วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ยิ้มสวยมั่นใจอย่างดาราฮอลลีวู้ด



ยิ้มสวยมั่นใจอย่างดาราฮอลลีวู้ด (Health Plus)

การไปนอนอ้าปากให้หมอทำฟันเพียงไม่กี่ครั้งช่วยให้คุณดูเด็กลงได้จริงหรือทันตกรรมความงามคือเทรนด์ใหม่ที่ช่วยกระชากวัยได้ว่าแต่มันคุ้มค่าน่าลองจริงหรือเปล่า เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน...

ลืมศัลยกรรมพลาสติกไปได้เลย หากคุณอยากให้หน้าดูเด็กลง ทันตกรรมความงามคือคำตอบที่ดี คุณไม่ต้องไปเที่ยวเสียเสาะหาข้อมูลดังกล่าวตามลำพังที่ไหนอีกแล้ว ที่สำคัญทันตกรรมความงามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในแวดวงของชาวฮอลลีวู้ดอีกต่อไป เพราะคุณเองก็สามารถไปพบทันตแพทย์ให้ยกเครื่องช่องปากซึ่งจะช่วยพาคุณย้อนเวลากลับสู่ความอ่อนเยาว์ได้

เหตุใดฟันคนเราจึงเผยให้เห็นอายุที่เพิ่มมากขึ้นได้ นั่นเพราะเมื่ออายุมากขึ้น ฟันจะเริ่มสึก พื้นที่บริเวณใบหน้าระหว่างจมูกและคางเล็กลง ฟันดำขึ้นตามอายุ (เป็นผลมาจากการดื่มไวน์และชาต่อเนื่องกันมายาวนานหลายปี) เหงือกร่นจึงทำให้ฟันดูยาวขึ้น

ขณะที่ฟันในวัยหนุ่มสาวจะเรียงเป็นระเบียบและขาวกว่า ทำให้ดูมีสุขภาพดีและชวนมอง ยิ่งไปกว่านั้นฟันที่ขาวสวยช่วยให้ยิ้มได้อย่างมั่นใจ จึงทำให้อารมณ์และหน้าตาดูดีขึ้น

วิธีรักษาฟันมีให้เลือกมากมายซึ่งก็ขึ้นกับความต้องการที่แตกต่างกัน และขึ้นกับเงินในกระเป๋า หากคิดว่าการยกเครื่องช่องปากช่วยชะลอความชราได้ นี่คือข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ

ฟอกฟันขาว (Teeth whitening and bleaching)

ช่วยลดคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่ที่ฟัน รวมถึงสีของฟันที่เปลี่ยนไป ซึ่งการฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันขาวขึ้น รอยยิ้มดูสดใส

วิธีการ

การฟอกสีฟันต้องพิมพ์ปากทำถาดฟอกสีฟันสำหรับใส่สารละลายไฮโดรเจนเพอร็อกไซด์ โดยถาดฟอกสีฟันต้องแนบพอดีกับตัวฟันและเหงือก ส่วนการใช้แสงเลเซอร์ฟอกสีฟันจะเป็นการใช้เจลฟอกสีฟันทาที่ฟัน แล้วจึงใช้แสงเลเซอร์กระตุ้น

ผลลัพธ์ที่ได้

สีฟันจะขาวสว่างขึ้น 2-3 เฉดขึ้นกับโครงสร้างของฟันและชนิดของวิธีที่ใช้

ข้อดี

ไม่รู้สึกเจ็บ ราคาไม่แพง ทำให้ฟันขาวขึ้นและดูสดใสได้ทันที

ข้อเสีย

ไม่ถาวร ฟันจะขาวอยู่แค่ 1 หรือ 2 ปี ขึ้นกับอาหารและเครื่องดื่มที่กิน รวมถึงความสะอาดในช่องปาก นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะสั้นเช่น แผลในช่องปาก เจ็บเหงือกและฟัน แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองในไม่ช้า

Health Plus Fact

การดื่มชากาแฟมากเกินไปจะทำให้ฟันเป็นคราบสีเหลืองๆ และถ้ายิ่งเป็นชาหรือกาแฟร้อนก็ยิ่งทำให้เกิดคราบฝังลึกมากขึ้น

การอุดฟันสีขาว (White fillings)

บางคนเลือกอุดฟันสีขาวแทนสีเงิน

วิธีการ

การอุดฟันสีขาวใช้แทนการอุดฟันแบบเก่า ทันตแพทย์จะกรอฟันที่อุดเก่าไว้ออก จากนั้นจะใส่วัสดุอุดฟันสีขาวคอมโพสิต (composite) ที่มีสีเหมือนฟันลงไป เมื่ออุดฟันแล้ว ก็จะทำการขัดแต่งวัสดุอุดฟันสีขาวนั้นให้กลมกลืนกับรูปร่างเดิมของฟัน

ผลลัพธ์ที่ได้

คอมโพสิตเหมาะกว่าวัสดุอุดฟันสีเงิน เพราะมองไม่เห็นวัสดุอุดฟันเวลายิ้มหรือหัวเราะ จึงเป็นการอุดเพื่อความสวยงาม

ข้อดี

กลมกลืนกับสีฟัน จึงมองไม่เห็นวัสดุที่อุดฟัน ขณะที่บางคนบอกว่าการอุดแบบคอมโพสิตไม่มีโลหะเป็นส่วนผสมที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ข้อเสีย

การอุดฟันแบบนี้มีความคงทนน้อยกว่าการอุดด้วยโลหะ

การครอบฟัน (Crowns)

การบดเคี้ยวอาหาร อายุที่เพิ่มมากขึ้น การอุดฟัน และฟันผุ ล้วนมีส่วนทำให้ฟันสึก เกิดรอยร้าว หรือบิ่น นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องครอบฟัน

วิธีการ

ทันตแพทย์จะกรอฟันเพื่อเป็นฐานให้แก่ฟันที่จะนำมาครอบฟัน จากนั้นจะพิมพ์ฟันเพื่อทำแบบจำลอง และส่งแบบจำลองไปยังห้องแล็บเพื่อทำฟันที่นำมาครอบฟัน ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการรักษารากฟันก่อนจะนำฟันมาครอบถาวรต่อไป

ผลลัพธ์ที่ได้

การครอบฟันจะทำให้ได้รูปร่างและขนาดของฟันที่ถูกครอบพอเหมาะ ทำให้ฟันดูดีและช่วยเพิ่มความแข็งแรงของฟัน

ข้อดี

ถ้าคุณเลือกครอบฟันแบบใช้โลหะสีทอง ทันตแพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องกรอเนื้อฟันที่ดีออก ส่วนครอบฟันแบบพอร์ซเลนจะดูเป็นธรรมชาติและมีสีใกล้เคียงกับสีฟันจริงของคุณ

ข้อเสีย

ข้อเสียที่สุดของการครอบฟันแบบใช้โลหะสีทองคือทำให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ชัด ขณะที่ความหนาของพอร์ซเลนซึ่งทำให้ครอบฟันดูเป็นธรรมชาติ อาจทำให้ทันตแพทย์ต้องกรอฟันออกไปมาก และเพราะพอร์ซเลนแข็งกว่าโลหะสีทอง จึงอาจทำให้ฟันที่ครอบผุได้ง่าย

Health Plus Fact

ยอดขายยาสีฟันไวท์เทนนิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็น 3 เท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ นั่นชี้ให้เห็นว่ามีคนมากมายที่อยากมีฟันขาวยิ่งขึ้น เพื่อรอยยิ้มที่สวยงามมั่นใจ

การเคลือบผิวหน้าฟัน (Veneer)

เป็นการติดแผ่นพอร์ซเลนบาง ๆ ที่ผิวด้านหน้าฟัน (คล้ายการติดเล็บปลอม) และมักใช้เป็นทางเลือกหนึ่งแทนการครอบฟัน

วิธีการ

ตรวจวินิจฉัยและการเตรียมฟันโดย ทันตแพทย์ ติดพอร์ซเลนวีเนียร์บนผิวฟัน จากนั้นติดตามผลการรักษา

ผลลัพธ์ที่ได้

พอร์ซเลนวีเนียร์ใช้แก้ไขปัญหาความผิดปกติของฟัน เช่น แก้ไขปัญหาสีและรูปร่างของฟัน เช่น ฟันมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป ผิวฟันไม่เรียบ รวมถึงฟันที่ถูกทำลายเช่น ฟันกร่อน ฟันสึก หรือแตกหัก

ข้อดี

ไม่จำเป็นต้องฉีดยาชา ทันตแพทย์ไม่ต้องกรอฟันออกจำนวนมาก คราบสีต่างๆ เช่นคราบอาหาร บุหรี่ ชา กาแฟติดยาก แข็งแรงทนทานอยู่ได้นานถึง 10-15 ปี ทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้ผิวฟันอีกด้วย

ข้อเสีย

การติดพอร์ซเลนวีเนียร์อาจมีอาการเสียวฟันได้ ต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงคุ้นเคยกับวีเนียร์ บางครั้งสีผิวของฟันอาจผิดเพี้ยนจากสีฟันธรรมชาติของคุณเล็กน้อยถ้ามองในระยะใกล้

สะพานฟัน (Dental bridges)

สะพานฟันเป็นฟันปลอมที่เชื่อมระหว่างครอบฟันพอร์ซเลนเพื่อเติมเต็มพื้นที่ของฟันที่หายไป

วิธีการ

ทันตแพทย์ตรวจฟันและฉีดยาชาบริเวณฟันที่จะกรอก่อนทำสะพานฟัน กรอฟันเพื่อเป็นฐานให้แก่สะพานฟันหากฟันที่เป็นฐานมีการอุดฟันไว้ ส่วนที่ถูกอุดฟันจะถูกดึงออก เนื่องจากจะมีการทำครอบฟันลงไปแทนที่ พิมพ์ฟันเพื่อทำแบบจำลองสำหรับทำสะพานฟัน

ผลลัพธ์ที่ได้

ช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคเหงือก ช่วยแก้ปัญหาการบดเคี้ยว รวมถึงการพูดหรือออกเสียงให้ดีขึ้น

ข้อดี

ฟันที่ทำดูเป็นธรรมชาติ ใช้เวลาไปพบทันตแพทย์แค่ประมาณ 2 ครั้ง ทำแล้วอยู่ได้นานถึง 10 ปีหรือมากกว่านั้น

ข้อเสีย

ราคาแพง และอาจมีอาการเสียวฟันในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังการรักษา หากทานของเย็นจัดหรือร้อนจัด

ทันตกรรมรากเทียม (Dentalimplants)

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป

วิธีการ

ทันตแพทย์จะฝังวัสดุที่ทำจากไทเทเนียมมีรูปร่างคล้ายรากฟันลงบนกระดูกขากรรไกร โดยมีการฉีดยาชา การทำรากฟันเทียมช่วยให้ฟันปลอมภายในช่องปากทั้งชนิดถอดได้และ ชนิดติดแน่นยึดเกาะได้ดีขึ้น โดยอาจใช้รากเทียมเพื่อการใส่ฟันปลอมหนึ่งซี่หรือมากกว่านั้น

ผลลัพธ์ที่ได้

รากเทียมกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แทนที่สะพานฟัน เพราะสะพานฟันมีข้อจำกัดอยู่บางประการนั่นคือ ต้องกรอฟันซี่ข้างเคียงเพื่อเป็นหลักยึดของสะพานฟัน ทำให้สูญเสียเนื้อฟันธรรมชาติไป ส่วนรากเทียมจะทำให้คุณมีฟันซี่ใหม่ที่สวยงาม ใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ

ข้อดี

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอายุการใช้งานยาวนานหากดูแลรักษาเป็นอย่างดี แม้ว่าฟันปลอมหรือคอรบฟันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนทุก 10-15 ปี

ข้อเสีย

ใช้เวลานานในการรักษา มีราคาแพง มีโอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมนี้ แม้จะน้อยมากก็ตาม และหลังทำแล้วหากดูแลฟันไม่ดี ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคเหงือกได้

เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม


เทคนิคการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงาม (เดลินิวส์)

สาว ๆ ทุกคนก็คงอยากที่จะมีขาที่เรียวงามทั้งนั้น (ไม่ต้องเพรียวเหมือนนางแบบ แต่ต้องไม่เป็นท่อนซุง เท่านั้นเป็นใช้ได้) แต่วิธีที่จะมีเรียวขาที่สวยงามนั้น นอกจากจะได้มาจากบุญเก่าแล้ว อีกวิธีหนึ่งนั่นคือ การออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการบริหาร เพื่อเรียวขาที่สวยงามของคุณมาฝากกันค่ะ

ท่าบริหารบั้นท้าย : เป้าหมายคือขาอ่อนส่วนหน้าและกำจัดบั้นท้ายหนา โดยออกกำลังกล้ามเนื้อที่ก้น

วิธีทำ : ยืนแยกขา งอเข่าเล็กน้อย หลังตรง มือเท้าสะเอว งอเข่าทำมุมเก้าสิบองศาแล้วเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจนตัวค้อมลงมาหาขาอ่อน ส้นเท้าแนบพื้น ลดตัวลงไปกระทั่งก้นอยู่ในระดับเดียวกับเข่า เกร็งไว้หนึ่งวินาที จากนั้นค่อย ๆ หวนกลับมาท่ายืน ทำซ้ำ 20 ครั้ง

ท่ายืดเส้นสายขาอ่อน : เป็นท่าทำยากแต่ถ้าอยากให้กล้ามเนื้อขาอ่อน หน้าขาและหลังขาแข็งแรงก็คุ้มค่าน่าทำ

วิธีทำ : ยืนตรงยื่นขาหนึ่งไปข้างหน้า ตัวตรง หน้าท้องแขม่ว งอเข่าลงทิ้งน้ำหนักที่ส้นเท้าเพื่อใช้งานกล้ามเนื้อสะโพก เกร็งไว้หนึ่งวินาที แล้วค่อย ๆ กลับท่าเดิม ทำซ้ำ 15 ครั้ง จากนั้นทำกับขาอีกข้าง 15 ครั้งเช่นกัน

ขาอ่อนปราดเปรียว : เป็นท่าที่เหมาะสำหรับออกกำลังขาอ่อนด้านใน

วิธีทำ : นอนตะแคงซ้าย งอเข่าขวาพาดพื้น ขาซ้ายตรง ค่อย ๆ ยกขาซ้ายขึ้น เกร็งไว้หนึ่งวินาทีแล้วยกลง ทำซ้ำ 15 - 20 ครั้ง แล้วสลับกับขาอีกข้าง

20 เคล็ดลับ ผิวสวยรับลมหนาว





20 เคล็ดลับ ผิวสวยรับลมหนาว (สุดสัปดาห์)

เตรียมผิวหน้าและผิวกายให้พร้อมสวยรับลมหนาวที่กำลังจะมาถึงกันเถอะ

1. เมื่ออากาศหนาวมาเยือน ความชื้นในอากาศจะลดลง ร่างกายจึงดึงน้ำมาใช้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแห้งหรือแตกเป็นขุยได้ง่าย สิ่งแรกที่ต้องทำคือการดื่มน้ำเปล่า (ไม่เย็น) ให้เยอะขึ้น เพราะร่างกายจะดูดซึมน้ำเปล่าเข้าสู่เซลล์ได้รวดเร็วกว่าน้ำชนิดอื่น

2. หากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่ใช้อยู่มีเนื้อบางเบาเหมาะสำหรับอากาศร้อน ขอให้เก็บเข้าตู้เย็นไปก่อน แล้วยอมลงทุนเพิ่มอีกหน่อย ซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเนื้อเข้มข้นหรือที่เป็น Oil Base มาใช้ พอหน้าหนาวผ่านไปค่อยหยิบของเดิมกลับมาใช้จะเวิร์คกว่า

3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าชนิดเซรั่มหรือเอสเซ้นซ์ มาบำรุงผิวก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์ นอกจากเนื้อบางเบาซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายแล้ว ยังช่วยเร่งการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นด้วย

4. นวดหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนโลหิตและน้ำมันใต้ผิวตามธรรมชาติ ให้หล่อเลี้ยงผิวดีขึ้น

5. ถ้าปกติแล้วขัดผิวกายสัปดาห์ละครั้ง ขอให้ยืดเวลาออกเป็น 2 – 3 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นใต้ผิวไว้ และเลือกผลิตภัณฑ์สครับที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยสังเกตง่ายๆ ว่าหลังใช้ผิวจะไม่แห้งตึง แต่ถ้ามีอาการผิวแตกเป็นขุย ขอให้หลีกเลี่ยงการขัดผิวไปก่อนจะดีกว่า

6. ถึงแม้อากาศจะหนาวแค่ไหน ก็ต้องข่มใจไว้ ไม่อาบน้ำที่ร้อนจัด (เกิน 34 องศาเซลเซียส) เพราะไขมันที่เคลือบตามผิวหนังจะถูกล้างออกไปได้มากกว่าปกติ

7. หลังอาบน้ำหรือล้างหน้า ใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ ไม่จำเป็นต้องให้แห้งสนิท ลูบไล้ผลิตภัณฑ์บำรุงแล้วปล่อยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิว

8. ถ้าไม่ชอบทาครีมเพราะรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ หลังอาบน้ำให้รีบชโลมออยล์ทั่วเรือนร่าง แล้วซับตัวด้วยผ้าขนหนูเบา ๆ

9. หากอยากผ่อนคลาย แช่ตัวในน้ำอุ่น ให้แช่ได้ไม่เกิน 10 นาที แล้วอย่าลืมหยดออยล์หรือครีมน้ำนมลงในอ่างน้ำด้วย

10. เคล็ดลับฟื้นฟูผิวแห้งเป็นขุยเบื้องต้น ให้นำผ้าขนหนูหรือผ้าสำลีชุบนมรสจืดเย็น ๆ มาวางบนผิวหนังส่วนที่แห้งหรือระคายเคือง ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก กรดแล็กติกในนมจะลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออก และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง

11. ในระหว่างวันให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดพรมทั่วใบหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมความรู้สึกสดชื่น

12. ช่วงนี้ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ที่ระบุไว้สำหรับผิวแห้งโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์หรือเนื้อครีมเข้มข้นสูง (เนื้อบัตเตอร์) ส่วนเนื้อโลชั่นจะเหมาะกับช่วงหน้าร้อนมากกว่า

13. มาสก์หน้าสัปดาห์ละครั้ง โดยนำแผ่นมาสก์หน้าไปแช่ตู้เย็นก่อนใช้ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูผิวแล้วยังช่วยกระชับรูขุมขนด้วย

14. สูตรมาสก์หน้าโฮมเมดทำเองง่าย ๆ คือ อะโวคาโดบดครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 1-4 ถ้วย จนเข้ากัน พอกทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า น้ำมันจากอะโวคาโดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

15. ในตอนเช้าแค่ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ไม่จำเป็นต้องล้างด้วยสบู่ เพื่อรักษาน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติ

16. เปลี่ยนจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเนื้อโฟม มาเป็นเนื้อครีมหรือออยล์จะเหมาะกับสภาพผิวมากกว่า

17. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผสมกรดต่าง ๆ เช่น AHA BHA เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวแห้งมากขึ้นได้

18. พกลิปบาล์มติดกระเป๋าไว้เสมอ หากเนื้อลิปบาล์มบนริมฝีปากเริ่มแห้งเมื่อไรให้รีบหยิบมาทาทันที

19. ถึงแม้ช่วงฤดูหนาวจะไม่ค่อยมีแสงแดด สาว ๆ ก็ยังต้องใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดเหมือนในฤดูร้อนเพราะไม่ว่าเวลาไหน รังสียูวีก็ยังมีอยู่ทุกที่

20. ผิวบริเวณส้นเท้าจะแตกได้ง่ายขึ้น จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเท้าลูบไล้ให้ทั่ว เน้นบริเวณส้นเท้าเป็นพิเศษ แล้วใช้แป้งเด็กทาบาง ๆ เพื่อดูดซับความมันก่อนสวมรองเท้าหุ้มส้น

ยาก่อน-หลังอาหาร กินอย่างไร



ยาก่อน-หลังอาหาร กินอย่างไร (ชีวจิต)

บางครั้งที่คุณป่วยและต้องขอยาจากหมอมาบรรเทา ยาที่หมอจ่ายจะระบุว่าต้องกินก่อนหรือหลังอาหาร คุณก็ควรปฏิบัติตามนั้นด้วยค่ะ

ยาก่อนอาหาร คือ ยาที่ละลายได้ดีในสภาวะเป็นกรด กระเพาะอาหารของเราขณะที่ท้องว่าง จะมีน้ำย่อยซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกรด เมื่อเรากลืนยาลงสู่กระเพาะ ก็จะละลายและดูดซึมได้ดี ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ ยาประเภทนี้ควรรับประทานก่อนอาหารประมาณ 30 นาที

ส่วน ยาหลังอาหาร มักเป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือกัดกระเพาะ หรือบางตัวถ้าหากรับประทานขณะท้องว่า ฤทธิ์ของยาจะถูกทำลายด้วยกรดจากน้ำย่อยในกระเพาะทำให้ยาขาดประสิทธิภาพ ยาประเภทนี้จึงควรรับประทานหลังจากรับประทานอาหารไปแล้วประมาณ 15 – 30 นาที เพื่อให้อาหารย่อยไปสักครู่ก่อน ยาจะได้ดูดซึมพร้อม ๆ กับอาหารพอดี

แสงแดด...ป้องกัน โรคกระดูกพรุน



แสงแดด...ป้องกันโรคกระดูกพรุน (Mcot)

แสงแดดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่รักความสวยความงาม จึงสรรหาวิธีต่าง ๆ ที่จะนำมาพิชิตแสงแดด ทั้งทาครีมกันแดด กางร่ม หรือใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวพรรณอย่างมิดชิด

แต่รู้หรือไม่ว่าแสงแดดช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ เพราะร่างกายของคนเราสามารถสังเคราะห์วิตามินดีจากแสงอาทิตย์ได้ ซึ่งเจ้าวิตามินดีนี่เอง ที่จะช่วยให้ลำไส้ของเรามีการดูดซึมแคลเซียมได้ดี ทำให้กระดูกแข็งแรงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน

รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามัวนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในบ้าน ออกมารับแสงแดดนอกบ้านประมาณ 10-15 นาที เท่านี้ก็เพียงพอที่จะสร้างวิตามินให้กับกระดูกของเรา

วิธีง่ายๆ บริหารสมองให้ฟื้นฟูความจำ



วิธีง่ายๆ บริหารสมองให้ฟื้นฟูความจำ (เดลินิวส์)

วันนี้เรามีเกร็ดความรู้ วิธีการบริหารสมองแบบง่ายๆ มาบอกกันค่ะ .... ถ้าใครอยากมีความจำดีๆ ก็ลองนำวิธีเหล่านี้ ไปบริหารสมองดูนะคะ

นักวิจัยมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เมโทรโพลิแทน ประเทศอังกฤษ ให้ข้อมูลว่า วิธีพัฒนา - ฟื้นฟูความจำของสมองมนุษย์แบบง่ายๆ ทำได้ด้วยการค่อยๆ กรอก "ลูกตา" จากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง

เคล็ดลับการกรอกลูกตาที่ว่านี้ ต้องทำในแนวนอน เช่น กรอกตามองจากฝั่งซ้าย มาตรงกลาง แล้วไปทางขวา หรือไม่ก็ทำในทิศทางสลับกัน แต่ต้องกรอกตา หรือ ทำต่อเนื่องเพียง 30 วินาทีต่อวัน

ดร.แอนดรูว์ ปาร์กเกอร์ นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า การฝึกกรอกตาไปมาแบบนี้จะช่วยให้ "สมองทั้ง 2 ซีก" ทำงานตอบสนองกันดียิ่งขึ้น เมื่อทำบ่อยๆ จึงเหมือนเป็นการ "ออกกำลังกายสมอง" ไปในตัว ทำให้สมองของผู้ฝึกมีความจำดีกว่าเดิม 10 เปอร์เซ็นต์

ดร.แอนดรูว์ สรุปการทดลอง โดยแบ่งนักศึกษา 102 ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้ฝึกกรอกตาซ้ายขวา, กลุ่มที่สองกรอกตาขึ้นลง และกลุ่มที่สามไม่ต้องฝึกอะไรเลย ผลการทดลองพบว่า กลุ่มแรกสามารถจดจำคำพูด 300 คำที่นักวิจัยเปิดเทปให้ฟังได้มากที่สุด

Dos & Don’ts ปัญหาคอนแท็คเลนส์



Dos & Don’ts ปัญหาคอนแท็คเลนส์ (Mcot)

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้คอนแท็คเลนส์อยู่เป็นประจำ และยังคงกังวลกับข่าวน้ำยาคอนแท็คเลนส์ที่ทำให้กระจกตาอักเสบ เนื่องมาจากเชื้อรา Fungul Keratitis เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ขอให้สบายใจได้แล้ว เพราะทางอย. (องค์การอาหารและยา) บ้านเราได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากการพิสูจน์ไปเรียบร้อยแล้วว่า อาการกระจกตาอักเสบดังกล่าว มีสาเหตุที่แท้จริงมาจากพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค ไม่ใช่ความผิดพลาดที่เกิดจากสินค้า หรือผลิตภัณฑ์อย่างที่หลายคนเข้าใจ และเพื่อความปลอดภัย ในระยะยาวของสุขภาพตาของคุณที่ใช้คอนแท็คเลนส์อยู่เป็นประจำ เราจึงนำข้อควรทำ และ ข้อไม่ควรทำง่าย ๆ มาแนะนำให้คุณได้นำไปลองปฏิบัติกันดู

Dos

ทำความสะอาดคอนแท็คเลนส์ในน้ำยาทำความสะอาดไม่กว่าน้อย 4 ชั่วโมงหรือ ตามระยะเวลาตามที่ฉลากกำหนด

หลังจากทำความสะอาดเลนส์เรียบร้อยแล้ว ควรเก็บเลนส์ในภาชนะที่สะอาดอยู่เสมอ

เปลี่ยนเลนส์ตามคำแนะนำหรือระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากคอนแท็คเลนส์มีอายุการใช้งานที่จำกัดแตกต่างกันไป

หากคอนแท็คเลนส์ฉีกขาด จนทำให้ตาระคายเคือง บวม ตาแดง มองไม่ชัด หรือไวกว่าแสงเพิ่มขึ้น ควรรีบถอดออกทันที ก่อนพบและปรึกษาในจักษุแพทย์

พกแว่นตาสำรองติดตัว ในกรณีที่คอนแท็คเลนส์ฉีกขาดหรือหล่นหาย


Don’ts

สำหรับผู้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ไม่ควรซื้อคอนแท็คเลนส์ด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจได้ชิ้นเลนส์ที่ไม่เหมาะกับขนาดของดวงตา ซึ่งปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการพบและปรึกษาจักษุแพทย์

ไม่ใส่คอนแท็คเลนส์ขณะว่ายน้ำ

ไม่ใส่คอนแท็คเลนส์ขณะที่คุณนอนหลับ

ไม่ใช้คอนเเท็คเลนส์ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากเป็นเลนส์สัมผัส อาจทำให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้นได้

ไม่สัมผัสเลนส์ขณะมือสกปรก ทางที่ดีควรล้างมือให้สะอาดและรอให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ทุกครั้ง

นั่ง ยืน แบบไหน? ลดปวดเมื่อย



นั่ง ยืน แบบไหน? ลดปวดเมื่อย

การมองข้ามความสำคัญของท่านั่ง ท่ายืนที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา อาทิ อาการปวดเมื่อยหลัง หรือปวดศีรษะ

สำหรับท่านั่งที่ถูกต้อง คือ...

นั่งหลังตรง โดยไม่ทิ้งน้ำหนักกดสันหลังช่วงล่าง

ไม่งอหรือห่อไหล่ และนั่งให้เต็มเก้าอี้

พิงหลังชิดพนัก หาหมอนหรือผ้าหนุนบริเวณส่วนเว้าของพนักพิง

วางปลายเท้าทั้งสองข้างให้ถึงพื้น และกระจายน้ำหนักให้เท่ากัน

พับเข่าทำมุม 90 องศา ในระดับเดียวกับสะโพก

ส่วนแขนปล่อยวางข้างลำตัว พร้อมนั่งแขม่วหน้าท้องเล็กน้อย หายใจให้เป็นธรรมชาติ

ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง เพราะเป็นการบิดตำแหน่งเชิงกรานให้ผิดลักษณะ ส่งผลให้น้ำหนักขาตกอยู่ที่เส้นเอ็นและกระดูกอ่อน

ขณะนั่ง หมั่นยืดหลังให้บริเวณอกแอ่นไปด้านหน้า ค้างไว้ครั้งละ 20 วินาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าท้องและผ่อนน้ำหนักจากข้อต่อสันหลัง

เมื่อต้องการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งเป็นยืน ให้ขยับตัวไปด้านหน้าของเก้าอี้ ก่อนทิ้งน้ำหนักที่ขา ยืดขาช้าๆ พยายามอย่ายืนขึ้นในลักษณะสันหลังช่วงเอวโก่งงอ

ส่วนท่ายืนที่ถูกต้อง คือ...

ศีรษะและคอตั้งตรง

ไม่เกร็งช่วงไหล่ และกระดูกไหปลาร้า ให้อยู่ในลักษณะผายออกอย่างผ่อนคลาย

สะโพกทั้งสองข้างให้อยู่ในระดับเสมอกัน

งอเข่าเล็กน้อย ไม่ควรเหยียดยืดให้ตรงเกินไป

ข้อเท้าทั้งสองข้าง ควรทิ้งน้ำหนักตัวเฉลี่ยเท่าๆ กัน

การนั่งและยืนอย่างถูกต้อง นอกจากจะทำให้ดูสง่าผ่าเผยแล้วยังช่วยลดการเสื่อมของข้อต่อ ลดความตึงของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อไม่เกิดอาการอ่อนล้า ป้องกันอาการปวดหลัง-ปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงจากการเจ็บกล้ามเนื้อฉับพลันได้

การฉีดเสริมสวย





ปัจจุบันการฉีดสารซิลิโคนเพื่อเสริมสวย กลับเริ่มมีการนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีการประชาสัมพันธ์กันต่อๆ มา ว่ามีดารานักแสดงนิยมไปฉีด ทำให้เกิดมีผู้หลงเชื่อตามไปรับการฉีดและมีปัญหาตามมาหลายราย สารซิลิโคนจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย เช่น เสริมจมูก, คาง, แก้ม, หน้าผาก นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง (Malpractice) เพราะสารซิลิโคนแม้จะเป็นสารที่มีปฏิกริยาต่อร่างกายน้อย แต่ก็จะแทรกซึมปนอยู่ในเนื้อเยื่อของเรา อย่างแยกกันไม่ออก ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เช่น การอักเสบ จะไม่สามารถผ่าตัดเอาสารนี้ออกมาได้หมด และยังต้องตัดเอาเนื้อดีที่อยู่ใกล้เคียงออกมาพร้อมกันด้วย และการอักเสบเรื้อรังที่ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็อาจกลายเป็นเนื้อร้ายตามมาในภายหลังได้

ในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ห้ามนำสารนี้มาใช้ในการฉีดเสริมสวย ซึ่งแพทย์เราส่วนใหญ่จะทราบถึงอันตรายจากการฉีดนี้ ที่มีการทำกันในปัจจุบันมักจะไม่ใช่แพทย์เป็นผู้ทำ มักจะเป็นบุคลากรที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ดำเนินการลักลอบฉีดให้ บางแห่งมีบริการถึงบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายและพระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ถ้ามีผู้มาชักชวนให้ท่านไปรับการฉีดเสริมสวย โปรดพิจารณาคำแนะนำนี้ก่อนตัดสินใจ

1. การฉีดทำได้ง่ายมาก, สวยทันใจ ทำไมแพทย์ท่านอื่นๆ ไม่นำมาใช้บ้าง และทำไมไม่ทำกันโดยเปิดเผยเป็นกิจลักษณะ

2. การที่ท่านเห็นว่ามีผู้ฉีดมามากแล้วไม่มีอันตราย ท่านแน่ใจหรือว่าตัวท่านเองเมื่อฉีดแล้วจะไม่เกิดอาการอักเสบหรือแทรกซ้อนดังที่กล่าวมาแล้ว และถ้าเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขได้อย่างไร

ถ้าการฉีดนี้ดีจริง ไม่มีอันตรายแล้ว คงมีแพทย์อีกหลายท่านทำตามกันอีกมาก ไม่ปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์บางคน สามารถประกอบกิจกรรมที่มีคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มาเข้าแถวรอฉีกกันมากมายเช่นที่เป็นอยู่ในบางแห่ง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย

วิเคราะห์สีผิว ก่อนทำสีผม




วิเคราะห์สีผิว ก่อนทำสีผม

สำหรับผู้หญิงที่ชอบทำสีผม คงจะเคยเจอกับปัญหาเมื่อทำเสร็จแล้วสีผมกลับไม่สวยดังใจ ส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส นั่นก็เพราะสีผมที่เลือกยังไม่เข้ากับสีผิวของคุณนั่นเอง เพราะฉะนั้นการเลือกสีผมให้เหมาะกับสีผิว จึงมีความสำคัญเฉกเช่นการเลือกสีรองพื้นหรือเมกอัพที่เหมาะกับผิวหน้าของคนเราเช่นกัน เพื่อให้สีสันที่เราเลือกมานั้น ขับเน้นใบหน้าให้โดดเด่นและเสริมบุคลิกให้ดูดี

แมทริกซ์ ผลิตภัณฑ์สำหรับร้านเสริมสวยชั้นนำจากอเมริกา ได้เผยถึงเคล็ดลับการวิเคราะห์สีผิวสำหรับการทำสีผม ที่สามารถแยกแยะได้จากการมองด้วยสายตาภายใต้แสงธรรมชาติ สำหรับสีผิวของสาวเอเชียนั้น โดยทั่วไปมักพบสีผิว 4 แบบ นั่นคือ ผิวขาวอมชมพู ผิวขาวอมเหลือง ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง และผิวสีแทนหรือสีผิวคล้ำเข้ม สีผิวที่ต่างกันย่อมต้องการสีผมที่เหมาะสมเพื่อสอดรับกับสีผิวที่ต่างกันในแบบคุณ

ผิวขาวอมชมพู (White Pink) สีผิวนี้อยู่ในกลุ่มโทนอุ่น มักส่งผลให้เจ้าของผิวดูเปล่งปลั่งและดูมีสุขภาพดีกว่าสีผิวอื่น ๆ สีผมที่เหมาะคือเฉดสีบลอนด์ ควรเลือกบลอนด์ประกายหม่น หรือโทนน้ำตาลทอง และทองแดงประกายน้ำตาล ควรเพิ่มเสน่ห์และเสริมความเซ็กซี่ด้วยผมบลอนด์เล่นระดับเฉดสี เสมือนการสร้างมิติให้เส้นผม ด้วยการทำไฮไลต์โทนอุ่นหรืออ่อนกว่าพื้นผมหนึ่งระดับ ทำให้ผิวไม่ซีดจาง ขับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง สะท้อนบุคลิกให้ชวนมอง

ผิวขาวอมเหลือง (Ivory Peach) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนเย็น สีผิวนี้บางครั้งอาจทำให้ใบหน้าแลดูซีดเซียว หรือดูเหนื่อยล้าไม่สดใส ควรเติมเต็มพลังและความสวยเด่นให้กับใบหน้า ด้วยผมโทนสีแดงเจิดจรัส โดดเด่นทันสมัย ควรเลือกสีผมประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง ควบคู่ไปกับทรงผมที่มีการสไลด์สร้างเลเยอร์ ดูโฉบเฉี่ยว สดใส และกระฉับกระเฉง

ผิวสองสีหรือสีผิวน้ำผึ้ง (Golden Beige Amber) สีผิวลักษณะนี้อยู่ในกลุ่มโทนเย็น คนที่มีผิวสองสีมักแฝงเสน่ห์เซ็กซี่อยู่ในตัวเอง ดูคมและน่ามอง เหมาะกับสีผมโทนสีทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนเรื่อยไปจนถึงสีเนื้อ หรือเลือกทำโลไลต์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ เพื่อขับเน้นให้ใบหน้าแลดูสว่างขึ้น เผยความเซ็กซี่ที่ซ่อนอยู่ในตัว

ผิวสีแทนหรือผิวคล้ำเข้ม (Beige Olive) สีผิวลักษณะนี้จัดอยู่ในกลุ่มโทนอุ่น เป็นผิวที่เหมาะกับสีผมน้ำตาลแท้ น้ำตาลช็อกโกแลตและมอคคา เพื่อขับเน้นให้ผิวที่เข้มอยู่แล้วไม่ดูด้านทึบจนเกินไป แต่กลับช่วยเพิ่มความกระจ่างใสขึ้น ควรเพิ่มประกายทองแดง เพิ่มสีสันและมิติด้วยช่อไฮไลต์ไล่ระดับ เข้ากันได้ดีกับผมลอนสลวยเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานชวนค้นหา

รู้ ธาตุออฟฟิศ พิชิตปัญหา





รู้ "ธาตุออฟฟิศ" พิชิตปัญหา (Woman Plus)

เรื่องดวงชะตาราศีมีหรือคะที่สาว ๆ เราจะไม่ชอบ ดูดวงให้ตัวเองกันมาเยอะแล้ว คราวนี้ลองมาดูดวงออฟฟิศกันบ้างไหมคะ วิธีการก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่ลองสำรวจว่าเพื่อนร่วมงานมีราศีอะไรกันบ้าง เพราะบรรยากาศของที่ทำงานก็ได้รับอิทธิพลจากบุคลิกลักษณะตามราศีของผู้ทำงานนี่เอง

จากราศีทั้ง 12 นี้ เราจะสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มธาตุหลักๆ นั่นคือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ WP มีไกด์มาให้คุณลองดูกันซิว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่อยู่ในธาตุไหน นั่นละค่ะคือธาตุของออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยทำนายได้ถึงจุดเด่นที่เป็นโอกาสอันดี และจุดด้อยที่คอยจะเป็นปัญหา จับจุดได้อย่างนี้ก็รับรองว่าทำงานง่ายสบายบรื๋อแน่ค่ะ

ออฟฟิศธาตุน้ำ

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีมีน (20 ก.พ.-20 มี.ค.), ราศีกรกฎ (23 มิ.ย.-23 ก.ค.) และราศีพิจิก (24 ต.ค.-22 พ.ย.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : อ่อนไหว ใช้อารมณ์เยอะ มีระบบอุปถัมภ์ค้ำชู

ข้อดี : เพื่อนร่วมงานมีน้ำใจและเข้าอกเข้าใจกันดี การที่แสดงอารมณ์ได้มากบางครั้งก็เป็นข้อดีที่ทำให้ความคิดสร้างสรรค์พุ่งกระฉูด เกิดไอเดียแปลกใหม่

ข้อเสีย : ที่น่าเป็นห่วงคืองานจะไม่เป็นงาน เพราะมัวแต่กลัวทำร้ายจิตใจกันบ้างละ กลัวจะต้องโกรธเคืองกันบ้างละ พอมีข้อบกพร่องต้องแก้ไขก็ไม่กล้าพูดจากันตรงๆ คุณรู้ไหมว่ามัวแต่เกรงใจกันอย่างนี้เมื่อปัญหาบานปลายจะยิ่งเป็นการทำร้ายเพื่อนร่วมงานเสียมากกว่า นอกจากนี้ออฟฟิศแบบนี้ยังมักจะมีปัญหาถ้าเกิดมีคนตรงไปตรงมาหลุดเข้ามาทำงานร่วมด้วย ก็มักจะถูกรุมเกลียดซะงั้น เพราะคนเหล่นี้จะมองว่าทำร้ายคนอื่น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องงานก็ตามทีจึงต้องละมุนละม่อมกับเขาหน่อย

ออฟฟิศธาตุลม

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีกุมภ์ (20 ม.ค.-19 ก.พ.), ราศีเมถุน (22 พ.ค.-22 มิ.ย.) และราศีตุล (24 ก.ย.-23 ต.ค.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : ทรงภูมิ มีความคิด ชอบตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ

ข้อดี : เป็นการรวมตัวกันของนักคิด ฉลาด มีหลักการ พร้อมที่จะประชุมสุมหัวกันจนได้ไอเดียเจ๋ง ๆ และชอบคิดหาทางออกหรือวิธีทำงานใหม่ ๆ เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น

ข้อเสีย : คล้ายๆ กับนักการเมืองที่ถึงจะช่างคิด แต่ไม่มีใครอยากลงมือทำสักเท่าไหร่ ดีไม่ดีก็แค่รู้มา แต่เอาเข้าจริงทำไม่เป็นหรอก! ทำให้ผลงานไม่ค่อยเสร็จสิ้นออกมาตามราคาคุยและตามเวลา ความที่ชอบอวดรู้ก็เลยเอาแต่ถกเถียงปัญหากันอยู่นั่น แต่ไม่ได้คำตอบหรือตัดสินใจไม่ได้เลยสักอย่าง ออฟฟิศเช่นนี้ ยังไม่ค่อยจะใส่ใจความรู้สึกกันสักเท่าไหร่ ก็ต้องแยกแยะกันให้ได้ระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

ออฟฟิศธาตุไฟ

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีเมษ (21 มี.ค.-20 เม.ย.), ราศีสิงห์ (24 ก.ค.-23 ส.ค.) และราศีธนู (23 พ.ย.-22 ธ.ค.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : กระตือรือร้น มุ่งมั่น สร้างสรรค์

ข้อดี : ทุกคนสนุกกับการทำงานกระตือรือร้นที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ชอบผจญกับอุปสรรคที่ท้าทายมากกว่าทำงานง่าย ๆ ซ้ำซาก ชอบทำงานสำคัญชิ้นใหญ่ ทำงานเป็นทีมเวิร์กได้ดี เพราะใจกว้างและจริงใจ

ข้อเสีย : ความที่กระตือรือร้นจัด ชอบคิดล่วงหน้า บางครั้งก็ทำให้กลัวเกินกว่าเหตุ จนทำเอาปัญหาจิ๊บจ๊อยก็กลายเป็นวิกฤติการณ์ใหญ่โตไปได้ บรรยากาศการทำงานสุดเหวี่ยงทุ่มสุดตัว บางครั้งก็ทำให้ล้าจนหมดไฟเอากลางคันทั้งที่งานยังไม่เสร็จ บางครั้งก็ไอเดียฟุ่งจัดจนทำให้งานขุ่ย ขาดความละเอียดถี่ถ้วน และคนออฟฟิศนี้จะเบื่อขึ้นมาทันทีถ้าต้องทำงานซ้ำซากจำเจหรือไม่อยู่ในความสนใจ อย่างนี้ต้องระวังให้ดีว่างานจะไม่เสร็จสิ้นตามกำหนดเวลาเอานะคะ

ออฟฟิศธาตุดิน

ราศีของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่ : ราศีมังกร (23 ธ.ค.-19 ม.ค.) ราศีพฤษภ (21 เม.ย.-21 พ.ค.) และราศีกันย์ (24 ส.ค.-23 ก.ย.)

ลักษณะเด่นของที่ทำงาน : การจัดการดีเยี่ยม เป็นระบบชอบลงมือทำ เชื่อใจได้

ข้อดี : เป็นกลุ่มคนที่เก่งกาจด้านการจัดการงานให้เสร็จทันเวลาและตรงตามงบประมาณยืดมั่นในสิ่งที่จับต้องได้ ตรวจสอบได้วัดผลได้ และที่สำคัญคือต้องนำมาซึ่งผลประโยชน์ผลกำไร งานทุกอย่างเน้นในรายละเอียด นั่นคือเพียงแค่ไอเดียยังไม่พอ แต่ต้องรู้ด้วยว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อให้ไอเดียนั้นบรรลุผล ทุกคนชำนาญเรื่องการเงิน และแน่นอนว่ายอมทำงานหนักก็เพื่อเงินรายได้ที่คุ้มค่า

ข้อเสีย : การทำงานมักจะต้องเป็นไปตามระเบียบวิธีที่วางไว้ตรงเป๊ะ ทำให้จำเจน่าเบื่อ การจะเปลี่ยนแปลงหรือเริ่มอะไรใหม่ๆ ทำได้ยากสุดๆ เว้นแต่ว่าระบบระเบียบหรืออุปกรณ์เดิมที่ใช้มานั้นเสื่อมเสียจนใช้ไม่ได้แล้วจริงๆ และกว่าจะยอมรับสิ่งใหม่ ๆ คนกลุ่มนี้ก็จะต้องแน่ใจในทุกรายละเอียดว่า มีวิธีการที่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างชัดเจนจริง ๆ WP

เคล็ดลับลดแคลอรี เพื่อสุขภาพ



เคล็ดลับลดแคลอรีเพื่อสุขภาพ (ผู้หญิงวันนี้)

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน 7 ประการต่อไปนี้เป็นวิธีลดแคลอรีที่ได้ผลดี และง่ายกว่าการอด หรืองดอาหารเป็นไหนๆ

กินอาหารเช้า จากการศึกษาทางการแพทย์ พบว่าอาหารเช้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้โดยเฉลี่ย 27 กิโลกรัม และคงน้ำหนักตัวนั้นไว้ได้นาน 6 ปี การงดอาหารเช้าจะทำให้เกิดอาการหิวโซสุดซึ้ง และโหมกินในมื้อเย็น และของขบเคี้ยวที่ไม่มีคุณค่า

กินให้พอดี กะปริมาณอาหารเช้าให้พอดี หากจะทานซีเรียลในมื้อเช้า ควรจำกัดแค่ 1 ถ้วย

กินผักผลไม้มากขึ้น วิตามิน เส้นใย แร่ธาตุ และแคลอรีต่ำ คือเหตุผลที่เราต้องลุยตลาดซื้อผักและผลไม้มาทานแต่ต้องเลือกที่น้ำตาลไม่สูง เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ

ซื้อขนาดเล็กลง มีเท่าไหร่ กินเท่านั้น คือกฎธรรมชาติที่จริงที่สุด เพราะฉะนั้นซื้อขนมกล่องเล็กเข้าไว้

เลือกกินอย่างฉลาด เลือกทานไก่อบแทนไก่ทอด เบอร์เกอร์ผัก แทนเบอร์เกอร์เนื้อ ไอศกรีมแท่งแบบไม่มีไขมันแทนไอศกรีมถ้วย จะช่วยลดปริมาณแคลอรีเฉลี่ย 233 กิโลแคลอรีใน 1 สัปดาห์

งดน้ำอัดลม มาเป็นน้ำเปล่าที่ผสมน้ำมะนาวแทน

ทานซุปก่อนเริ่มต้นมื้ออาหารแรก น้ำซุปจะทำให้ไม่ค่อยรู้สึกหิวและกินอาหารน้อยลง

ให้ความสำคัญกับการทานอาหารแล้ว การเอาออกโดยการเผาผลาญก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสมดุล เพื่อเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการทำงานของหัวใจเพราะสาวยุคใหม่เขาเลิกกังวลเรื่องความผอมกันแล้ว

10 เคล็ดลับดีๆ กับวิธีเลือกกางเกงยีนส์



ทำไมผู้หญิงทั่วโลกหลงรักกางเกงยีนส์ ก็เพราะกางเกงยีนส์ช่วยให้ดูเพรียวและเซ็กซี่น่ะสิ แต่การเลือกกางเกงยีนส์ให้เหมาะกับรูปร่างนั้นยากกว่าเลือกบิกินี่ซะอีก นี่คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณค้นพบกางเกงยีนส์ในฝัน

1. เลือกซื้อไซส์เล็กกว่าขนาดจริง 1 เบอร์ อย่าเพิ่งคิดว่าจะฟิตเกินไป เพราะเมื่อใส่ไปสักพัก เนื้อผ้าจะขยายออก 10%

2. ถ้าเจอตัวที่ถูกใจซื้อไว้เลย 2 ตัว ตัวแรกตัดให้พอดีข้อเท้า ไว้ใส่กับรองเท้าส้นแบน อีกตัวทิ้งความยาวปลายขาไว้ เพื่อใส่กับรองเท้าส้นสูง

3. เลือกกางเกงยีนส์แบบซิป เพราะใส่ง่ายและแนบกับสรีระมากกว่าแบบกระดุม

4. อย่าลืมเอาเข็มขัดไปด้วย เพื่อลองกางเกงพร้อมกับเข็มขัด จะได้รู้ว่าใส่พอดีและเข้ากันดีหรือไม่

5. นำไปซักก่อนการแก้ไขใดๆ เพราะหลังจากการซักกางเกงยีนส์อาจหดตัว ทำให้ขนาดเปลี่ยนไป

6. รักษาตะเข็บที่ปลายขาไว้ การตัดขากางเกงแบบต่อปลายตะเข็บเดิม อาจแพงกว่า แต่ก็ช่วยให้กางเกงตัวเก่งของคุณสวยสมบูรณ์แบบ

7. ซักด้วยน้ำเย็นทุกครั้ง เพราะน้ำอุ่นจะทำให้กางเกงยีนส์หดตัว อย่าลืมกลับด้านก่อนซักเพื่อป้องกันสีซีดจาง

8. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะสารเคมีอาจทำลายสีของกางเกงให้ซีดจาง

9. อย่ารีดด้วยความร้อนสูง เพราะความร้อนอาจทำให้เนื้อผ้าหดตัว

10. ซักแห้งดีที่สุด เพราะช่วยให้สีของกางเกงยีนส์ยังคงเดิมอยู่เสมอ (โดยเฉพาะสีเข้ม)

Label Lingo 5 ศัพท์ ควรรู้ของกางเกงยีนส์

1. Rise ความยาวระหว่างเป้ากางเกงถึงขอบเอว เพื่อดูว่า เอวสูงหรือเอวต่ำ

2. Whiskering ลายทางริ้วบนกางเกงยีนส์เพื่ออำพรางจุดด้อยบริเวณสะโพก

3. Inseam รอยตะเข็บด้านข้าง ตั้งแต่เป้าจนถึงปลายขากางเกง

4. Wash สีสันและวิธีการฟอกกางเกงยีนส์

5. Boot-cut ทรงกางเกงที่เข้ารูป บริเวณสะโพกแล้วค่อยๆ บานออกใต้หัวเข่า