตั้งตรง จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และถ้านั่งนานเกินไปควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้น ยืดสาย เพื่อให้ปอดขยาย

3. เลือกรับประทานอาหาร ที่มีไขมันดีทดแทนไขมันในสมองที่สึกหรอ อาทิ น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาแซลมอน อีฟนิ่งพริมโรส วิตามินซี

4. ตั้งโปรแกรมให้สมอง โดยใช้ความตั้งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง สมองจะค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมให้ไปสู่เป้าหมายได้

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ไปกระตุ้นพลังออร่าให้สว่างสดใสจะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต

6. ฝึกสมาธิพัฒนาอารมณ์ให้สมองผ่อนคลาย จะช่วยทำให้มีจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ทั้งตื่นเช้าหรือก่อนนอนทุกวัน

7. ออกกำลังกาย กระตุ้นการทำงานของสมองพร้อมกับดื่มน้ำบ่อย ๆ

8. หาอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิต เช่น รู้จักคนใหม่ ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ ขับรถเส้นทางใหม่ หรือแลกเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ๆ กับเพื่อน สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และสารแห่งการเรียนรู้ โดปามีน ทำให้เกิดการอยากเรียนรู้อย่างมีความสุข

9. รู้จักให้อภัยและลดความโกรธ จะทำให้สูญเสียพลังงานน้อยลง และยังเป็นการช่วยลดภาระให้กับสมอง

10. พูดเรื่องดี ๆ กับตัวเองซ้ำ ๆ ให้เกินวันละ 100 ครั้ง

11. บันทึกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก ช่วยทำให้สมองคิดในเชิงบวก ทำให้หลับฝันดี มีสมาธิ

12. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงเวลา 21.00 น. จะเป็นช่วงเวลานอนที่ดีที่สุด

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

10 ข้อสงสัย ไขความงามศีรษะจรดเท้า





















10 ข้อสงสัย ไขความงามศีรษะจรดเท้า
1. อยากได้ผมสวยถูกใจ ไปร้านเสริมสวยทีไรไม่ได้ดั่งใจสักที มีข้อแนะนำอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการดัด การตัด การทำสี ควรนำรูปแบบที่เราชอบไปให้ช่างดูเพื่อประกอบกับคำอธิบายด้วยจะดีกว่า เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น จะได้ไม่มีการผิดพลาดในภายหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบอื่นๆก็มีความสำคัญ ความสามารถของช่างผมและร้านนั้นๆ จะรู้ได้ว่าดีหรือไม่ดี ให้สังเกตลักษณะร้าน และคำบอกเล่าจากเพื่อนๆ ที่เคยทำผมจากที่ร้านนี้ ก่อนที่จะนำรูปแบบผมที่เราชอบไปให้ช่างดู ให้พิจารณาดูให้ถ้วนถี่ว่าเป็นแบบผมที่เราชอบจริงๆ ตัดส่วนประกอบต่างๆ ออกไป เช่น ใบหน้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับของนางแบบ มิใช่วาดฝันว่าตัดออกมาแล้วจะสวย เหมือนก้อย รัชวิน หรือ แพนเค้ก แบบผมที่นำไปอาจไม่เหมาะกับเรา ให้ช่างช่วยชี้แนะหรือฟังคำแนะนำ จากผู้อื่น โดยไม่ขึ้งโกรธ อาจสามารถดัดแปลงทรงให้เข้ากับใบหน้าเรามากขึ้น ผมทรงนั้นๆ อาจจะไม่เหมาะกับสภาพเส้นผมของเรา เช่น ผมสลวยเป็นขอดสวยอย่างบรู๊ก ซีลด์ ไม่อาจทำบนเส้นผมแห้งฟูบางอย่างเราได้ และอาจต้องใช้เวลานานมากเกินไปในการตกแต่งในตอนเช้า ผมสวยของนางแบบ กว่าจะถ่ายรูปออกมาแต่ละรูปนั้น ได้รับการดูแลตกแต่งจากสไตลิสต์เป็นเวลาหลายชั่วโมง ใช้เทคนิคมากมายในการถ่ายรูปให้ผมเงาสวย 2. ทำไมจึงต้องมาสก์หน้า มาสก์มีประโยชน์อย่างไร ช่วยแนะนำด้วย การล้างหน้าด้วยครีมและเช็ดผิวด้วยโลชั่นเป็นประจำวันนั้น ไม่เป็นการเพียงพอ ผิวควรได้รับการดูแลทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่าปกติ เช่น มาสก์สำหรับผู้ที่มีผิวมัน จะช่วยทำความสะอาดผิวและดูดซับความมัน ปรับความสมดุลของผิว ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย การมาสก์หน้านั้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ ทำความสะอาดผิวให้สะอาด การมาสก์หน้าไปบนใบหน้าสกปรก เสมือนลงยาขัดเงาไปบนพื้นผิวที่สกปรก ก่อนใช้มาสก์แต่ละยี่ห้อ อ่านขั้นตอนการใช้อย่างละเอียด โดยเฉพาะวิธีการ ระยะที่ใช้มาสก์หน้า และวิธีการชำระออก แต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีแตกต่างกัน ทามาสก์จำนวนพอควรไปบนใบหน้า อย่าขี้เหนียวเกินไป หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เพราะผิวบริเวณนี้บอบบางที่สุด หลังจากทา ล้างมาสก์ออกแล้ว เซลล์เก่าจะถูกขจัดออกไป จึงควรทาครีมบำรุงทันที เพราะผิวจะซึมซับมอยส์เจอไรเซอร์ได้อย่างรวดเร็ว 3. สีเมคอัพในปัจจุบันค่อนข้างเป็นสีอ่อน และเป็นประกาย จะเหมาะกับคนที่มีอายุมากไหม พวกสีอ่อนใสเป็นประกายนั้น เหมาะกับวัยรุ่นที่มีผิวพรรณสดใสเต่งตึง แต้มเติมไปเล็กน้อยย่อมดูสวยใสอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นผู้ที่มีผิวพรรณดีอยู่แล้ว เครื่องสำอางที่เป็นประกายสามารถใช้แต้มเติมเล็กน้อยไปบนบริเวณเปลือกตา โหนกคิ้ว กลางปาก เพื่อความอวบอิ่ม และบนสีเล็บ จะไม่แต้มเติมไปทุกส่วนของใบหน้า หากเมื่อถูกถ่ายรูปมาจะดูหน้าบวม ไม่สวยที่สุด การแต่งหน้าสำหรับผู้ที่มีอายุนั้น ไม่ควรตามแฟชั่นมากเกินไป ยึดสีเป็นธรรมชาติที่เหมาะกับผิว และทำให้เราดูดีอยู่เสมอ จะดีกว่า 4. สีชมพูมาแรงสำหรับสีลิปสติกช่วงนี้ เลือกสีอย่างไรให้ดูดีเหมาะกับสีผิว การเลือกสีลิปสติกก็เหมือนการเลือกสีเสื้อผ้า หากเรามีสีผิวออกโทนร้อน มีเหลืองผสมอยู่มาก ให้เลือกสีชมพูอมส้ม หากเรามีผิวโทนเย็น ผิวขาวออกชมพู ให้เลือกชมพูออกม่วงๆ อย่างไลแลคได้ อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าต้องดูให้กลมกลืนกันทั่วทั้งใบหน้า ไม่ใช่ทาปากสีชมพู แล้วปัดแก้มสีออกส้ม จะดูขัดตาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเลือกสีลิปสติกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสีใดๆ ให้ยึดหลักการของโทนสีผิวไว้เช่นเดียวกัน ผิวโทนร้อนควรเป็นสีแดงออกส้ม ผิวโทนเย็นออกสีแดงโกเมน แดงผลไม้สุกได้ (เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สีไวน์ เป็นต้น) 5. ครีมขจัดเซลลูไลต์ต่างๆช่วยลดไขมันได้แค่ไหน ครีมขจัดเซลลูไลต์ต่างๆใช้เดี่ยวๆนั้นไม่ได้ผลแน่นอน ต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการคลายความเครียด และไม่ใช่ทำแค่วันสองวัน ต้องทำเป็นกิจวัตรทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน จึงจะเห็นผล สำหรับผิวบางชนิดที่มาจากกรรมพันธุ์ และสังขารนั้น ครีมใดๆก็ไม่สามารถช่วยให้เรียบตึงได้เลย อาจช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้นบ้าง 6. มีคำแนะนำอย่างไรสำหรับการดูแลผิวพรรณที่บอบบางแพ้ง่ายคำแนะนำสำหรับผู้ที่มีผิวพรรณบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกซื้อเครื่องสำอางสำหรับผิวบอบบาง ข้างๆขวดอาจเขียนว่า "Hypoallergenic" หรือ "Allergy Tested" อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะผ่านการทดสอบแล้ว ก็อาจเกิดอาการแพ้ได้อยู่ดี ดังนั้น ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนบริเวณใต้ท้องแขนสักหลายๆวันหน่อย จนแน่ใจว่าไม่แพ้ จึงเริ่มใช้บนใบหน้าบริเวณเล็กๆใกล้ๆใบหูก่อน(เผื่อแพ้ก็ปิดได้ด้วยผม) พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่จะทำให้ผิวแห้ง เกิดอาการคัน ใช้เครื่องสำอางทำความสะอาดผิวที่ไม่ใช่สบู่ ปกป้องผิวจากแสงแดด เมื่อเลือกซื้อครีมกันแดด พยายามหลีกเลี่ยงส่วนผสมของสารกันแดดที่เป็นเคมี เลือกพวกที่มีส่วนผสมของไททาเนียม ไดออกไซด์แทน หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ขจัดลอกเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA หากเกิดอาการแพ้ ให้หยุดใช้เครื่องสำอางนั้นๆทันที ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ำเย็นเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที บรรเทาผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้ และถ้าเกิดอาการแพ้มาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้เป็นกิจลักษณะ

ประโยชน์ของชาเขียว

ประโยชน์ของชาเขียว




ใครชอบทานชาเขียวทราบหรือไม่ว่าชาเขียวมีประโยชน์หลายอย่าง วันนี้มีความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน... ชาเขียวประกอบด้วยสารอาหารธรรมชาติจำนวนมาก มีสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ ในการเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์อย่างแรง และมีฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็งด้วย ชาเขียวสามารถส่งเสริมการรักษาเคมีบำบัดได้ด้วย นอกจากนี้ชาเขียวยังมีผลดีต่อโรคหัวใจ และช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด มีการนำชาเขียวมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหลายอย่าง ได้แก่ ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง ไขมันคอเลสเตอรอสและไตรกลีเซอไรด์ ความดันโลหิต ลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด โรคหัวใจ โรคตับและโรคเหงือกอักเสบ

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน

วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน

ร้อนในหรือแผลในปาก เชื่อว่าทุกคนคงเคยเป็นกัน เวลาเป็นแล้วจะเจ็บและรับประทานอะไรก็ลำบาก วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนในมาฝากกัน.. 1. ระวังอย่าให้ท้องผูก เพราะร้อนในมักจะเป็นร่วมกับท้องผูก 2. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร้อนใน เช่น ของทอด ของมันๆ ขนม น้ำตาล ทุเรียน ลำไย ข้าวเหนียวมะม่วง ฯลฯ อาหารพวกนี้กินแต่เพียงน้อยๆ อย่ากินมาก 3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น กระเทียม หอม ขิง ฯลฯ แต่พริกกินได้ 4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยลดอารมณ์เครียด ความเครียดส่วนมากทำให้เป็นโรคนี้ 5. รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างเข้มงวด คือ แปรงฟันทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหารแล้ว(ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังอาหาร) 6. ดื่มน้ำมากๆ วันหนึ่ง ๆ ให้ได้ 10 แก้วขึ้นไป 7. อย่าอดนอน 8. กินผักและผลไม้มากๆ

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ทำสปาที่บ้าน เพื่อผิวสวย


ทำสปาที่บ้าน เพื่อผิวสวย
ดอกไม้หรือปาร์ตี้หรูใต้แสงเทียนออกจะดูเป็นมุกเก่าเล่าใหม่สำหรับวันวาเลนไทน์ไปเสียแล้ว เพราะเรามีกิจกรรมใหม่ที่ช่วยตอบโจทย์คู่รักอย่างการทำสปาที่บ้าน ช่วยให้ผิวสวยได้ในบรรยากาศแสนโรแมนติก Her Favorite Spa ผู้หญิงช่วงอายุ 25-35 ปี ร้อยละ 60 มีปัญหาผิวแห้ง เพราะการเสื่อมของคอลลาเจนและน้ำในผิวลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก หางตา และมุมปาก ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือมีผิวมัน และเกิดปัญหาสิว ดังนั้นสูตรที่จะเตรียมไว้ให้เซอร์ไพร้ส์หวานใจต้องเป็นสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีสูตรมาร์คสหน้า ส่วนผสม (สูตร1) กล้วยหอมสุก 1/2 ผล + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา +น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา วิธีทำ นำกล้วยหอมมาบดละเอียดผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) His Favorite Spa ผิวผู้ชายผลิตน้ำมันมากกว่าผู้หญิงหลายเท่า เพราะชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้มีความหนามากกว่าผิวผู้หญิง จึงไม่ค่อยเจอปัญหาผิวแพ้ง่าย แต่จะพบปัญหาริ้วรอยลึก และรอยแผลเป็นจากสิว สูตรดูแลผิวสำหรับคุณผู้ชาย จึงต้องมีจุดเด่นตรงช่วยแก้ปัญหาผิวมัน ลดสิว และช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้สูตรมาร์คสหน้า ส่วนผสม (สูตร1) ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนชา + น้ำมะนาว 1 ช้อนชา + ไข่ขาว 1 ฟอง วิธีทำ นำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน พอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าจะรู้สึกหน้าตึงแห้ง ล้างออกด้วยน้ำสะอาด (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) Spa for Couple เมื่อพอกหน้าเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาสำหรับการขัดถูตัวด้วยสูตรที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น ส่วนผสม (สูตร 1) (สำหรับ 2 คน) ขมิ้นผง 2 ช้อนชา + นมสด 1 กล่อง+ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมด นำมาพอกตัวหลังอาบน้ำเสร็จ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด (อ่าน สูตร 2 ได้ในเล่ม) 4 ขั้นตอน Spa @ Home 1. สำรวจเวลากันสักหน่อย เพราะคุณต้องมีเวลาว่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงสำหรับการทำสปาแต่ละครั้ง 2. เมื่อเตรียมสูตรที่เหมาะกับตัวเองหรือเขาคนนั้นไว้แล้ว ควรทำความสะอาดใบหน้าหรือร่างกาย เช็ดให้พอหมาด ก่อนลงมือขัดหรือพอกผิว 3. สำหรับสูตรขัดตัว อาศัยหลักนวดแบบง่ายๆ คือ นวดวนเป็นวงกลมอย่างเบามือ ส่วนการพอกหน้านั้นต้องเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ 4. สูตรที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือน้ำผึ้งอาจจะล้างออกยาก แนะนำให้เช็ดด้วยน้ำอุ่น แล้วจึงล้างด้วยน้ำเย็น

รถพลังแดด


รถพลังแดด
มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่งโบคุ่ม ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี ได้เปิดตัวต้นแบบรถพลังแสงอาทิตย์ประหยัดพลังงาน เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยเจ้ารถคันนี้มีชื่อเรียกว่า BOcruiser ซึ่งรถคันนี้เป็นผลงานของนักศึกษาร่วม 30 คน ที่ประดิษฐ์เจ้ารถคันนี้ขึ้นมา เพื่อนำไปใช้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ World Solar Challenge ด้วยระยะทางการแข่งขัน 3,000 กิโลเมตร ที่ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนกันยายนนี้ ถึงรถคันนี้ มันจะหน้าตาแปล๊ก…แปลก แต่ช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่ไม่ถาวรเช่นน้ำมัน โดยการมาใช้พลังงานถาวร เช่น แสงอาทิตย์ คงช่วยลดโลกร้อนไปได้อีกโขเลยนะคะ ถ้ารถแบบนี้ถูกนำมาใช้ได้จริงคงจะดีไม่น้อย ^^

ริ้วรอยแตกลายลบได้ด้วยว่านหางจระเข้


ริ้วรอยแตกลายลบได้ด้วยว่านหางจระเข้

ใครที่มีปัญหาริ้วรอยแตกลาย ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ลองหาว่านหางจระเข้มาช่วยลบริ้วรอยกันดู ริ้วรอย อาจเกิดขึ้นมาจากการคลอดบุตรหรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว และโดยเฉพาะกับสาวๆ ที่อายุยังน้อยแล้วเกิดปัญหาหน้าท้อง น่อง สะโพกลายกันได้ วิธีทำง่ายๆ คือ ให้ใช้วุ้นสีขาวจากว่านห่างจระเข้ที่ล้างยางออกแล้วมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกเช้า เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆ จางลงได้ เพิ่มความมั่นใจให้ อวดผิวสวยได้อย่างมั่นใจ แต่ถ้าหากไม่มีว่านหางจระเข้ก็สามารถใช้ใบบัวบกแทนได้ โดยการนำมาตำคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณรอยแตกลายเป็นประจำทุกเช้า - เย็น ผิวที่แตกลายก็จะค่อยๆ จางลงได้เช่นกัน

เลือกรับประทานซูชิให้ปลอดภัย


เลือกรับประทานซูชิให้ปลอดภัย
นักวิจัยทางด้านอาหารกล่าวว่า ซูชิที่ถูกจัดเตรียมอย่างเหมาะสมและมีกรรมวิธีการประกอบอาหารตามหลักขององค์การอาหารและยา จะทำให้คนชอบรับประทานซูชิไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเนื้อปลาดิบที่นำมาทำซูชิว่า จะมีพยาธิปนเปื้อนอยู่หรือไม่ หรือปลาดิบที่รับประทานนั้นสะอาดแค่ไหน การเตรียมซูชิ จำเป็นต้องมีกรรมวิธีที่จะดูแลกระบวนการความสะอาดพิเศษ ทั้งเนื้อปลาดิบและ ข้าว เพราะถ้าความเย็นไม่เพียงพอ เนื้อปลาดิบอาจเกิดแบคทีเรียที่สามารถเจริญเติบโตได้ในเนื้อปลาที่ไม่สด และสามารถสร้างสารเคมีในร่างกายที่จะกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร สารเคมีที่สร้างขึ้นมานี้อาจจะกลายเป็นสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทได้ ดังนั้นควรเลือกร้านขายที่มีการแช่เนื้อปลาที่ช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -4 องศาฟาเรนไฮต์ (-20 องศาเซลเซียส) อยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่เสี่ยงต่อการเกิดพยาธิในร่างกายเรา และถ้าอยากให้มั่นใจถึงประโยชน์ของการรับประทานมากกว่านี้ ก็แนะนำว่าควรรับประทานอาหารที่สุกแล้วจะดีกว่า

ผิวแห้ง ผลไม้ สด ช่วยได้


ผิวแห้ง ผลไม้ สด ช่วยได้
ทราบหรือไม่ว่า นอกจากผลไม้สดจะให้ประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว ยังสามารถลดอาการผิวแห้งได้ด้วย ผลไม้สดอร่อยๆ มีให้เลือกกินมากมาย แต่อย่าปล่อยให้ความสดหวานผ่านลงท้องไปเพียงอย่างเดียว ผลไม้สดนั้นยังสามารถนำมาใช้พอกผิวเพิ่มความเนียนใส ไร้จุดแห้งกร้านได้ด้วย วิธีทำ คือ คัดผลไม้สดๆ อย่าง องุ่น กล้วย เอาแบบสุกพอดีๆ อย่างอมเกินไป พร้อมด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมสด และ น้ำผึ้งอย่างละพอประมาณ มาปั่นรวมกันจนได้เป็นครีม พอกนวดให้ทั่วผิวกาย เน้นที่จุดแห้งกร้านอย่างข้อศอก หัวเข่า เท้า แล้วทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาที ค่อยล้างออก

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของสับปะรด


ประโยชน์ของสับปะรด

ใครที่ชอบรับประทานสับปะรด ทราบหรือไม่ว่า สับปะรดนั้นมีประโยชน์อย่างไร วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน... สับปะรด เป็นพืชที่รสชาติดี ใช้กินเป็นผลไม้ หรือปรุงเป็นอาหาร ส่วนมากนิยมนำไปแปรรูปทำเป็นสับปะรดกระป๋อง และสับปะรดกวน ส่วนใบมีเส้นใยยาวเหนียว สามารถนำไปทำเป็นเชือก หรือทำเป็นกระดาษ สับปะรดมีรสหวานฝาดเล็กน้อย สารอาหารที่อยู่ในสับปะรดมีประโยชน์จำนวนมาก และมีคุณค่าทางยาสูง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน การรับประทานที่ถูกวิธี คือ ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียง เป็นแถวๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อนๆ ประมาณ 2-3 นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และเอ็มไซม์บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลังรับประทาน

นักท่องเที่ยวยอดแย่


นักท่องเที่ยวยอดแย่
บ้านเราก็เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ มาลองดูกันซิว่า ใจของคนไทยเราจะตรงกับผลสำรวจของบริษัทท่องเที่ยวเอ็กซ์พีเดีย ในเรื่องท่องเที่ยวยอดแย่และยอดเยี่ยมหรือเปล่า ซึ่งเขาสอบถามกับโรงแรมต่างๆ 4,500 แห่งทั่วโลก ผลปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เขาโหวตให้ชาวฝรั่งเศสเป็นนักท่องเที่ยวที่แย่ที่สุดในโลก นั่นคือทั้งหยาบคาย ขึ้ตืด และไม่พยายามเรียนรู้ที่จะพูดภาษาท้องถิ่นใดๆ ประเภทยอดแย่ที่รองลงมาก็มี อินเดีย จีน สเปน และกรีก สำหรับเรื่องแย่ๆ ของชาวฝรั่งเศส เอ็กซ์พีเดียเขาก็แก้ต่างแทนให้ว่า เพราะส่วนใหญ่แล้วชาวฝรั่งเศสมักท่องเที่ยวอยู่แต่ในบ้านของตนเอง พอออกนอกประเทศด้วยความไม่คุ้นเคยก็เลยเคร่งเครียดจนถูกมองว่าเป็นคนถือตัว ยโสโอหัง ส่วนนักท่องเที่ยวยอดเยี่ยมที่สุดในโลกตกเป็นของญี่ปุ่น เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว เขาว่า นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นั้นแสนสุภาพ สะอาดสะอ้าน และไม่จู้จี้ขี้บ่น รองๆ ลงมาก็มีอังกฤษ แคนาดา เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์

ดอกลาน บานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี


ดอกลาน บานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี
ตะลึงป่าลานผืนสุดท้ายกว่า 3 หมื่นไร่ ออกดอกบานสะพรั่งมากสุดในรอบ 6 ปี ชี้เป็นวัฎจักรออกดอกแล้วต้นจะตาย มีไม้รุ่นใหม่ขึ้นทดแทน แต่สถานการณ์น่าห่วงคาดเหลือเพียงแห่งเดียวที่อุทยานแห่งชาติทับลาน นายตระกูล อาจอารัญ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 2 (สวนห้อม) อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า จากการที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจปริมาณต้นลานในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 30,000 กว่าไร่ เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย- ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ขณะนี้ต้นลานกำลังออกดอกเตรียมที่จะผลิบานในเดือน ก.ย.นี้จำนวนมาก และคาดว่าในปีนี้จะมีต้นลานที่ออกดอกบานมากที่สุดในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมา สร้างความสวยงามแปลกตาให้กับบริเวณป่าลานในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานมากที่สุดอีกปีหนึ่งอีกด้วย โดยต้นลานที่กำลังออกดอกในขณะนี้ เป็นต้นลานที่มีอายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งตามธรรมชาติแล้วดอกลานจะออกดอกเพียงหนึ่งครั้ง และเมื่อออกดอกแล้วลำต้นก็จะเหี่ยวตายและมีต้นลานต้นใหม่ที่เกิดจากดอกลานที่กลายเป็นเมล็ดผลิขึ้นมาแทนที่ต้นเดิม นายตระกูล กล่าวว่า ใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจทางอากาศเหนือพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลานทั้งหมด พบว่า ปริมาณของดอกลานในปีนี้มีจำนวนมากกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยในช่วงเดือน มิ.ย – ก.ค. เป็นช่วงที่ต้นลานเริ่มผลิดอก เริ่มบานในเดือน ส.ค.และจะบานเต็มที่ในเดือน ก.ย. - ม.ค. 2553 จากนั้นจะเริ่มร่วงจนหมดในเดือน พ.ค. ทำให้ขณะนี้ทั่วทุกบริเวณของพื้นที่ในเขตอุทยาน ทับลาน จึงเต็มไปด้วยดอกลานที่กำลังบานเป็นสีขาว ครอบคลุมไปทั่ว ทั้งในพื้นที่ป่าด้านล่าง รวมไปถึงตามยอดเขา และน้ำตกต่างๆ ทำให้เริ่มมี นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมความแปลกตาของดอกลานมากขึ้นแล้ว "จากหลักฐานข้อมูลที่เราเคยสำรวจเก็บไว้ พบว่าเมื่อประมาณปี 2546-47 หรือประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก็เคยมีจำนวนดอกลานออกดอกบานสะพรั่งจำนวนมาก ครอบคลุมทั่วบริเวณอุทยานฯ ไปหมด แต่พอปีต่อๆ มาดอกลานก็ลดน้อยลง ไม่ได้มีจำนวนมากเหมือนคราวนั้น แต่พอมาถึงปีนี้ก็กลับพบว่ามีดอกลานออกดอกมาจำนวนมากอีกครั้ง สามารถสังเกตเห็นได้ทั่วไปทั้งบริเวณต้นที่อยู่ตามริมถนน หรือเข้าไปในบริเวณป่า โดยดอกลานจะออกดอกเพียงครั้งเดียวเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป ก่อนที่มันจะตายลง มีดอกเป็นสีขาว ต้นหนึ่งจะผลิตดอกประมาณ 60 ล้านดอกทีเดียว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของต้นลานทั่วประเทศกำลังน่าเป็นห่วง ล่อแหลมต่อการถูกรุกรานจนมีปริมาณลดลง เพราะถูกชาวบ้านตัดทิ้งเพื่อใช้นำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก่อนหน้านี้พบต้นลานมากอยู่ในหลายพื้นที่ เช่นที่ ต.ดงลาน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หรือ ในพื้นที่หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ แต่เชื่อว่ามีเพียงที่ทับลานเท่านั้นที่ยังคงมีต้นลานหน่าแน่นมากที่สุดในประเทศไทย "ต้นลานเป็นต้นไม้โบราณ ที่มีประโยชน์หลายอย่าง ในอดีตใบลานจะถูกนำมาใช้ในการเขียนบันทึกต่างๆ รวมทั้งเขียนเป็นคัมภีร์ และใช้ทำเป็นเครื่องจักรสาน ส่วนเม็ดลานก่อนหน้านี้จะนำมาทำเป็นขนมหวาน เรียกว่า ลูกชิด แต่ภายหลังเลิกใช้เปลี่ยนไปใช้ลูกจากแทน นอกจากนี้ต้นลานยังมีประโยชน์ในระบบนิเวศแสดงถึงความสมบูรณ์ของป่าอีกด้วย ดังนั้นการที่ดอกลานออกดอกมากในปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้เรียนรู้ และร่วมอนุรักษ์ต้นลาน ซึ่งถือว่าเป็นต้นไปดึกดำบรรพ์ชนิดนี้ให้เพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นต่อไป" นายตระกูล กล่าว นอกจากนี้ หัวหน้าเขตการจัดการอุทยานแห่งชาติทับลานที่ 2 (สวนห้อม) กล่าวอีกว่า สำหรับนัก ท่อง เที่ยว หรือประชาชนที่สนใจอยากจะเข้ามาดูดอกลานบานในปีนี้ สามารถเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา โดยในระยะช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้จะเป็นช่วงที่ดอกลานบานอย่างเต็มที่ และมองเห็นได้ง่ายตลอดริมข้างทาง และจะค่อยๆ เข้าสู่ระยะร่วงโรยในเดือน ต.ค. ไปจนถึง เดือน พ.ค. 53 แต่ก็ยังสามารถชื่นชมดอกลานและเม็ดลานได้เพราะมีอยู่ปริมาณมาก ทั้งนี้ทางอุทยานฯ ได้จัดเตรียมแผ่นพับ รวมถึงบอร์ดให้ความรู้วิชาการเกี่ยวกับต้นลานไว้บริการสำหรับผู้ที่สนใจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นลานโดยการใช้หนังสติ๊ก ยิงเม็ดลาน จากบริเวณผาเก็บตะวัน ไปบนพื้นที่ด้านล่างเพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอีกด้วย "เม็ดลานที่จะร่วงลงและกลายเป็นต้นลานต้นใหม่นี้ ในชั่วชีวิตเราอาจจะไม่สามารถกลับมาเห็นมันออกดอกได้อีกเพราะมันจะออกดอกตอนอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่เราก็สามารถมองเห็นดอกลานของต้นลานอื่นๆ ได้ และหากไม่ได้ชมดอกลานบานจำนวนมากที่สุดในปีนี้ ก็อาจจะต้องรอไปอีก 5-6 ปี ที่ดอกลานจะบานให้เห็นเยอะๆ ขนาดนี้" หน.เขต อช.ทับลานที่ 2 (สวนห้อม) กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับป่าลาน ที่อุทยานทับลาน สภาพจะเป็นป่าโปร่ง มีลานขึ้นอย่างหนาแน่นทั่วพื้นที่ ป่าลานนี้มีเนื้อที่ 200 ไร่ บริเวณที่ราบบนเขาละมั่ง ด้านตำบลบุพราหมณ์ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ไม้ลานเป็นพืชในตระกูลปาล์ม ( Palmae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corypha lecomtei Becc. บริเวณป่าลานและป่ารุ่นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่สามารถปรับตัวอยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้แก่ กระรอก หนู กระต่ายป่า พังพอน เก้ง กวางป่า เหยี่ยวขาว นกคุ่มอกลาย กิ้งก่าหัวแดง ตุ๊กแกบ้าน กิ้งก่าหางยาว อึ่งอ่างบ้าน และคางคก

5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก


5 อภิมหาม้าเหล็ก ทุบสถิติ วิ่งเร็วที่สุดในโลก

กิจการ "รถไฟเมืองไทย" ผ่านกาลเวลามายาวนาน 120 กว่าปี ยังไม่ค่อยพัฒนาไปไกลจากคำค่อนขอด "ถึงก็ชั่ง-ไม่ถึงก็ชั่ง" แถมบางครั้งมีหมัดหนูโดยสารไปเป็นเพื่อนอีกต่างหาก ครั้นจะนั่งรถไฟฟ้ารางก็แสนสั้นวิ่งเอื่อยๆ วนไปวนมาแต่ในตัวเมือง

วันนี้ถือโอกาสที่นิตยสารเทคโนโลยีเครื่องยนต์กลไกเล่มดังของสหรัฐอเมริกา "ป๊อปปูลาร์ เมคานิกส์" ฉบับใหม่ตีพิมพ์บทความ "สุดยอด 5 รถไฟความเร็วสูงสุดในโลก" นำเรื่องราวมาถ่ายทอดต่อให้แสบกระดองใจเล่นๆ ว่า "รถไฟต่างแดน" เขาพัฒนาไปไกลถึงไหนต่อไหนกันบ้างแล้ว!

1. Shanghai Maglev : เซี่ยงไฮ้แม็กเลฟ

สถานที่ : นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างสถานีหลงหยาง เขตพู่ตง กับท่าอากาศยานนานาชาติพู่ตง ในอนาคตมีแผนขยายเส้นทางไปยังท่าอากาศยานหงเฉียว เชื่อมต่อไปเมืองหังโจว

ระยะทาง : 19 ไมล์ (30 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 268 ไมล์ ต่อชั่วโมง หรือราว 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 311 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : "เซี่ยงไฮ้แม็กเลฟ" สร้างสถิติเป็น "รถไฟฟ้าแม่เหล็กความเร็วสูง" (แม็กเลฟ) ขบวนแรกของโลกที่วิ่งให้บริการเชิงพาณิชย์ด้วยความเร็วสูงสุด

ระบบการทำงานแตกต่างจากรถไฟรางทั่วโลก เพราะตัวรถทั้งขบวนจะถูกกลไกสนามแม่เหล็กยกให้ลอยสูงจากราง ประมาณ 1-10 มิลลิเมตรแล้วแต่จังหวะการวิ่ง จึงไม่มีล้อ ไม่มีเบรก ไม่มีเพลา ไม่มีระบบส่งกำลัง ผู้พัฒนาเรียกระบบนี้ว่า "ไกด์เวย์"

อย่างไรก็ตาม วิศวกรบางกลุ่มมองว่า ราคาการลงทุนวางโครงข่ายรถไฟแม็กเลฟสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากเกินไป และยังไม่แน่ชัดว่าถ้าวิ่งระยะยาวแล้วจะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่

2. Alta Velocidad Espanola (AVE) : รถไฟความเร็วสูงเอวีอี

สถานที่ : ประเทศสเปน วิ่งเชื่อมต่อเมืองใหญ่ 4 เมือง ประกอบด้วย มาดริด, เซบีญา, มาลาก้า และบาร์เซโลนา

ระยะทาง : 410 ไมล์ (660 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 210 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 338 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 227 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 365 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : ในอดีตรางรถไฟสเปนจะมีขนาดความกว้าง 1,668 มิลลิเมตร แต่รถเอวีอี ใช้รางมาตรฐาน 1,435 มิลลิเมตร ซึ่งใช้โดยทั่วไปในทวีปยุโรป

นอกจากนั้น กลไกการทำงานหล่อเลี้ยงด้วยกระแสไฟฟ้า 25 กิโลวัตต์ (AC) เพื่อให้เข้ากับรถไฟของประเทศอื่นๆ ในยุโรปเช่นกัน แสดงถึงเป้าหมายที่ชัดเจนของสเปนที่ต้องการขยายเส้นทางเอวีอีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมืองแปร์ปินญอง ประเทศฝรั่งเศส

วัตถุประสงค์เพื่อให้การเดินทางระหว่าง 4 เมืองใหญ่คล่องตัว และส่งผู้โดยสารกระจายต่อไปทั่วประเทศด้วยรถด่วนตามปกติอีกทอดหนึ่ง

3. Beijing-Tianjin Intercity Railway : รถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง-เทียนสิน

สถานที่ : ประเทศจีน วิ่งระหว่างกรุงปักกิ่ง กับเมืองเทียนสิน

ระยะทาง : 71 ไมล์ (114 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 217 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 245 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 394 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : เริ่มเปิดบริการเมื่อปี พ.ศ.2551 นี่เอง ตัวรางไม่มีบัลลาสต์ ส่วนโครงสร้างฐานรางรถไฟรองรับด้วยพื้นคอนกรีต ทำให้รางแข็งแรงมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ต้องคอยเสียเวลาซ่อมแซมบูรณะมากนัก

ในอดีตการโดยสารรถไฟจากปักกิ่งไปเทียนสิน ใช้เวลา 70 นาที แต่ด้วยรถไฟสายใหม่นี้ช่วยร่นเวลาลงมาเหลือ 30 นาที ภายหลังเปิดบริการปีแรก สามารถขนส่งผู้โดยสารได้กว่า 18.7 ล้านคน

4. Train a Grande Vitesse (TGV) : รถไฟความเร็วสูงเตเจเว (ทีจีวี)

สถานที่ : ประเทศฝรั่งเศส ชุมทางตั้งต้นเริ่มจากกรุงปารีสแล่นออกสู่สถานีใน 200 กว่าเมืองทั่วประเทศ เช่น นีซ ลียง อาวินยง และดิฌอง

ระยะทาง : 538 ไมล์ (865 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 217 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 356 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 572 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : เริ่มเปิดวิ่งเป็นครั้งแรกระหว่างกรุงปารีส นครหลวงฝรั่งเศส กับเมืองลียง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ต่อมาจึงขยายเส้นทางอย่างรวดเร็ว สร้างตำนานเป็นรถไฟความเร็วสูงที่ชาวโลกได้ยินชื่อคุ้นหูมากที่สุด และยังวิ่งข้ามไปยังชาติเพื่อนบ้าน เช่น วิ่งลอดอุโมงค์ใต้ทะเลไปอังกฤษ

ระบบไฟฟ้าสลับสับเปลี่ยนได้ 2 รูปแบบ ทั้งกระแสไฟมาตรฐานในยุโรป 25 กิโลวัตต์ (AC) และระบบไฟ 1.5 กิโลวัตต์ (DC) ของฝรั่งเศส ปัจจุบันครองตำแหน่งแชมป์รถไฟที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารตามตารางเวลาเร็วที่สุดในโลก 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

5. Nozomi Shinkansen : รถไฟความเร็วสูง "โนโซมิ ชินคันเซ็น"

สถานที่ : ประเทศญี่ปุ่น ให้บริการเส้นทางสายโทไกโด/ซันโย ชินคันเซ็น จากโตเกียวไปฮากาตะ

ระยะทาง : 664 ไมล์ (1,068 กิโลเมตร)

ความเร็วขณะวิ่งให้บริการ : 186 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือราว 299-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความเร็วสูงสุด : 275 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 442 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คุณสมบัติเด่น : "โนโซมิ" เป็นชื่อรุ่นรถไฟในเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง (ชินคันเซ็น) ของญี่ปุ่น ซึ่งทำความเร็วสูงที่สุดในกลุ่ม

ความเร็วของ "โนโซมิ" แต่ละรุ่น หรือแต่ละซีรีส์ไม่เท่ากัน โดยบางรุ่นวิ่งได้ถึง 442 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปัจจุบันการโดยสารโนโซมิจากกรุงโตเกียว ไปยังนครโอซากา ระยะทาง 515 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษ

จุดเด่นรถไฟไฮเทครุ่นนี้ คือ ออกแบบให้มีน้ำหนักเบา ติดตั้งกระจกโพลีคาร์บอเนตซึ่งแตกยาก-ทนทานต่อแรงกระแทกสูง และมีระบบ "แอร์สปริง" ใช้แรงอัดอากาศช่วยประคองสมดุลขบวนรถเวลาเข้าโค้ง

6 วิธีง่ายๆ ทำให้ใจเปี่ยมสุข


6 วิธีง่ายๆ ทำให้ใจเปี่ยมสุข

สังคมสมัยนี้เต็มไปด้วยการแข่งขัน ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยมีปัญหาด้านความเครียดและความไม่สบายใจตามมา เมื่อเกิดความเครียดและภาวะที่จิตใจไม่สบาย ทำให้อีกสารพัดโรคพาเหรดกันถามหาคุณโดยมิได้นัดหมาย เป็นเรื่องยากที่จะสามารถหลีกหนีปัญหาหรือความเครียดรอบๆ ตัวไปได้

แต่ก็มีอีกหลายวิธีที่ช่วยให้คุณผ่อนหนักเป็นเบาได้ เริ่มต้นจากการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในใจของคุณก่อน เพราะเมื่อจิตใจเป็นสุขจะสามารถรับมือกับสารพัดปัญหารอบตัวได้เป็นอย่างดี Men’s Health ฉบับนี้ขอแนะนำวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้จิตใจมีความสุข เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้คุณ

อย่าติดอุปกรณ์สื่อสารมากเกินไป

ปัจจุบันมีอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่สะดวกสบายขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น การใช้อุปกรณ์แบล็คเบอร์รีที่สามารถเช็คอีเมลได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างไรก็ตามการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีอย่างพร่ำเพรื่อ บางครั้งอาจทำให้คนรอบข้างคุณไม่สบายใจ กรณีที่คุณมีประชุมงานสำคัญ แต่คุณกลับสนใจกับอุปกรณ์มือถือมากกว่าบทสนทนาในการประชุม จนก่อให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่าเทคโนโลยีสื่อสารอันทันสมัยกำลังทำลายบรรยากาศการทำงาน ไม่เพียงเท่านั้นยังพลอยทำให้คนรอบข้างอารมณ์เสียตามไปด้วย

ทอม มัสแบ็ก บรรณาธิการบริหารอาวุโส ยาฮู! ฮอตจ็อบส์ บอร์ดหางานออนไลน์ ได้ทำการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 3 จากกว่า 5,000 คน โดยพวกเขาเผยว่า เช็คอีเมลระหว่างการประชุมอยู่บ่อยๆ ในการสำรวจยังพบว่า อุปกรณ์อย่างแบล็คเบอร์รีทำลายสมาธิ และนำไปสู่การสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน เนื่องจากคนไม่สนใจงานของตัวเอง ในงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งของ ฮอตจ็อบส์ ยังระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 1 ใน 5 บอกว่า ถูกตักเตือน เพราะใช้อุปกรณ์ไร้สายไม่รู้จักเวลา

ขยันทำงานช่วยให้กาย-ใจ แข็งแรง

ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า มีงานเยอะดีกว่าไม่มีงานทำยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ใครมีงานทำก็ถือว่าโชคดีแล้ว แม้ว่าคุณจะบอกว่างานที่ทำอยู่เครียด แถมงานก็เยอะขึ้นทุกวัน แต่ถ้าลองคิดให้ดี การไม่มีงานทำเลยจะยิ่งเครียดกว่าหลายเท่าตัวนัก เพราะจะมีสารพัดปัญหารุมเร้าเข้าหาคุณทันที

บางคนที่ถูกปลดออกจากงานเนื่องจากพิษเศรษฐกิจทำให้สุขภาพกาย สุขภาพใจเขาแย่ลงโดยไม่รู้ตัว ผลการศึกษาล่าสุดจากคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดสหรัฐอเมริกา พบว่า คนที่ถูกปลดออกจากงานอย่างกะทันหันมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น เคต สตัลลี นักวิจัยบอกว่า ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันการตกงานเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเกิดได้กับทุกคนและส่งผลเสียต่อสุขภาพของพวกเขาตามมา

ผู้ที่ถูกปลดออกจากงานสุขภาพจะแย่ลง โดยเฉพาะคนที่เคยสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์มาโดยตลอด เมื่อโดยปลดออกจากงานแล้วกลับพบว่าสุขภาพเสื่อมลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นกลุ่มที่มีสุขภาพปานกลางหรือไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ศาสตราจารย์เดวิดวิลเลียมส์ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกว่า ยุคนี้ไม่ใช่ว่าเราจะเน้นการดูแลสุขอนามัยอย่างเดียว แต่ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าผลกระทบจากการตกงานส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาวของเรา

เบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาชั่วคราว

ผมไม่ได้แนะนำให้คุณวิ่งหนีปัญหา แต่เมื่อสารพัดปัญหาประเดประดังเข้ามาจนทำให้คุณเครียด บางคนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเมื่อคุณยังแก้ปัญหาไม่ตกในขณะนั้น แนะนำให้คุณพาตัวเองไปทำอย่างอื่นก่อน เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนที่ชายทะเล หรือนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วค่อยหาทางแก้ปัญหาใหม่งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การหันเหความสนใจไปจากปัญหาชั่วคราว จะทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้นในการตัดสินใจกับปัญหาเฉพาะหน้า

เดวี เลอรูจ ศาสตราจารย์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยทิลเบิร์กในเนเธอร์แลนด์ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้เพราะต้องการหาคำตอบว่าการหันแหสมาธิจากการที่ต้องตัดสินใจอย่างกะทันหัน เพื่อประเมินข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (เป็นตัวอย่างสิ่งของที่นำมาให้กลุ่มตัวอย่างทดสอบ)

เขาบอกด้วยว่าการเบี่ยงเบนความสนใจจากการตัดสินใจต่อเรื่องเฉพาะหน้า โดยหันไปทำอย่างอื่นแทนจากนั้นค่อยมาตัดสินใจในเรื่องนั้นอีกครั้งพบว่า พวกเขามีกระบวนการคิด การตัดสินใจที่แยบยลมากยิ่งขึ้น และสามารถชี้ให้เห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า ผลิตภัณฑ์ที่นำมาทดสอบนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง

ปล่อยให้ตัวเองฝันกลางวันเสียบ้าง

การฝันกลางวันไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเป็นคนเลื่อนลอยหรือเพ้อฝันไปวันๆ หนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วการฝึกตัวเองให้ฝันกลางวันเสียบ้างก็เป็นผลดีกับสมองของคนเรา เนื่องจากมีผลการวิจัยบ่งบอกว่าขณะที่ความคิดของเราล่องลอยไปนั้นสมองจะทำงานควบคู่ไปด้วย เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เรากำลังเผชิญหน้าในชีวิตประจำวัน

เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้สแกนสมองของอาสาสมัครที่นอนอยู่ภายในอุปกรณ์ที่สร้างด้วยสนานแม่เหล็กไฟฟ้า พบว่าสมองของเราจะทำงานหนักขึ้น เพื่อขบคิดปัญหาระหว่างที่เราฝันกลางวัน และยังพบว่าสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อนสูง มีการทำงานหนักเช่นกัน ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ผลการวิจัยยังระบุด้วยว่าการฝันกลางวันอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่าการพยายามบีบคั้นความคิดเพื่อให้ได้คำตอบต่อการแก้ไขปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างกะทันหัน

คาลินา คริสทอฟฟ์ นักวิทยาศาสตร์ด้านระบบประสาท ผู้อำนวยการห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียในแคนาดา ซึ่งร่วมทำงานวิจัยครั้งนี้บอกว่าคนทั่วไปมักคิดไปเองว่าคนที่ใจลอย ฝันกลางวันไปเรื่อย มักเป็นพวกจิตว่าง ซึ่งจากการศึกษาล่าสุดได้ผลออกมาในทางตรงกันข้าม กล่าวคือระหว่างที่ดูเหมือนล่องลอยอยู่นั้น สมองของเราจะทำงานหนักกว่าเดิมเสียอีก คนที่ปล่อยให้ตัวเองฝันกลางวันจะสามารถนำความคิดที่อยู่ในสมองออกมาใช้งานได้มากกว่า

นอนตื่นสายบ้างในวันหยุด

ผมไม่ได้แนะนำให้คุณเป็นคนนอนกินบ้านกินเมืองนะครับ แต่อยากบอกคุณว่าในช่วงวันสุดสัปดาห์ หรือช่วงที่ลาพักร้อน และคุณไม่ได้มีธุระที่ไหน แนะนำว่าให้คุณหาเวลาไว้สำหรับการนอนตื่นสายบ้าง เพราะมีผลการวิจัยที่ทำโดยการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างระบุว่าการหาเวลานอนตื่นสายบ้างจะช่วยให้สมองของคุณปลอดโปร่ง ขบคิดปัญหาอะไรก็ง่ายขึ้น นักวิจัยได้นำคนสองกลุ่มมาเปรียบเทียบกันโดยการมอบหมายภารกิจที่ใช้วัดปฏิกิริยาการตอบสนอง โดยระหว่างการทดลอง อาสาสมัครจะเข้านอนและตื่นตามเวลาปกติ พบว่าพวกที่นอนหัวค่ำมีแนวโน้มตื่นก่อนคนนอนดึก 4 ชั่วโมง

ผลการทดลองยังพบว่า อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มปฏิบัติภารกิจได้ดีพอๆ กัน หลังตื่นนอนได้ไม่นาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 9 ชั่วโมงแล้ว ผลปรากฏว่าคนที่นอนดึกแต่ตื่นสายจะทำภารกิจได้เร็วกว่าและมีปฏิกิริยาตื่นตัวที่ดีกว่า ดร.ฟิลิปเป เปโนช์ จากมหาวิทยาลัยแลจในเบลเยียม ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยครั้งนี้เปิดเผยว่า แม้ทั้งสองกลุ่มจะตื่นนอนมานานพอๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าคนที่นอนแต่หัวค่ำจะรู้สึกง่วงมากกว่า ซึ่งจากการสแกนสมองพบว่าสมองส่วนที่เชื่อมโยงกับความสนใจสิ่งรอบตัวของพวกเขาเริ่มทำงานลดลงแล้ว

มอบความรักให้แก่กัน

ว่ากันว่าความรักเหมือนเป็นยาขนานเอกที่ช่วยเติมเต็มชีวิตให้มีความสุขและจิตใจพองโต ความรักยังเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้บุคคลนั้นมีพลังในการทำงานและใช้ชีวิต งานวิจัยจากเว็บไซต์ confetti.co.uk เปิดเผยข้อมูลว่าทีมนักวิจัยได้สอบถามสามีภรรยาประมาณ 3,000 คู่ เกี่ยวกับเคล็ดลับในการครองเรือนและสรุปผลออกมาว่า หลังแต่งงานแล้วสามีภรรยาควรบอกรักกันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง มีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กินข้าวด้วยกันภายใต้บรรยากาศโรแมนติกเดือนละ 2 ครั้ง และนอนอิงแอบแนบชิดกันบนโซฟาที่บ้านสัปดาห์ละ 3 คืน

ทีมนักวิจัยบอกด้วยว่าการโทรศัพท์หากันวันละ 3 ครั้ง ส่งอีเมล หรือส่งข้อความระหว่างอยู่ที่ทำงานจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มั่นคง แม้ว่าคุณทั้งสองจะมีงานอดิเรกที่ทำร่วมกันแล้วก็ตาม แต่ต่างฝ่ายควรมีเวลาส่วนตัวบ้าง เช่น ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของตัวเองเดือนละ 2 ครั้ง นักวิจัยกล่าวว่า การมีลูกหลังจากแต่งงานกันสองปังจะช่วยประคับประคองอารมณ์โรแมนติกของคนทั้งคู่ให้ยั่งยืนได้อีกด้วย

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2552

ผลไม้ขับผิวขาว


ผลไม้ขับผิวขาว

มะเขือเทศ ช่วยชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ และป้องกันความเสื่อมของเซลล์

มะนาว มีวิตามินซีสูงช่วยให้ผิวเนียนใส

ส้ม เสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว

ฝรั่ง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ด้วยวิตามินซีปริมาณสูง

แตงโม บำรุงผิวพรรณ ช่วยล้างไต และขับปัสสาวะ

กล้วยหอม เหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และอยู่ท้องนาน

มะละกอ เป็นยาระบายอ่อนๆ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาท้องผูก

แอปเปิ้ล อุดมด้วยเพคติน จึงช่วยให้เล็บแข็งแรง

ทางเลือกของความหวาน


ทางเลือกของความหวาน

ถึงจะหวานอร่อยลิ้น แต่เมื่อกินมากเกินไป น้ำตาลอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้ คนจำนวนมากจึงหันมาใช้สารให้ความหวาน (Artificail Sweetener) เพื่อที่จะให้อร่อยกับอาหารได้โดยไม่มีแคลอรีมากจนเกินไป



*อะไรคือสารให้ความหวาน มันก็คือสารเคมีที่ให้ความหวานแบบเดียวกับน้ำตาลแต่มีแคลอรี่ต่ำ และเนื่องจากมันมีความหวานมากกว่าน้ำตาล มันจึงใช้ปริมาณน้อยกว่าแต่ให้ความหวานเท่ากัน คนที่เป็นโรคเบาหวานสามารถรับประทานสารให้ความหวานได้ โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น แต่จำไว้ว่าถ้าคุณเป็นเบาหวาน อาหารบางอย่างที่มีสารให้ความหวานผสมอยู่ยังอาจมีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในอาหารนั้น นอกจากนี้ สารให้ความหวาน อย่างเช่น ซอร์บิทอล (Sorbital) หรือแมนนิทอล (Mannital) ที่มีแคลอรี ก็ยังสามารถส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้



*ความปลอดภัยของสารให้ความหวาน สารให้ความหวานมักถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพหลายอย่าง รวมทั้งมะเร็ง อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐฯ ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ว่า สารให้ความหวานที่ได้รับการรับรองให้ใช้ได้ในสหรัฐฯ ก่อให้เกิดมะเร็ง และการศึกษาจำนวนมากก็ยืนยันว่า สารให้ความหวานเหล่านี้ปลอดภัยสำหรับคนทั่วไปอย่างไรก็ตามสารให้ความหวานที่ชื่อแอสปาร์แตม (Aspartame) อาจมีข้อควรระวังอยู่บ้าง นั่นคือมันไม่ปลอดภัยสำหรับคนที่มีโรคทางพันธุกรรมที่หาได้ยากมากที่ชื่อว่าโรค Phenyketonuria หรือ PKU



*แต่ก็ยังคงไม่มีคุณค่า การเอาน้ำตาลออกจากคุกกี้หรือช็อกโกแลตไม่ได้ทำให้มันเป็นอาหารไขมันต่ำ หรือแคลอรีต่ำแต่อย่างใด ถ้าคุณกินมากเกินไป คุณก็จะได้แคลอรีมากกว่าที่ต้องการ และอาจไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอด้วยเพราะเครื่องดื่มหรือของหวานปราศจากน้ำตาลมักให้คุณค่าทางอาหารน้อยมากหรือไม่มีเลยจงใช้สารให้ความหวานอย่างสมเหตุผล เช่น มันโอ.เค. ที่จะดื่มน้ำอัดลมแบบไดเอ็ตแทนน้ำอัดลมปกติ แต่น้ำอัดลมแบบไดเอ็ตก็ไม่ควรเป็นเพียงเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียวของคุณ



ระวัง...น้ำตาลที่ไม่ได้มาในชื่อของน้ำตาล



บ่อยครั้งที่อาหารซึ่งไม่มีคำว่าน้ำตาล (Sugar) อยู่ในรายการของส่วนผสมเลย กลับมีน้ำตาลอยู่ในปริมาณมาก นั่นเพราะน้ำตาลไม่ได้มาในชื่อของน้ำตาลเสมอไป ดังนั้น ถ้าคุณพบชื่อต่อไปนี้อยู่ในอาหาร--ไม่ว่าจะเป็นแล็กโตส (Lactose) มัลโตส (Maltose) เด็กซ์โตรส (Dextrose) กลูโคส (Glucose) หรือซูโครส (Sucrose) จำไว้ว่า มันก็คือน้ำตาลนั่นเอง



หยุดความอยากกินน้ำตาลได้อย่างไร?



การตัดลดน้ำตาลอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็มีเคล็ดลับบางอย่างที่อาจช่วยได้



งานวิจัยในสัตว์ทดลองเผยว่า น้ำตาลทำให้เสพติดได้ โดยงานศึกษาวิจัยที่มหาวิทยาลัยพรินสตัน เมื่อไม่นานมานี้พบว่า หนูที่ได้รับน้ำตาลมากเกินไปต้องทรมานอย่างมากเมื่อถูกงดให้น้ำตาล แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการศึกษาที่เป็นหลักฐานในมนุษย์ ที่พิสูจน์ได้ว่ามันมีการเสพติดอย่างเดียวกับแอลกอฮอล์หรือยา แต่บ่อยครั้งที่อาหารที่มีน้ำตาลสูงมักมีไขมันสูงด้วย ซึ่งไม่ดีทั้งต่อสุขภาพและรอบเอวของคุณ ดังนั้น ถ้าอยากเอาชนะความอยากกินของหวาน เรามีเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญมาฝาก



*อย่างดอาหาร เมื่อคุณงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง ระดับพลังงานของคุณจะลดต่ำลง ผลก็คือ ร่างกายของคุณจะเริ่มอยากกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณกินอาหารมื้อเล็ก ๆ หลายมื้อในหนึ่งวัน คุณจะมีความอยากกินของหวานน้อยกว่า



*กินน้ำตาลธรรมชาติ ถ้าอยากกินไอศกรีมหรือลูกกวาดลองหยิบผลไม้มากินแทน ผลไม้จะไม่เพียงแต่ทำให้ความอยากน้ำตาลหายไป แต่ยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลในร่างกาย และช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงขึ้นเร็วเกินไป ที่อาจนำไปสู่ความอยากกินน้ำตาลมากขึ้น



*บ้วนปากและแปรงฟัน เพื่อหยุดความอยากของหวานหลังกินอาหาร ให้แปรงฟันหรือบ้วนปากทันทีด้วยน้ำยาบ้วนปาก อาหารที่มีน้ำตาลจะลดความอร่อยลงไปหลังจากที่คุณแปรงฟันหรือบ้วนปากแล้ว



*อย่าซื้อขนมหวาน คนจำนวนมากอยากกินของหวานตอนดึก ๆ ซึ่งเป็นเวลาที่ความสามารถในการหักห้ามใจต่ำลง ฉะนั้น หลีกเลี่ยงการเก็บของหวานเอาไว้ในบ้าน ถ้าไม่มีของจะกิน คุณก็ไม่ได้กินหรอก



*ออกไปเดินเล่น คนจำนวนมากกินของหวานหลังอาหาร แต่แทนที่จะทำอย่างนั้นลองเปลี่ยนเป็นการลุกไปเดินเล่นแทน การกินของหวานสามารถทำให้ระดับของเซโรโทนินในร่างกายเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้อารมณ์ดีขึ้น และการเดินเล่นก็สามารถทำได้แบบเดียวกัน