วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เปิดตำนานเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 วันที่ 12-27 พ.ย.นี้


มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ดินแดนแห่งอารยธรรมที่เก่าแก่ของทวีปเอเชีย ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2553 นี้ ทัพนักกีฬาทุกชนิดกีฬา ต่างเตรียมความพร้อม เพื่อจะลุยเกมส์แห่งศักดิ์ศรี ในครั้งนี้

เรามาย้อนอดีตของเกมส์กีฬาของชาวเอเชีย ซึ่งเป็นมหกรรมแห่งกีฬา ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของคนเอเชียภาคภูมิใจ ที่บรรดานักกีฬาหลายประเทศ ต่างหวังคว้าเหรียญเอเชียนเกมส์ นั้นเคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา

ในปี ค.ศ.1913 ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตะวันออกไกล ครั้งที่ 1 (FIRST ORIENTEL OLYMPICS) ขึ้นที่ กรุงมะลิลา ประเทศฟิลิปินส์ ในปี ค.ศ.1913 โดยมีประเทศที่เข้าร่วมคือ ฟิลิปินส์ จีน ไทเป ญี่ปุ่น มาเลเชีย ฮ่องกง และ ประเทศไทย
หลังจากนั้น การแข่งขันครั้งที่ 2 ก็ได้เปลี่ยนแปลงชื่อเป็น การแข่งขันกีฬาเพื่อความชนะเลิศแห่งตะวันออกไกล (FAR EAST CHAMPIONSHIPS) การแข่งขันก็ได้ดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงครั้งที่ 10 ในปี ค.ศ.1938 ครั้งที่ 11 เดิมก็ได้จัดขึ้น ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่เนื่องจากสถานการณ์ของโลก ไม่อำนวยที่จะจัดการแข่งขันได้ เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ บนทวีปเอเชีย ก็ก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อว่า เอเชียนเกมส์ ผู้ที่ริเริ่มมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ คือ ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ (Dr. Guru Dutt Sondhi) โดยในขณะนั้นท่าน ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ ดำรงตำแหน่ง กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ในการเป็นผู้ผลักดันกีฬาแห่งเอเชีย

ความคิดดังกล่าวเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2490 โดยเห็นว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุกครั้ง ที่ผ่านมา ประเทศแถบทวีปเอเชีย ได้เข้าร่วมการแข่งขันน้อยมาก และนักกีฬาชาวเอเชีย มีความเสียเปรียบนักกีฬาจากทวีปยุโรป และอเมริกา จึงคิดยกระดับมาตรฐานกีฬาระหว่างประเทศ ในกลุ่มเอเชีย ให้ทัดเทียมกับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา โดยเฉพาะประการสำคัญที่สุด คือ สานสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศในภาคพื้นเอเชีย เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ประเทศในกลุ่มเอเชียหลายประเทศ มีความแตกต่างกันในทางเศรษฐกิจและความคิดเห็นทางการเมือง

ดร.กูรู ดัตต์ สนธิ จึงจึงนำความคิดที่จะพัฒนามาตรฐานการกีฬาของภูมิภาคเอเชีย ดังกล่าว ไปหารือกับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งอินเดีย เพื่อให้คณะกรรมการ กล่าวทาบทามประเทศต่างๆ ที่เดินทางร่วมประชุม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเอเชีย ที่ประเทศอินเดีย ให้ร่วมกันจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศขึ้นบนแผ่นดินเอเชีย ซึ่งความคิดนี้ ได้รับความสนันสนุนจาก ฯพณฯเยาวหราล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในสมัยนั้น

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 14 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-14 สิงหาคม 2491 ในปีนั้น มีประเทศแถบภาคพื้นเอเชีย ไปเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ เช่น เกาหลี จีน ซีเรีย ปากีสถาน พม่า ฟิลิปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย ศรีลังกา อัฟกานิสถานเลบานอน และ อิหร่าน ดร.สนธิ จึงได้โอกาสเชิญบรรดาหัวหน้าคณะนักกีฬา จากประเทศเอเชีย เข้ามาหารือในการจัดตั้งการแข่งขันกีฬาระหว่างภาคพื้นเอเชียขึ้น ซึ่งการประชุมร่วมกันในครั้งนี้ได้แรงสนันสนุนจากประเทศสมาชิกเป็นอย่างดี

และในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2491 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้มีตัวแทนเข้าร่วมประชุม 6 ประเทศได้แก่ เกาหลี จีน พม่า ฟิลิปินส์ ศรีลังกา และอินเดีย ในการประชุมครั้งนี้ได้ขอสรุป คือให้ตัวแทนจากประเทศ เกาหลี จีน ฟิลิปินส์ และอินเดียไปร่างรัฐธรรมนูญหรือระเบียบข้อบังคับของการแข่งขันโดยใช้ชื่อ สหพันธ์กีฬาแห่งเอเชีย (Asian Games Federation)

ในการประชุมครั้งต่อมา จัดขึ้นที่ประเทศอินเดียในวันที่12-13 กุมภาพันธ์ 2492 มีคณะกรรมการโอลิมปิกประเทศ พม่า อินเดีย ฟิลิปินส์ และได้มี ผู้แทนจาก ไทย เนปาล ปากีสถาน ศรีลังกา อัฟกานิสถาน และอินโดนีเชีย ไปร่วมประชุมด้วย และข้อสรุปในที่ประชุมในครั้งนี้ได้ตกลงยอมรับ ธรรมนูญว่าการแข่งขันกีฬาระหว่างชาติแห่งเอเชีย จะต้องจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี โดยเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพตามลำดับตัวอักษรของประเทศต่าง ๆ

สัญลักษณ์ เอเชียนเกมส์

สำหรับเครื่องหมายเอเชียนเกมส์ เป็นรูปพระอาทิตย์สีแดง มีรัศมีเป็นแฉกรอบดวง 16 แฉก อยู่บนพื้นธงสีขาวตอนบนดวงอาทิตย์มีอักษรภาษาอังกฤษ 2 แถว มีข้อความ เอเวอร์ ออน วอด์ด (EVER ONWARD) หมายความว่า ก้าวหน้าไปให้ไกลไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนใต้ดวงอาทิตย์มีห่วงคล้องกัน 20 ห่วง หมายถึงประเทศในเอเชีย 20 ประเทศ มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ร่วมสนับสนุนการจัดการแข่งขัน ใต้ห่วงเป็นชื่อเมืองและปีคริสต์ศักราชที่จัดการแข่งขัน
คำขวัญของการแข่งขันเอเชียนเกมส์

"ในนามของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ข้าพเจ้าขอสัญญาว่า เราจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ ด้วยความเคารพกติกา ด้วยน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เพื่อความรุ่งโรจน์ของกีฬา และเพื่อเกียรติยศของชุดของเรา"

ประเทศสมาชิกโอลิมปิกแห่งเอเชีย

1.กาตาร์ 2.กัมพูชา 3.เกาหลีเหนือ 4.เกาหลีใต้ 5.คาซัคสถาน 6.คีร์กีซสถาน 7.คูเวต 8.จอร์แดน 9.จีน 10.ซีเรีย 11.ซาอุดีอาระเบีย 12.ญี่ปุ่น 13.เติร์กเมนิสถาน 14.ไต้หวัน 15.ทาจิกิสถาน 16.ไทย 17.เนปาล 18.บาห์เรน 19.บังคลาเทศ 20.บรูไน 21.ปากีสถาน 22.ปาเลสไตน์ 23.ฟิลิปปินส์ 24.ภูฏาน 25.มองโกเลีย 26.มาเก๊า 27.มาเลเซีย 28.เมียนมาร์ 29.มัลดีฟส์ 30.ลาว 31.เลบานอน 33.เวียดนาม 34.ศรีลังกา 35.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 36.สิงคโปร์ 37.อิหร่าน 38.อินเดีย 39.อินโดนีเซีย 40.อุซเบกิสถาน 41.อัฟกานิสถาน 42.โอมาน 43.ฮ่องกง

วิธีกำจัดคราบเหลืองใต้วงแขนเสื้อผ้า


วิธีกำจัดคราบเหลืองใต้วงแขนเสื้อผ้า (กรมประชาสัมพันธ์)

1. เทน้ำส้มสายชูลงบนคราบเปื้อนให้ชุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง

2. หลังจากนั้นเอาผงซักฟอกเทลงไปบนคราบเปื้อน (ไม่ต้องล้างน้ำส้มสายชูออกนะคะ)

3. แล้วใช้แปรงถูผ้าขัดวนไปรอบ ๆ รอยเปื้อนนั้น รอยเปื้อนก็จะจางลงค่ะ

4. ถ้าคราบเปื้อนจางลงแล้วแต่คราบยังออกไม่หมด ก็ให้เริ่มทำตั้งแต่ข้อ 1 ใหม่อีกครั้งค่ะ รับรองว่า รอยคราบจะหายไปเหมือนได้เสื้อใหม่กลับคืนมาค่ะ

อ้อ !!! ไม่ได้ใช้ได้แต่เฉพาะคราบเปื้อนสีเหลืองอย่างเดียวนะคะ คราบแข็ง ๆ ที่ติดอยู่ตรงรักแร้ของเสื้อก็จะค่อย ๆ นิ่มลง แล้วหายไปในที่สุดค่ะ นอกจากนั้นแล้วจะไม่มีกลิ่นเต่าติดที่เสื้อด้วยค่ะ (กรณีสำหรับคนที่มีกลิ่นตัว แต่เวลาซักเสื้อ แล้วกลิ่นเต่ายังติดอยู่ที่เสื้อ)

6 สมุนไพร ใช้เยียวยาอาการเลือดกำเดาไหล


6 สมุนไพร ใช้เยียวยาอาการเลือดกำเดาไหล (woman story)

วันนี้จะขอนำเสนอสูตรสมุนไพร 6 ชนิด ที่ใช้รักษาอาการเลือดกำเดาไหล ที่ได้จากภูมิปัญญาไทย ของหมอสมุนไพรประจำคลินิกหนองบงการแพทย์แผนไทย จังหวัดลพบุรี มาแนะนำกันค่ะ

1. ใบพลู นำใบพลูมา 1 ใบ แล้วม้วนให้เหมือนม้วนบุหรี่ จากนั้นขยี้ปลายข้างหนึ่ง แล้วนำส่วนที่ขยี้สอดเข้าไปในรูจมูกที่เลือดกำเดาไหล ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เลือดกำเดาจะหยุดไหล เพราะใบพลูมีสรรพคุณในการสมานแผลได้ดี

2. น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวครึ่งลูกผสมกับน้ำอุ่น 1 แก้ว จากนั้นเติมเกลือครึ่งช้อนชา และน้ำตาลไม่ขัดขาว 1 ช้อนโต๊ะ ชงดื่มวันละแก้ว ก่อนอาหาร วิตามินซีจะช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด และเลือดกำเดาไหลได้

3. รากต้นข้าว ใช้รากข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 ต้น ถอนตั้งแต่รากขึ้นไปประมาณ 1 คืบ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองด้วยผ้าขาวบางเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า - เย็น ช่วยห้ามเลือดกำเดาไหล

4. รากต้นฝรั่ง ใช้รากต้นฝรั่ง 1 กำมือ ล้างให้สะอาด ต้มกับน้ำ 1 ลิตรจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ ดื่มครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร เช้า – เย็น

5. รากหัวไชเท้า ใช้รากหัวไชเท้าหนักประมาณ 15 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด ตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นใช้น้ำที่คั้นได้หยอดเข้าทางจมูกข้างที่มีเลือดไหล 1 - 2 หยด หัวไชเท้ามีสรรพคุณสมานแผลและห้ามเลือดได้

6. รากไพล ใช้รากไพล 7 ราก ล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่น้ำเปล่า 3 หยด ขยี้ให้เข้ากัน กรองเอาแต่น้ำ หยอดน้ำรากไพลในรูจมูกข้างที่เลือดไหล ไพลมีสรรพคุณช่วยแก้เลือดกำเดาไหลและฆ่าเชื้อ

สมุนไพรพื้นบ้านสรรพคุณล้นเหลือ ยังไงก็ลองนำไปใช้ดูนะคะ อีกอย่างของที่มาจากธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ

ลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ


เทศกาลลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ (ททท.)

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ขอเชิญเที่ยวงาน "เทศกาลลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ 2553" วันที่ 21 พฤศจิกายน 2553 ณ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ซึ่งภายในงาน "เทศกาลลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ 2553" จะมีการประกวดกระทงชิงถ้วยพระราชทาน, ประกวดนางนพมาศและหนูน้อยนพมาศชิงถ้วยพระราชทาน, ขบวนแห่นางนพมาศโบราณ 4 ภาค, การแสดงศิลปวัฒนธรรม ลานเพลงดังเมื่อวันวาน, ประกวดอาหารไทย, ซุ้มการละเล่นย้อนยุค เวทีร่วมสมัย, การจำหน่ายสินค้าศิลปาชีพ, ตลาดนัดวันวาน ตลาดโต้รุ่งริมน้ำ อิ่มอร่อยกับเทศกาลอาหารเลิศรส, การจุดพลุ โคมลอย และกิจกรรมอื่น ๆ มากมาย ร่วมถึงประเพณีลอยกระทง
การเดินทาง

โดยรถประจำทาง : รถโดยสารวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) และสถานีหลักของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในถนนนเรศวร ทุก ๆ 20 นาที ตั้งแต่เวลา 05.00 - 19.00 น. อัตราค่าโดยสารราคา 30 บาท และการเดินทางใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รถโดยสารปรับอากาศ เดินทางโดยใช้เส้นทางเดียวกันทุก 20 นาที ตั้งแต่เวลา 5.40 - 7.20 น. (ทุก 15 นาที 07.00 - 17.00) อัตราค่าโดยสารราคา 47 บาท และการเดินทางใช้เวลา 1.5 ชั่วโมง

โดยรถไฟ : รถไฟเส้นทาง อยุธยา - กรุงเทพฯสถานีรถไฟหัวลำโพงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 04.20 - 22.00 น. ตรวจสอบตารางรถไฟได้จากบูธของข้อมูลที่สถานีรถไฟหัวลำโพง หรือโทร 0 2223 7010, 0 2223 7020, หรือ 1690 หรือ www.railway.co.th

โดยทางอื่น : เดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน.) เข้าทางหลวงหมายเลข 32 ไปอยุธยาทางเลือกที่สองใช้ทางหลวงหมายเลข 304

เดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน - แจ้งวัฒนะ) เข้าทางหลวงหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) เข้าทางหลวงหมายเลข 3111 (ปทุมธานี - สามโคก - เสนา) และเลี้ยวขวาที่อำเภอเสนาเข้าทางหลวงหมายเลข 3263,

เดินทางโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 306 (กรุงเทพฯ - นนทบุรี - ปทุมธานี) เข้าทางหลวงหมายเลข 347

54 ประกาศปฏิทินสอบ admission54 แล้ว

สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) ประกาศปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง หรือการสอบ แอดมิชชั่น (Admissions กลาง) ประจำปีการศึกษา 2554 ดังรายละเอียดต่อไปนี้

กิจกรรม
วัน เดือน ปี
สถานที่

จำหน่ายหนังสือระเบียบการฯ 4-20 เม.ย 2554 ศูนย์กรุงเทพมหานคร/ศูนย์ภูมิภาค
รับสมัคร 11-20 เม.ย 2554 ทาง Website: http://www.cus.or.th/
ชำระเงินค่าสมัคร 11-22 เม.ย 2554 ชำระผ่านธนาคาร
หรือ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย
ผู้สมัครตรวจสอบความถูกต้อง
ของข้อมูลการสมัคร 12-25 เม.ย 2554
ทาง Website: http://www.cuas.or.th/

ยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อมูล 12-27 เม.ย 2554
ทางโทรสาร 0-2354-5155-6,
0-2576-5555, 0-2576-5777
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์
และตรวจร่างกาย 8 พ.ค 2554 ทาง Website: http://www.cuas.or.th/
สอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย 11-13 พ.ค 2554 มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษาที่สอบได้
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา
ในสถาบันอุดมศึกษา 19 พ.ค 2554
ทาง Website: http://www.cuas.or.th/



นักเรียนที่มีความประสงค์จะสมัครสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลาง หรือการสอบ แอดมิชชั่น (Admissions กลาง) ประจำปีการศึกษา 2554 สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cuas.or.th/

น้ำพริก อาหารไทย

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

10 สัญญาณเตือนภัยโลกร้อน55


10 สัญญาณเตือนภัยโลกร้อน55
10 สัญญาณเตือนภัยโลกร้อนร่วมมือลดดีกรี...เริ่มที่ตัวเราเอง (Momypedia)

ถึงเวลาที่มนุษยชาติต้องเอาใจใส่สัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติ และร่วมมือกันลดสภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง

น้ำท่วมปากีสถาน ฝนตกหนักที่รัสเซีย คลื่นความร้อนกระหน่ำทั่วยุโรป ในช่วงหลายปีมานี้เหตุการณ์เหล่านี้คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนนี้เป็นผลมาจากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน

10 สัญญาณโลกร้อน

เรามาดูกันว่า โลกส่งสัญญาณอะไรบ้างเพื่อเตือนให้มนุษย์หันมารักษาโลกนี้ไว้ก่อนจะสายเกินไป นักวิทยาศาสตร์ได้สรุป 10 สัญญาณเตือนภัยที่เกิดจากภาวะโลกร้อนไว้ดังนี้

คลื่นความร้อน แต่ละปีคลื่นความร้อนคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ปีที่ผ่านมาชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตด้วยคลื่นความร้อน 14 คน อินเดีย 100 กว่าคน ปากีสถาน 50 คน ฮังการีตายไปสูงสุด 500 กว่าคน และมีแนวโน้มว่าคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี

น้ำทะเลขึ้นสูง หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหา และผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลขึ้นสูง น้ำท่วม และน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง

น้ำแข็งยอดภูเขาสูงละลาย น้ำแข็งที่ปกคลุมยอดภูเขาสูงกำลังละลาย เช่น ที่ยอดเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล และยอดเขาฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้แตกตัว สภาพอากาศของโลกที่ร้อนขึ้น ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกแตกตัวลอยอยู่ในทะเล ก่อนจะจมสู่ก้นทะเล มีผลกระทบต่อน้ำเค็มและการแพร่ระบาดของสาหร่ายในทะเล

โรคระบาด เกิดโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ เช่น การแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียในเขตหนาว อย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือญี่ปุ่น

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็วกว่ากำหนด ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตสัตว์ป่าที่ต้องอาศัยช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อการเจริญเติบโตปรับตัวไม่ทันและสูญพันธุ์ไปในที่สุด

พืชและสัตว์เคลื่อนตัวไปทางเหนือ เมื่อพื้นที่ที่เคยหนาวเย็นทางตอนเหนือเริ่มมีความอบอุ่นมากขึ้น จึงพบพืชและแมลงที่ไม่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นมาก่อน เริ่มปรับตัวและมาอยู่อาศัยมากขึ้น
ปะการังฟอกขาว เกิดจากปรากฏการณ์ เอลนิญโญ่ - ลานิญญ่า แต่อีกปัจจัยหนึ่งเกิดจากกรดในน้ำทะเลที่เป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนชั้นบรรยากาศที่มีมากขึ้น

น้ำท่วมและพายุหิมะ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่รุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พายุเฮอร์ริเคน ฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม และพายุหิมะ

ภัยแล้งและไฟป่า สภาพอากาศโลกมีความชื้นน้อย ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง ทำให้เกิดการแพร่ขยายของไฟป่าอย่างรวดเร็วและป้องกันได้ยาก

ในยุคนี้เราได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องภาวะโลกร้อนในลักษณะเช่นนี้มากขึ้น แต่มีคนจำนวนน้อยเหลือเกินที่หันมาเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อช่วยกันลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง อาจเพราะรู้สึกว่าทำไปก็ไม่มีผลอะไรเนื่องจากตัวการทำให้โลกร้อนที่แท้จริงคือภาคอุตสาหกรรม แต่จะรอภาคอุตสาหกรรมอย่างเดียวอาจไม่ทันการณ์ ทุกคนควรเริ่มเอาใจใส่เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว เช่น แยกขยะ พยายามใช้ระบบขนส่งมวลชนให้มากขึ้น ใช้ไฟฟ้า น้ำประปาอย่างเห็นคุณค่า ฯลฯ ก็จะช่วยชะลอภาวะโลกร้อนได้ แม้จะไม่เห็นผลในเร็ววันหรือแม้กระทั่งในชั่วชีวิตของเรา แต่ทฤษฏี "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" นั้นยังใช้ได้อยู่เสมอ เพราะธรรมชาติมีผลกระทบกับชีวิตมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และอนาคตของลูกหลานก็อยู่ในมือของคนในยุคนี้นี่เอง

ทัชมาฮาล รักสร้างโลก


ทัชมาฮาล รักสร้างโลก
ไม่เชื่อตาตัวเองเลยว่าจะได้มีโอกาสมาเห็น แม้ว่าจะมายืนอยู่ข้างหน้าสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก ที่มีชื่อเรียกว่า "ทัชมาฮาล" (Taj Mahal) อนุสรณ์สถานแห่งความรักระหว่างพระเจ้าชาห์มาฮาน และพระมเหสีคือ พระนางมุมตัส

ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อน ที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่สวยที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยกษัตริย์อินเดียผู้ทรงมีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ ภายหลัง พระนางมุมตัส มาฮาล ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น "อัญมณีแห่งราชวัง" ติดตามพระองค์ไปในสนามรบและคลอดรัชการสูญเสียเท่านี้ยังไม่พอ มีเรื่องเศร้ามากไปกว่านี้อีก เมื่อ พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงถูก พระโอรสโอรังเซบ นำเอาไปขังไว้ที่ Agra Fort และสถาปนาตนขึ้นครองราชย์แทน พระองค์ทรงถูกขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ในแต่ละวัน พระเจ้าชาห์มาฮาน ได้แต่ทอดพระเนตรมาที่ ทัชมาฮาล ซึ่งเป็นหลุมที่ฝังพระศพของพระมเหสีจนสิ้นพระชนม์

ตามเรื่องเล่าบอกว่า วันที่พระมเหสีของ เจ้าชายโอรังเซบ ทรงมีพระประสูติกาล วันนั้นเป็นวันที่พระโอรสทรงหวนระลึกถึงสิ่งที่ได้ทรงกระทำความผิดไว้กับ พระเจ้าชาห์มาฮาน จึงทรงให้ปล่อยพระองค์ออกจากที่คุมขัง แต่ช้าไปเสียแล้ว เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์เสียแล้ว
ทายาทองค์ที่ 14 ก็เสด็จสวรรคต สร้างความเสียพระทัยให้กับ พระเจ้าชาห์มาฮาน เป็นอย่าง
ทัชมาฮาล ตรงมุมที่ยืนออกไปแล้วเห็นสายน้ำยุมนานั้น บอกเล่าความไม่แน่นอนของชีวิต สายน้ำไหลไปเรื่อย ๆ ซึมซับเรื่องราวที่ผ่านมาจนมาถึง ทัชมาฮาล เซาะซัดซึมซับความรัก ความผูกพันระหว่างใจสองดวงที่มีให้กัน ซึ่งแทบจะมิอาจพบเห็นได้ในยุคปัจจุบัน ครั้นพอเดินถึง Agra Fort ดินแดนที่ พระเจ้าชาห์มาฮาน ทรงถูกขังไว้ชั่วชีวิต แล้วทอดพระเนตรมายังสถานที่ฝังพระศพมเหสีใน ทัชมาฮาล สถานที่แห่งนั้นดูเหมือนยากที่จะเข้าใกล้ แต่ พระเจ้าชาห์มาฮาน ก็ยังทรงประทับยืนทอดพระเนตรมาทุกวันจนสิ้นพระชนม์

แม้จะมีปราการเป็นสิ่งก่อสร้างขวางกั้นไว้ แต่ก็ไม่อาจแยกสายใยแห่งความผูกพันของคนทั้งสองได้ ด้วยเหตุนี้เองฉันจึงให้ฉายาว่า "ทัชมาฮาล รักสร้างโลก" เพราะแม้ใครๆ จะว่าความรักแบบนี้หลงเหลือแต่ในนิยายน้ำเน่าเก่าแก่ไม่ทันสมัยแล้ว แต่ความรักแบบนี้ยังงดงามและตราตรึงใจคนทั่วโลกอยู่เสมอ

อย่างนี้จะไม่ให้ชื่อว่า "ทัชมาฮาล รักสร้างโลก" ได้อย่างไร

ประเพณีบุญสารทเดือนสิบ ปี 2553


ประเพณีบุญสารทเดือนสิบ ปี 2553
ในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบของทุกปี จะมี ประเพณีบุญสารทเดือนสิบ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณบรรพชน มีการยกหมฺรับเพื่อทำบุญตามวัดต่าง ๆ ขบวนแห่หฺมฺรับ การแสดงมหรสพพื้นบ้าน การประกวดทองโย่ง การประกวดหมาวัด กิจกรรมไหว้พระวันสารท (9 วัด)

โดยในปีนี้ ประเพณีบุญสารทเดือนสิบ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-11 ตุลาคม 2553 ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดหน้าพระบรมธาตุ ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช สนามหน้าเมือง วัดศรีทวี และสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด)
ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2553 จะมีพิธีเปิดภาคเช้า พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช และรัชกาลที่ 5 ภาคค่ำที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ส่วนวันที่ 7 ตุลาคม 2553 ชมขบวนแห่หฺมฺรับ (อ่านว่า หมะหรับ คือ ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดเตรียมไว้สำหรับนำไปทำบุญวันชิงเปรต) จากสนามหน้าเมืองไปยังพระมหาธาตุวรมหาวิหาร สำหรับกิจกรรม มีดังนี้ …

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กิจกรรม การเสวนาธรรม, การถวายหฺมฺรับ, การตั้งเปรตและชิงเปรต, การจำหน่ายขนมเดือนสิบ

วัดหน้าพระบรมธาตุ กิจกรรม การจัดตลาดย้อนยุคและวิถีชีวิตย้อนยุค

ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช กิจกรรม การประชันหนังตะลุง มโนราห์ภาคใต้ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, การสาธิตและประกวดหุ่นเปรต, การประกวดรำวงเวียนครก สวนศรีธรรมาโศกราช กิจกรรม พิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระเจ้าศรีธรรมมาโศกราช, การแสดงแสงสีเสียงสื่อผสม "นิมิตนาฏการสืบสานเมืองนคร"

สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช จัดกิจกรรม พิธีบวงสรวงรัชกาลที่ 5, พิธีแห่หฺมฺรับจากสนามหน้าเมืองไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

วัดศรีทวี กิจกรรม การจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะและการประกวดผลงานด้านศิลปะนักเรียน

สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) กิจกรรม วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง, การแข่งขันกลอนสด โนรา เพลงบอก, การออกร้านกาชาด, การประกวดนางสาวนครศรีธรรมราช, การจำหน่ายสินค้าของเครือข่าย OTOP, การแสดงของนักร้องลูกทุ่งชั้นนำ, การจำหน่ายสินค้าหลากหลาย และออกรางวัลฉลากกาชาด

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ของหวานอร่อยแบบมีสไตล์ After You Dessert Cafe


ของหวานอร่อยแบบมีสไตล์ After You Dessert Cafe
คราวที่แล้วหนูแจ่มพาไปนั่งทานไอศกรีมแก้ร้อนมากันแล้วนะคะ แต่ก็อย่างว่าเป็นคนชอบชิมเลยต้องหาร้านใหม่ ๆ มาแนะนำอีกนะคะ และเหมือนเดิมต้องขอบคุณ "น้ำตาลมิตรผล" สปอนเซอร์ใจดีเจ้าเดิมที่พาไปชิมร้านอร่อยอีกแล้ว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นขนมบ้าง กับร้าน After You Dessert Cafe เห็นในเว็บไซต์มีคนแวะมาชิมที่ร้านนี้มากมาย หนูแจ่มไม่ขอน้อยหน้าไปลุยกันมั่งดีกว่า เผื่อมีใครถามจะได้โม้ว่าได้เรานั้นไปมาแล้ว

ปกติเมนูดังสำหรับร้านนี้จะเป็น "Shibuya Honey Toast" ขึ้นชื่อว่าใครที่แวะมา After You ก็ต้องขอชิม แต่หนูแจ่มเห็นมีคนพูดถึงกันเยอะแล้ว ไม่อยากซ้ำใคร เลยขอเปลี่ยนเป็นอีกเมนูที่ทางร้านแนะนำอย่าง "วาฟเฟิลสตรอเบอรี่" บ้างแล้วกันนะ

เมนูนี้เป็นวอฟเฟิลชิ้นใหญ่ยักษ์ที่เสิร์ฟพร้อมสตรอเบอรี่ลูกโต และไอศกรีมวานิลลาเย็นเจี๊ยบโรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์ หน้าตาสวยงามอลังการน่าทานจริง ๆ แป้งที่ใช้ทำวาฟเฟิลของเขากรอปนุ่มอร่อยดี ทานไปนี่ละลายบนลิ้นเลย แต่ถ้าจะให้อร่อยกยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับไอศกรีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาคู่กันถือว่าลงตัวเลยนะ นอกจากนั้น ยังมีวิปครีมกับวิปบัตเตอร์อีกด้วย อย่างหลังนี่น้องพนักงานที่ร้านบอกว่าเป็นเนยรสจะออกมัน ๆ และมีรสเค็มนิดหน่อยแต่ก็อร่อยดีค่ะ

สำหรับเมนูนี้ ทางร้านยังเสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมกลิ่นเมเปิ้ลและซอสสตรอเบอรี่ให้เลือกทานตามชอบด้วยนะคะ หรือถ้าจะลองทานโดยใช้ "มิตรผลไซรัป" อย่างเดียวก็ได้นะ เพราะนอกจากความหวานแล้วยังได้กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติด้วยเช่นกัน





วาฟเฟิลสตรอเบอรี่ของเขาชิ้นใหญ่จริง ๆ ค่ะ ทานไปแค่ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้ว เลยเปลี่ยนมาลองเครื่องดื่มกันบ้างนะ ทางร้านแนะนำตัวนี้มาค่ะ "มัชชะลาเต้" ชาเขียวเย็นรสชาติชื่นใจที่ใส่นมพร้อมด้วยท็อปปิ้งวิปครีมโรยผงชาเขียวเพิ่มความหอมหวานมันเข้าไปอีก แก้วนี้ดื่มแล้วได้ทั้งรสชาติของชาเขียวสดชื่น รวมทั้งความกลมกล่อมของนมที่เข้ากันกับตัวชาได้อย่างเหมาะเจาะเหมือนกิ่งทองใบหยก

สำหรับเครื่องดื่มถ้าใครชอบทานหวานหน่อยก็เพิ่มไซรัปใส่เข้าไปได้นะคะ นึกถึงเวลาที่เราไปร้านกาแฟเขาก็จะมีไซรัปไว้ให้บริการ แต่อย่าลืมใช้ "มิตรผลไซรัป" นะคะ เพราะทำมาจากน้ำอ้อยธรรมชาติ ไม่ต้องเติมมากก็หวานแล้ว "มิตรผลไซรัป" เพียงแค่ 1.5 ช้อนชา ให้ความหวานได้เท่ากับน้ำตาลถึง 2 ช้อนชาเลยล่ะ
สำหรับร้าน After You Dessert Cafe แค่สองเมนูนี้ก็อิ่มแล้วจนจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ แถมแอร์ในร้านก็เย็นฉ่ำนั่งสบายจนไม่อยากลุกออกจากร้าน นั่งไปนั่งมาเกือบเผลอหลับไปแนะ น้อง ๆ พนักงานที่ร้าน เล่าให้ฟังว่าคุณ "เมย์" เจ้าของร้านเป็นคนชอบทำขนมมาก ๆ แถมยังเขียนหนังสือ "May Made" ภายในเล่มเต็มไปด้วยสูตรขนมหวานสุดครีเอตมากมายที่เอาไปทำเองได้เลยที่บ้าน ว่าไปก็เหมือนเหมือนกับ Facebook ของน้ำตาลมิตรผลนะคะ ที่มีสูตรความอร่อยพร้อมให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ลองเข้าไปดูกันเลยที่ www.facebook.com/sugarinspiration แล้วจะได้พบกับแรงบรรดาลใจในการเพิ่มความหวานให้กับชีวิตมากมายเลยนะคะ

ชมพระอาทิตย์ตก ถ้ำพระนาง จ.กระบี่


ชมพระอาทิตย์ตกได้จากในถ้ำที่ถ้ำพระนาง จ.กระบี่ (ททท.)

มุมมองพระอาทิตย์ตกจากในถ้ำก็สวยได้ไม่เหมือนใคร และต้องไปพิสูจน์คือพระอาทิตย์ตกที่ถ้ำพระนาง

มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้องเดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็น ปากโพรงถ้ำมีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้าสวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงราย ในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวยงาม แปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด : ช่วงพระอาทิตย์ตก คือประมาณ 18.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด : ฤดูร้อนราวเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด : ด้านในของถ้ำพระนาง

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บอกลาโคเลสเตอรอลด้วยอาหาร


ว่าใครก็ตามที่กำลังมีปัญหา "โคเลสเตอรอล" สูงฟังทางนี้เลย เพราะเราสามารถลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน และโรคหัวใจขาดเลือด ได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เลือกทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้น เอ้า...อยากรู้ว่า ควรจะทานอะไร อย่างไรดี จึงจะช่วยป้องกันและลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ในเลือดได้ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มากระซิบบอกกัน


1. ทาน "โคเลสเตอรอล" ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม

ไข่แดงเอย เครื่องในเอย ไขมันสัตว์เอย ล้วนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย "โคเลสเตอรอล" แน่นอนว่า อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน จะให้ห้ามทานเลยอาจดูใจร้ายไปเสียหน่อย แต่หากหลีกเลี่ยงได้ หรือทานในปริมาณที่น้อยเข้าไว้ ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม จะดีที่สุด หรือหากใครชอบทานไข่มาก ก็แนะนำให้ทานเฉพาะไข่ขาว เพราะไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล ที่จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้น

2.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

ไม่ว่าจะเป็น กะทิ ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน หรือไขมันทรานส์ ที่มีมากในเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม อาหารฟาสต์ฟู้ด คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบ อาหารเหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทั้งนั้น หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นเมื่อไร โรคหัวใจมาเคาะประตูถามหาถึงหน้าบ้านแน่นอน

3.ทานอาหารจำพวกเส้นใย หรือไฟเบอร์ให้มาก ๆ

รู้ไหมว่าอาหารที่มีเส้นใย หรือไฟเบอร์มาก ๆ อย่าง ข้าวโอ๊ต ถั่ว แอปเปิ้ล ลูกพรุน มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ ฯลฯ เส้นใยในอาหารเหล่านี้ จะไปช่วยดูดซับโคเลสเตอรอลที่ปนอยู่ในน้ำดีในลำไส้ ทำให้สามารถผลักดัน "โคเลสเตอรอล" ออกไปจากร่างกายพร้อมกับอุจจาระได้โดยง่าย

4.ทานปลาทะเล

โอเมกา-3 จากปลาทะเล ถือเป็นสุดยอดอาหารช่วยลดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด แถมยังลดโอกาสในการเกิดภาวะเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าอุดตันในเส้นเลือดได้อีก คุณสมบัติเหล่านี้จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างดี รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามองข้ามปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ฯลฯ ไปเสียล่ะ

5. ทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงโดยสม่ำเสมอ

อย่าเพิ่งขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยว่า การทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแล้ว จะช่วยลด "โคเลสเตอรอล" ได้อย่างไร เชื่อเถอะว่า หลายคนยังไม่ทราบว่า อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงนี่แหละ อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไลโนเลอิค และกรดอัลฟาไลโนเลอิค ซึ่งจะช่วยให้ "โคเลสเตอรอล" มีการเผาผลาญที่ตับมากขึ้น จึงช่วยลดปริมาณ "โคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี" หรือ LDL ได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยังช่วยเพิ่ม "โคเลสเตอรอลชนิดดี" หรือ HDL ไปพร้อม ๆ กันด้วย


ว่าแล้วก็รีบไปหา อาหารที่มี "กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง" อย่างเช่น น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันทานตะวัน มาทานกันจะดีกว่า เพราะหาซื้อง่าย และราคาไม่แพง จะได้ไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอุดตันยังไงล่ะ!!!

วันแม่แห่งชาติ.. มาบอกรักแม่กันเถอะ



ใกล้ถึงวันที่เด็กๆ จะได้ยินเสียงเพลง "ค่าน้ำนม" กันอีกครั้ง แต่สำหรับใครที่ล่วงเลยวัยเด็กมานานปี แม้ไม่ได้ยินมานาน... แต่เชื่อว่าแค่นึกถึง โน้ตเพลงนี้ก็ก้องกังวานอยู่ในหูแล้วล่ะ (จริงไหมคะ)

เมื่อพูดถึงวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ก็พาให้นึกถึงกิจกรรมดีๆ พิเศษๆ ที่คุณลูกตั้งใจทำให้คุณแม่ ลูกชายมักมอบดอกไม้ หรือพวงมาลัย(ประมาณว่าเขิน) ส่วนลูกสาวอาจเกี่ยวก้อยคุณแม่ไปช้อปปิ้งตามภาษาผู้หญิงๆ บ้างเป็นครอบครัวใหญ่ก็พากันไปทานข้าวนอกบ้าน น้องๆ วัยเรียนหลายคนเลือกการ์ดใบน้อยสื่อรัก แต่ที่ฮอตฮิตแถมไม่เสียกะตังค์ก็ต้องนี่เลย... แค่เดินไปหอมสักฟอด กอดแน่นๆ แล้วบอกว่ารัก... แค่นี้ รับรองคุณแม่ยิ้มแก้มปริ (คอนเฟิร์มค๊า อิอิ)

เอ...ว่าแต่ นี่ก็ถึงวันแม่แล้ว อยากชวนเพื่อนๆ มาบอกรักแม่กันให้กระทู้นี้ฉ่ำไปด้วยความรู้สีกดี ของคุณลูกๆ ทั้งหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

5 วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน


5 วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน

วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน (Woman's Story)

เมื่อมีฝน สิ่งที่ตามมาก็คือความเปียกชื้นแล้วก็เชื้อรานะคะ เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้เชื้อรารุกล้ำเข้ามาทำร้ายก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ หลังจากไปโดนฝนมาค่ะ ซึ่งวันนี้ก็มีเกร็ดความรู้ในเรื่องนี้มาแนะนำให้เอาไปใช้กันค่ะ


1.ยกเท้าสูงเข้าไว้

เวลาเดินลุยน้ำขัง ไม่ควรเดินให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะอาจไปเดินไปเตะโดนของมีคม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดแผลได้ ซึ่งเมื่อเกิดแผลก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

2.ทำความสะอาดทันที

เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบถอดรองเท้า ถุงเท้าออก และทำความสะอาดโดยใช้สบู่ฟอกให้ทั่วตรงบริเวณที่โดนน้ำ โดยเฉพาะซอกนิ้ว ซอกเล็บ ล้างให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง และทาแป้งบนหลังเท้าจะช่วยทำให้เท้ารู้สึกสบายไม่อับชื้น

3.อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เพื่อไม่ให้เป็นการหมักหมมของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำ ให้รีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ถ้าไม่สามารถอาบน้ำได้ ก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แทนได้ จะได้ไม่เป็นหวัด

4.สระผมให้สะอาด

เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคที่มากับฝนก็ควรสระผมให้สะอาด และควรรอให้แห้งก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นรังแคหรือเชื้อราได้

5.เตรียมพร้อมรับมือเสมอ

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนควรพกร่มติดตัวไว้เสมอ พร้อมทั้งดูแลตัวเองให้อับชื้นน้อยที่สุด จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อราได้มากขึ้น

สินค้าคุณภาพของฝรั่งเศส

สินค้าคุณภาพของฝรั่งเศส

ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรกลับไปเป็นของที่ระลึก นอกจากของเล็กๆ น้อยๆ แล้ว คุณน่าจะต้องหาซื้อสินค้าคุณภาพที่ผลิตในฝรั่งเศส ซึ่งรับรองได้ว่าไม่มีที่ใดเหมือนแน่นอน ในสมัยก่อนหมู่บ้านแต่ละแห่งในฝรั่งเศสมีช่างทำรองเท้า ช่างปั้นเครื่องถ้วยชาม หรือช่างทอผ้า ซึ่งผลิตผลงานฝีมือของตนเองออกมาขาย เมื่อเวลาผ่านไป ข้าวของเครื่องใช้หรือแม้แต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ก็ดูจะเหมือนๆ กันกับของที่อื่น ไม่มีเอกลักษณ์ของตน แต่โชคดีที่ยังมีข้อยกเว้นสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่าง...


ผลิตภัณฑ์คุณภาพของจริง

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สินค้าฝรั่งเศสบางอย่างเป็นที่นิยมสืบเนื่องกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผลิตภัณฑ์ของฝรั่งเศสแท้ๆ เหล่านี้ถ้าไม่สวยจับตาก็มีประโยชน์ใช้งานได้ดี แต่ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง เช่น เสื้อสำหรับออกทะเลจากแคว้นเบรอตาญ ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อแน่นเป็นพิเศษจนสามารถกันน้ำฝนได้ มีดจากเมืองลักโยล (Laguiole) หรือเมืองโอปีแนล (Opinel) ซึ่งที่จริงเป็นมีดพกประจำตัวของชาวชนบทสมัยก่อน แต่ปัจจุบันได้กลับกลายมาเป็นของหรู หรือตุ๊กตาจากแคว้นโปรวองซ์ ที่ช่างจะบรรจงลงสีด้วยมือทุกตัวและใช้สำหรับประดับฉากคริสตสมภพในวันคริสต์มาส

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่คุณจะได้เห็นเมื่อเวลาคุณไปเดินเล่นชมเมืองต่างๆ ของฝรั่งเศส

ถ้าคุณสนใจผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาฝรั่งเศสแท้ๆ ที่มีอยู่อีกมากมาย คุณสามารถเยี่ยมชมการผลิตได้ตามร้านหรือโรงงานต่างๆ ซึ่งมักจะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าชมอย่างใกล้ชิดฟื้นฟูของดีในอดีต

ของดีที่เกิดจากมันสมองของคนรุ่นเก่าได้กลับกลายมาเป็นกระแสความนิยมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดานักออกแบบหัวก้าวหน้าในปัจจุบันต่างก็พากันกลับไปฟื้นฟูกระบวนการผลิตแบบเก่าๆ ตลอดจนนำวัสดุอุปกรณ์ที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเห็นอีก มาประกอบผลงานของตน

นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูของดีในอดีตแล้วยังมีการประยุกต์ภูมิปัญญาเก่าๆ ให้มาเข้ากับแนวสร้างสรรค์ยุคใหม่ เช่น ช่างเสื้อและนักออกแบบชั้นแนวหน้ากับช่างฝีมือเอกด้านศิลปะการตกแต่งโต๊ะอาหารแบบฝรั่งเศสแท้ๆ มาร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ และในขณะเดียวกันก็ดำรงไว้ซึ่งความประณีตที่สั่งสมมาจากประสบการณ์อันยาวนานในอดีต ดังนั้นถ้ามีเวลา คุณควรหาโอกาสไปเยี่ยมชมแห่งผลิตแบบนี้


ธุรกิจความหอม


ลองคิดถึงหลอดน้ำหอม 6,000 หลอด วางเรียงรายกันอยู่จนลานตา แต่ละหลอดมีกลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ และส่งกลิ่นขจรขจายไปใกล้ไกลไม่เท่ากัน รอให้นักผสมน้ำหอมหรือที่เรียกกันว่า คุณจมูก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีพรสวรรค์โดยเฉพาะมาเลือกกลิ่นนั้นกลิ่นนี้ แล้วผสมออกมาให้หอมซึ้งที่สุด และถ้ากลิ่นนั้นสมบูรณ์แบบจนเป็นที่นิยม ก็จะขจรไปได้รอบโลกเลยทีเดียว

คุณจะไปเดินเที่ยวชมตลาดนัดตุ๊กตาดินเผาที่แคว้นโปรวองซ์-อัลป์-โกต ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d’Azur)
คุณอยากไปค้นหาของดีจากภูมิปัญญาเก่าๆ ที่แคว้นโอแวร์ญ (Auvergne)
คุณสนใจชมแหล่งผลิตน้ำหอมที่แคว้นโกต ดาซูร์ (Côte d’Azur)

ประวัติ เชิด ทรงศรี (Cherd Songsri)

เชิด ทรงศรี เป็นชาวนครศรีธรรมราช เริ่มงานด้วยการแกะสลักตัวหนังตะลุงขาย เมื่อจบการ ศึกษาได้เป็นครูอยู่โรงเรียนประจำตำบลบ้านม่วงเจ็ดต้น 1 กิ่งอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนกลางป่า หลังจากนั้นเข้าทำงานที่องค์การ ร.ส.พ. โดยเป็นบรรณาธิการนิตยสารยานยนต์ ของ ร.ส.พ. นิตยสารชีวิตใหม่รายสัปดาห์ และวารสารทัศนาจร ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจาก ร.ส.พ. คือ รักษาการหัวหน้าส่วนทัศนาจร จากนั้นเข้าเป็นบรรณาธิการนิตยสารภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Movie and TV Weekly) และเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ “หลักเมือง” รายวัน (ยุคใหม่)

เชิด ทรงศรี เริ่มเขียนนวนิยาย-เรื่องสั้น ตั้งแต่ยังทำงานอยู่ที่ ร.ส.พ. แต่มาเขียนอย่างจริงจังหลังจากลาออกจากงานประจำทุกแห่ง โดยมีทั้งเรื่องสั้น สารคดี บทความ บทละครวิทยุ-โทรทัศน์ และบทวิจารณ์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังแต่งเพลงร้อง, เพลงประกอบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ด้วย

เขาสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง “โนห์รา” เป็นภาพยนตร์ระบบ 16 มม. ใช้เสียงพากย์ โดยใช้ทุนทรัพย์ของตนเอง และยังเขียนบทภาพยนตร์ ออกแบบฉาก ลำดับภาพ แต่งเพลงประกอบ กำกับการแสดง และทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยตนเอง ปรากฏว่าเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดในปีที่นำออกฉาย ส่วนภาพยนตร์ 16 มม. เรื่องสุดท้ายที่สร้างคือ “พ่อปลาไหล” เป็นภาพยนตร์ตลกและยังเป็นภาพยนตร์ 16 มม.ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศไทย

หลังจากประสบความสำเร็จทางรายได้จาก “พ่อปลาไหล” เชิด ทรงศรี ได้เดินทางไปฮอลลีวู้ด เพื่อศึกษาวิชาการภาพยนตร์เพิ่มเติมที่ยูซีแอลเอ ได้ฝึกงานกำกับฯและเขียนบทกับ วอลเตอร์ ดอนนิงเจอร์ ที่โรงถ่ายเบอร์แบงค์ แล้วกลับมาสร้างภาพยนตร์ระบบ 35 มม. เริ่มด้วยเรื่อง “ความรัก”

ช่วงที่อยู่อเมริกา 4 เดือน ได้เห็นสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ถูกแยกให้ออกไปอยู่กันตามลำพังจึงเกิดความสำนึกถึงคุณค่าของความเป็นไทยที่ลูกหลานจะช่วยกันดูแลปู่ ย่า ตา ยาย ด้วยความเคารพรักและกตัญญู จึงได้คิดสร้างหนังที่แสดงออกถึงความเป็นไทย แต่ด้วยเหตุผลทางด้านแนวทางของหนังซี่งไม่เป็นที่นิยมของตลาด จึงต้องสร้างหนังเรื่อง “ความรัก” และ “พ่อไก่แจ้” ก่อนเพื่อใช้กำไรจากหนังทั้งสองเรื่องนี้เตรียมไว้สร้างและพร้อมที่จะขาดทุนกับหนังที่อยากสร้าง ซึ่งให้ชื่อเรื่องว่า “แผลเก่า” และตั้งสโลแกนคู่กับหนัง อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า “เราจักสำแดงความเป็นไทยต่อโลก” โดยขณะที่สร้างหนังเรื่องนี้ ไม่มีผู้ค้าภาพยนตร์รายใดยอมซื้อหนังเรื่องนี้เลย

แต่เมื่อ “แผลเก่า” ฉาย ปรากฏว่าทำรายได้สูงสุดของภาพยนตร์ทุกเรื่อง ทุกระบบ ทุกชาติ นับตั้งแต่เคยมีภาพยนตร์ฉายในเมืองไทยเป็นต้นมาจนถึงขณะนั้น และในปี พ.ศ. 2524 “แผลเก่า” ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์จากการประกวดภาพยนตร์ในงาน Festival des 3 Continents ณ เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้นได้รับรางวัลบทประพันธ์ยอดเยี่ยมและรางวัลเครื่องแต่งกายและแต่งหน้ายอดเยี่ยมจากการประกวดในประเทศ ตลอดจนได้รับโล่เกียรติยศภาพยนตร์ที่เชิดชูเอกลักษณ์ไทยยอดเยี่ยมจาก ฯพณฯพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 “แผลเก่า” ได้รับเลือกจาก Museum of Moving Image in London นิตยสาร Sight and Sound และผู้กำกับภาพยนตร์และนักวิจารณ์ภาพยนตร์จากทั่วโลก ให้เป็น 1 ใน 360 ภาพยนตร์คลาสสิคของโลกอีกด้วย นอกจากเรื่อง “แผลเก่า” แล้ว ผลงานการกำกับของ เชิด ทรงศรี เรื่อง “อำแดงเหมือนกับนายริด” ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกเป็น Opening Film ในงานมหกรรมภาพยนตร์ Focus on Asia 1994 Fukuoka International Film Festival และได้รับเลือกฉาย ณ โรงภาพยนตร์ Art House “Iwanami Hall” และโรงในเครือ ทั่วประเทศญี่ปุ่น

นอกจากจะมีผลงานด้านการกำกับภาพยนตร์อันเป็นที่ยอมรับในระดับสูงทั้งในประเทศและในระดับสากลแล้ว เชิด ทรงศรี ยังเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในด้านอื่นๆของแวดวงภาพยนตร์ไทยมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติถึงความรู้ ประสบการณ์และความ สามารถจนได้รับเชิญเป็นกรรมการตัดสินการประกวดภาพยนตร์นานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2540 เขายังได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นอาเซียน สาขาสนเทศ ด้านภาพยนตร์ ด้วย

ผลงานภาพยนตร์จนถึงปัจจุบันของ เชิด ทรงศรี มีด้วยกันทั้งสิ้น 18 เรื่อง คือ โนห์รา, เมขลา, อกธรณี, พญาโศก, ลำพู, คนใจบอด, พ่อปลาไหล, ความรัก, พ่อไก่แจ้, แผลเก่า, เลือดสุพรรณ, เพื่อน – แพง, พลอยทะเล, ทวิภพ, คน – ผู้ถามหาตนเอง, อำแดงเหมือน กับ นายริด, เรือนมยุรา และ ข้างหลังภาพ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสี่ผู้กำกับภาพยนตร์เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีอาเซียน เรื่อง “Southern Winds” (เป็นภาพยนตร์ออมนิบุส 4 เรื่อง กำกับโดยผู้กำกับฯจากประเทศอาเซียน 3 คน คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และผู้กำกับฯชาวญี่ปุ่นร่วมด้วยอีก 1 คน)

หญิงญี่ปุ่นแชมป์อายุยืนที่สุดในโลก


หญิงญี่ปุ่นแชมป์อายุยืนที่สุดในโลก
ประเทศญี่ปุ่นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชาติที่ผู้หญิงมีอายุขัยยืนยาวมากที่สุดในโลก ซึ่งครองแชมป์มากว่า 20 ปี แล้ว ล่าสุดญี่ปุ่นมีสถิติอายุเฉลี่ยใหม่ ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าเดิม

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาวขึ้น 4 เดือน เฉลี่ยอายุ อยู่ที่ 86.44 ปี ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าปี 2552 ถึง 4 เดือน ส่งผลให้ญี่ปุ่นครองแชมป์ประเทศที่ผู้หญิงอายุชีวิตเฉลี่ยสูงสุดในโลก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสุขภาพของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ไม่ค่อยเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ

ส่วนผู้หญิงที่มีอายุยืนยาวอันดับ 2 คือ ฮ่องกง เฉลี่ยอายุ 86.1 ปี และตามมาด้วยประเทศฝรั่งเศส เฉลี่ยอายุ 84.5 ปี

ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 79.59 ปี ซึ่งได้อันดับ 5 ประเทศ ที่เพศชายมีอายุสูงสุดในโลก ส่วนอันอับ 1 คือ กาตาร์ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 81 ปี ตามปี ฮ่องกง อันดับ 2, ไอซ์แลนด์ อันดับ 3 และสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 4

แด่...คนไม่ชอบ ผัก


แด่...คนไม่ชอบ ผัก


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบทาน "ผัก" เรามีทางออกง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณกลืนผักได้คล่องคอมากขึ้นมาฝากกันค่ะ

ค้นหาผักที่คุณชอบ

ในโลกนี้มีผักอยู่หลากหลายชนิด ลองค่อย ๆ ค้นหาผักที่คุณชื่นชอบดูไม่ว่าจะอยู่ในรูปของผักดอง แช่แข็ง หรือแม้กระทั่งบรรจุในกระป๋อง (แม้ว่าผักกระป๋องจะให้สารอาหารเทียบไม่ได้กับผักสด หรือแช่แข็ง แต่พวกมันก็ยังดีกว่าชีสเบอร์เกอร์) ผักแต่ละชนิดต่างก็มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไป ดังนั้น หยุดวิตกเรื่องที่คุณไม่ทานผักชนิดที่คนอื่นนิยมกัน คุณสามารถเลือกในสิ่งที่ชอบโดยไม่ต้องไปผูกติดอยู่กับใคร แต่สิ่งสำคัญสำหรับข้อนี้ก็คือ คุณต้องเป็นคนที่ชอบหรือกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ ค่ะ

เมนูสลัดแสนอร่อย

การนำผักหลาย ๆ ชนิดมาผสมผสานเป็นเมนูสลัด ไม่เพียงช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ตัวคุณเองยังไม่ต้องกล้ำกลืนทานแต่ผักชนิดใดชนิดหนึ่งด้วยค่ะ แต่การซื้อผักหลากหลายชนิดเพื่อทำเมนูสลัดสำหรับคน ๆ เดียวอาจจะดูยุ่งยากเกินไปสักหน่อย ถ้ายังไงลองหาซื้อสลัดที่ทำเป็นชุดสำเร็จรูปสำหรับทานคนเดียว หรือจะไปที่สลัดบาร์ตามศูนย์การค้า ที่สามารถเลือกผักแค่ในปริมาณที่เราจะทานค่ะ

รู้จักดัดแปลง

คุณไม่จำเป็นต้องทานแต่ผักดิบ ลองนำผักหลาย ๆ ชนิดมาดัดแปลงเป็นอาหารประเภทต่าง ๆ ดูบ้างค่ะ เช่น นำมาทานซุป สตูว์ หรือปรุงเป็นซอสราดสปาเกตตี้ เป็นต้น อาหารเหล่านี้ถึงจะมีผักหลายชนิดปนเปกันอยู่ แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะรสชาติออกมาเป็นอย่าง ๆ ได้ หรือถ้าจำเป็นต้องทานผักชนิดเดียว ก็ลองให้ปรุงด้วยวิธีที่แตกต่างกัน เช่น ลวก ต้ม นึ่ง ผัด อบด้วยไมโครเวฟ ซึ่งจะให้รสชาติไม่ซ้ำซากจำเจ

คุณอาจจะซอยผักให้มีขนาดละเอียดขึ้นแทนที่จะต้องกินแบบชิ้นโต ๆ ที่เห็นทีไรหมดความรู้สึกเจริญอาหารทุกที หรือแม้แต่การนำผักและผลไม้มาแปลงเป็นน้ำผัก และผลไม้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวค่ะ

เสริมด้วยผลไม้บ้าง

แม้ว่าผลไม้จะมีคุณค่าทางสาารอาหารที่พอจะทดแทนผักได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ฉะนั้น อย่าเลือกทานแต่ผลไม้โดยหลีกเลี่ยงไม่ทานผักเลย จริง ๆ แล้วอัตราส่วนผักกับผลไม้ที่แนะนำให้ทานต่อวันเท่ากับ 4:3 แถมผักยังมีสารอาหารและส่วนประกอบหลายอย่าง ที่คุณไม่สามารถหาทดแทนได้จากอย่างอื่นด้วยค่ะ

เติมคุณค่าด้วยอาหารเสริม

คุณอาจทานผักที่ถูกแปรมาในรูปของอาหารเสริมชนิดเม็ด หรือจะเป็นพวกวิตามินเสริมต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร แต่จำไว้ว่าอาหารเสริมเหล่านี้ เทียบไม่ได้กับการรับประทานผักตามธรรมชาติค่ะ

ยืดอายุด้วยการเดิน


ยืดอายุด้วยการเดิน
ใครที่ไม่ถูกโฉลกกับการออกกำลังกายอย่างแรง มีกิจกรรมที่แสนง่ายที่สุดในโลก ให้คุณได้ใช้พลังงานแล้วนะ อันได้แก่การเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินนี่แหละ ง่าย สะดวก และทุกคนสามารถทำได้ โดยผลที่เกิดขึ้นพบว่า ผู้หญิงที่เดินเร็วทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงต่อวัน จะลดโอกาสเป็นโรคอ้วน 24% และลดโอกาสเป็นโรคเบาหวานถึง 34%

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงรวมทั้งผู้ชายที่เดินมากกว่าสามชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะลดโอกาสเสี่ยงลงในการเป็นอัมพาตและโรคหัวใจลงเกือบครึ่ง แถมอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อนยังพลอยลดตามไปด้วย

สำหรับผู้สูงอายุ เด็กและประชาชนทั่วไป ควรเดินอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งที่เดินควรจะติดต่อกันนานกว่า 10 นาที

หลักง่าย ๆ ก็คือ ควรจะค่อย ๆ เดินเร็วขึ้นเท่าที่จะเดินไหว แต่ก็ไม่เร็วจนหอบ ถ้าเดินเร็วไม่ได้ การเดินจงกรมกลับไปมาช้า ๆ อย่างมีสติ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน ที่สำคัญควรใส่รองเท้าที่เหมาะสมกันลื่น หกล้ม หลีกเลี่ยงการเดินในที่เปลี่ยว เดินบนทางเท้า หากมีโรคประจำตัวควรมีเอกสารแสดงไว้กับตั วและควรกันเหนียวด้วยการเตรียมเพื่อนเดินเสมอ

แต่ถ้าหากไม่มีเวลาจริง ๆ ควรเดินให้มากที่สุดเท่าที่จะมีเวลา เช่น เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ หากเดินแล้วปวดเข่าโดยเฉพาะคนอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรใช้ความร้อนประคบลดอาการปวด

อันที่จริงการเดินเป็นกิจวัตรประจำวันที่คนทั่วไปทำอยู่แล้ว เพียงแต่ยืดระยะเวลาและความเร็วในการเดินให้มากขึ้น ก็จะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก ทำให้อายุยืนยาวขึ้น ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ลดโอกาสเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การเดิน เป็นทางแห่งสุขภาพที่ทำได้ง่ายที่สุดทางหนึ่ง พูดง่าย ๆ รู้แล้วถ้ายังขืนขี้เกียจออกกำลังกายด้วยการเดินอีก ก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรแล้ว

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ไปปาร์ตี้แบบไม่มีอ้วน (first)

แหม . . . ใครอ่านหัวข้อก็คงจะสงสัยกันว่าเอ . . . ไปปาร์ตี้มีหรือที่จะไม่อ้วน ทั้งอาหาร ทั้งเครื่องดื่ม แถมคำชักชวนจากเพื่อนฝูงที่ให้ กิน กิน กิน ดื่ม ดื่ม ดื่ม อีก กลับมามีแต่ท้องเผละทุกราย

ซึ่ง มันก็ถูกต้องแล้ว ถ้าเราอยู่ในงานปาร์ตี้แล้วทั้งกินทั้งดื่มโดยไม่สนใจในรายละเอียดอะไร วันรุ่งขึ้นคุณก็จะได้ของแถมเป็นน้ำหนักอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราใส่ใจใจรายละเอียดสักหน่อย เชื่อแน่ว่า นอกจากสนุกสนานกับปาร์ตี้แล้ว รุ่งขึ้นก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจกับน้ำหนักที่พุ่งขึ้นมาอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่สนใจ ง่ายๆ เลย แค่ปฏิบัติตามนี้ . . .

แอลกอฮอล์ดื่มได้แต่ควรพอประมาณสัก 1-2 แก้ว ต่อมื้อสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงก็แก้วเดียวพอให้ร่างกายได้กระชุ่มกระชวย หรืออย่างที่เรียกว่าพอเป็นกระษัย ไม่ใช่เมามายจนคายของเก่าออกมา

ถ้าจะให้ดีก็เลือกดื่มน้ำผักหรือน้ำผลไม้ไปเลยอาจจะดูเชยหน่อย ไม่เท่ แต่ก็เก๋อย่าบอกใคร สำหรับการเป็นหนุ่มหรือสาวรักสุขภาพแต่อยากสังสรรค์ ก็ควรเลือกแบบคั้นสด หรือชนิดที่มีกากใยอยู่ด้วย เพราะร่างกายจะได้ประโยชน์จากกากใย โดยปรับระบบขับถ่ายในร่างกายให้ดีขึ้น

สำหรับอาหารในงานปาร์ตี้ ควรเลือกทานแต่เมนูเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีเนื้อปลาเป็นส่วนประกอบ เนื่องจากในเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย

หากทานปลาไม่ได้ ก็เลือกทานแต่โปรตีนติดหนัง เพราะอาจสะสมเป็นไขมันในเวลาต่อมาโดยไม่จำเป็น ที่สำคัญหลีกเลี่ยงแป้งอย่างเด็ดขาด

ผลไม้ ก็ถือเป็นตัวเลือกในงานปาร์ตี้ที่เยี่ยมยอด แต่ควรเลือกกินแบบสดอย่างส้ม ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วง หรือแอปเปิ้ล ใน 1 มื้อจะกินหมดลูกในคราวเดียวก็ทำได้ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด

แต่ไม่ควรเลือกผลไม้ชนิดที่มีความหวานสูง อาทิ ข้าวเหนียวทุเรียน สละลอยแก้ว เพราะมีน้ำตาลสูง และเป็นเหตุให้โรคพิเศษบางโรคอย่างเบาหวานกำเริบได้ ซึ่งจะทำให้หมดสนุก

ที่สำคัญ ขอให้เน้นการควบคุมจิตใจและมือไม่ให้ตามใจปาก เพราะบางครั้งการกินทองหยิบฝอยทอง เพียงไม่กี่ชิ้นเพราะคิดว่าไม่เป็น นาน ๆ ครั้งให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ก็อาจต้องมานั่งกุมขมับหลังจากปาร์ตี้จบ เพราะหน้าท้องบวมขึ้นอีกแล้ว

แต่ก็มีอีกทางเลือกเหมือนกันสำหรับคนที่อดใจไม่ไหว ก็ทานไปเถอะ ทานให้พออิ่ม ไม่ใช่ทานเพราะความอยาก เสร็จแล้วก็โยกย้ายส่ายสะโพก เต้นออกกำลังกายตามเสียงเพลงในงานไปซะเลย

บริหารกาย คลายท้องผูก

คลายท้องผูกด้วย 2 ท่าทำแสนง่าย..ไม่ต้องพึ่งยาถ่าย

ขั้นที่ 1

นอนหงายกับพื้น มือทั้งสองวางรองไว้ใต้ศีรษะ ขาทั้งสองวางชิดกัน แล้วยกขึ้นช้า ๆ ให้ตั้งฉากกับลำตัว นับ 1-10 แล้วค่อย ๆ วางลง ทำซ้ำ 6 ครั้ง

ขั้นที่ 2

มือทั้งสองกางออกข้างลำตัว แล้วค่อย ๆ ยกขาขึ้นตั้งฉากกับลำตัว วางขาทั้งสองลงด้านข้างทางขวา นับ 1-5 ยกขึ้นตั้งฉาก แล้วสลับทำอีกข้าง จากนั้นค่อย ๆ วางขาทั้งสองลงบนพื้น ผ่อนคลายสักครู่ แล้วทำซ้ำ 3-5 ครั้ง

บอกลาโคเลสเตอรอลด้วยอาหาร

ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังมีปัญหา "โคเลสเตอรอล" สูงฟังทางนี้เลย เพราะเราสามารถลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน และโรคหัวใจขาดเลือด ได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เลือกทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้น เอ้า...อยากรู้ว่า ควรจะทานอะไร อย่างไรดี จึงจะช่วยป้องกันและลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ในเลือดได้ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มากระซิบบอกกัน


1. ทาน "โคเลสเตอรอล" ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม

ไข่แดงเอย เครื่องในเอย ไขมันสัตว์เอย ล้วนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย "โคเลสเตอรอล" แน่นอนว่า อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน จะให้ห้ามทานเลยอาจดูใจร้ายไปเสียหน่อย แต่หากหลีกเลี่ยงได้ หรือทานในปริมาณที่น้อยเข้าไว้ ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม จะดีที่สุด หรือหากใครชอบทานไข่มาก ก็แนะนำให้ทานเฉพาะไข่ขาว เพราะไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล ที่จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้น

2.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

ไม่ว่าจะเป็น กะทิ ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน หรือไขมันทรานส์ ที่มีมากในเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม อาหารฟาสต์ฟู้ด คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบ อาหารเหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทั้งนั้น หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นเมื่อไร โรคหัวใจมาเคาะประตูถามหาถึงหน้าบ้านแน่นอน

3.ทานอาหารจำพวกเส้นใย หรือไฟเบอร์ให้มาก ๆ

รู้ไหมว่าอาหารที่มีเส้นใย หรือไฟเบอร์มาก ๆ อย่าง ข้าวโอ๊ต ถั่ว แอปเปิ้ล ลูกพรุน มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ ฯลฯ เส้นใยในอาหารเหล่านี้ จะไปช่วยดูดซับโคเลสเตอรอลที่ปนอยู่ในน้ำดีในลำไส้ ทำให้สามารถผลักดัน "โคเลสเตอรอล" ออกไปจากร่างกายพร้อมกับอุจจาระได้โดยง่าย

4.ทานปลาทะเล

โอเมกา-3 จากปลาทะเล ถือเป็นสุดยอดอาหารช่วยลดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด แถมยังลดโอกาสในการเกิดภาวะเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าอุดตันในเส้นเลือดได้อีก คุณสมบัติเหล่านี้จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างดี รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามองข้ามปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ฯลฯ ไปเสียล่ะ

5. ทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงโดยสม่ำเสมอ

อย่าเพิ่งขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยว่า การทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแล้ว จะช่วยลด "โคเลสเตอรอล" ได้อย่างไร เชื่อเถอะว่า หลายคนยังไม่ทราบว่า อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงนี่แหละ อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไลโนเลอิค และกรดอัลฟาไลโนเลอิค ซึ่งจะช่วยให้ "โคเลสเตอรอล" มีการเผาผลาญที่ตับมากขึ้น จึงช่วยลดปริมาณ "โคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี" หรือ LDL ได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยังช่วยเพิ่ม "โคเลสเตอรอลชนิดดี" หรือ HDL ไปพร้อม ๆ กันด้วย

ปรับสมดุลให้สุขภาพ (Health plus)

ได้เวลาสุขภาพดีกันอีกแล้ว ด้วยหลักการแพทย์แผนจีนโบราณที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า เจนนิเฟอร์ ฮาร์เปอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด (Naturopathic Healing) บอก

ตามหลักการแพทย์แผนจีนโบราณระบุว่า ฤดูกาลแต่ละฤดูมีส่วนสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพที่ต่างกันไป บ้านเราเป็นเมืองร้อน หน้าร้อนจึงยาวนานกว่าทุกฤดู และเกี่ยวข้องกับธาตุไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับความร้อนส่วนเกินในร่างกาย เช่น เป็นไข้ นอนไม่หลับ และการสูญเสียน้ำ อวัยวะของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับหน้าร้อนคือ หัวใจและลำไส้เล็ก โรคเหล่านี้จะกำเริบขึ้น หากร่างกายมีความร้อนส่วนเกิน ซึ่งนำไปสู่ความเครียดและโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารและปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อน การทานอาหารเบาๆ และเย็น จะช่วยปรับสมดุลร่างกาย

ทานผัก

รสชาติที่สัมพันธ์กับหน้าร้อนคือ รสขม ดังนั้นจึงควรทานผักใบเขียวมากๆ ซึ่งอุดมด้วยเกลือแร่ แคลเซียม ซิลิคอน และแมกนีเซียม เชื่อกันว่าผักช่วยระงับธาตุไฟในร่างกาย รสขมมีคุณสมบัติเด่นในการล้างพิษ ผักสลัดฝรั่งเป็นอาหารชั้นยอด อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยล้างสิ่งสกปรกในเลือด และเนื่องจากเป็นผักที่มีน้ำมาก จึงช่วยขับปัสสาวะ หน่อไม้ฝรั่ง ผักกาดเขียว ผักชีฝรั่ง และแดนดิไลอัน ก็เป็นอีกทางเลือดที่ดี ทานสลัดจานเล็กๆเป็นเครื่องเคียงคู่กับอาหารจานหลัก ก็เป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้คุณได้ทานอะไรที่เขียวและสดทุกวัน

สุดยอดผลไม้

เบอร์รี่ เช่น เรดเคอร์แรนท์ , สตรอว์เบอร์รี่ , แบล็กเคอร์แรนท์ , ราสป์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ มีวิตามินแอนตี้ออกชิแดนท์ช่วยกำจัดสารพิษและฟลาโวนอยด์ เสริมสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ผิวเนียนเรียบและกระชับ ทานเบอร์รี่ราดโยเกิร์ตรสธรรมชาติวันละชาม เป็นของหวานเพื่อสุขภาพแสนอร่อย

นวดกดจุดให้สมองแจ่มใส

จุดฝังเข็มที่สัมพันธ์กับลำไส้เล็กอยู่ตรงขอบด้านนอกของมือ ประมาณ 1 นิ้วมือวัดจากฐานนิ้วก้อย อยู่ใต้ข้อต่อลงไป ใช้นิ้วมือข้างหนึ่งประคองข้อมืออีกด้านเอาไว้ แล้วใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กดที่จุดดังกล่าวให้แน่นนาน 1 นาที จะช่วยไล่ความชื้นส่วนเกินในลำไส้เล็ก ทำให้สมองปลอดโปร่ง

สมุนไพรช่วยได้

ชาคาโมไมล์และชาสะระแหน่ช่วยกำจัดความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกายและลดอาการปวดเกร็ง หากมีอาการท้องอืดหลังทานอาหาร ให้เคี้ยวเมล็ดยี่หร่า เพื่อลดอาการท้องบวม กระเทียมช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่ดีในลำไส้เล็ก จึงควรเติมกระเทียมในอาหารมากๆ เพื่อบรรเทาความผิดปกติที่เกิดกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องผูก

กลิ่นหอมจรุงใจ

น้ำมันหอมระเหยมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบและล้างพิษเหมาะเป็นอย่างยิ่ง เติมในน้ำอุ่นสำหรับอาบ 2-3 หยด หรือหยดในตะเกียงน้ำมันหอมระเหย แล้ววางไว้ในห้องนอน จะช่วยให้จิตใจเย็นสบายและผ่อนคลาย ลองน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสวีทออเรนจ์ที่หอมเย้ายวน กลิ่นมาร์โจแรน(marjoram) ช่วยให้รู้สึกสุขุมเยือกเย็น กลิ่นคาโมไมล์ ช่วยผ่อนคลาย และกลิ่นไซเพรสช่วยล้างพิษ

นวดหน้าท้อง

ช่องท้องที่แข็งแรงควรรู้สึกนุ่มเรียบสม่ำเสมอ เคลื่อนไหวแผ่วๆ เวลาใช้มือกดเบาๆ แต่ถ้าช่องท้องเต็มไปด้วยสารพิษ คุณจะรู้สึกท้องอืด หน้าท้องไม่กระชับ นวดเบาๆ บริเวณท้องน้อยจะช่วยบรรเทาอาการอึดอัดและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น วิธีนวดง่ายๆ คือให้ใช้มือลูบเบาๆ บนท้องน้อย กดเบาๆ บริเวณที่รู้สึกแน่น

เผยโรคอันตราย 15 โรครับฤดูฝน

ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้โรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วนั้น ล่าสุดนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลทุกแห่ง จับตาเป็นพิเศษตั้งแต่เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2553 เป็นช่วง 90 วันอันตราย โดยโรคที่ต้องติดตามต่อเนื่อง 2 โรคคือ โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และ โรคไข้หวัดนก เพราะหากมีโรคนี้เกิดขึ้นในฤดูฝน เชื้ออาจมีการผสมข้ามสายพันธุ์ได้ ดังนั้น กรมควบคุมโรคได้ออกประกาศเตือนประชาชนในการป้องกันโรคติดต่อ ที่มักเกิดขึ้นในฤดูฝน โดยมี 5 กลุ่มรวม 15 โรค ได้แก่...

1. กลุ่มโรคติดต่อทางน้ำและอาหาร ที่พบบ่อยคือ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบสาเหตุเกิดจากกินอาหาร ดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน หรือกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ

2. กลุ่มโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยคือ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบหลอดลมอักเสบ และโรคปอดบวม โดยเฉพาะโรคปอดบวมนั้นมีอันตรายอาจถึงชีวิตได้ อาการเริ่มจากไข้ ไอ หายใจเร็วหรือหอบเหนื่อย

3. กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง ที่พบบ่อยคือ โรคเลปโตสไปโรซิสหรือไข้ฉี่หนู อาการเด่น ๆ ของโรคนี้คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะมักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง และตาแดง

4. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุงที่สำคัญ 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออกมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งกว่าร้อยละ 80เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้านไข้สมองอักเสบ เจ อี (Japanese Encephalitis) มียุงรำคาญซึ่งมักแพร่พันธุ์ตามแหล่งน้ำในทุ่งนาเป็นตัวนำโรค และโรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่องที่อยู่ในป่าเป็นพาหะนำโรค ทั้ง 3 โรคนี้อาการเริ่มจากมีไข้สูงปวดศีรษะมาก คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบ อาจทำให้พิการภายหลังได้

5. กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ใน น้ำสกปรก กระเด็นเข้าตา

นอกจากนี้ ยังมีโรคน้ำกัดเท้า ที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งเกิดจากการเดินลุยน้ำสกปรกนาน ๆ หรือต้องแช่น้ำ เดินลุยน้ำท่วมขังในช่วงที่มีฝนตกหนัก ถูกสัตว์มีพิษกัด ต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่องที่หนีน้ำท่วมมาอาศัยในบ้านเรือน และโรคอาหารเป็นพิษจากกินเห็ดพิษที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในป่า ในสวน ซึ่งพบในช่วงฤดูฝนทุกปี

9 เทคนิคฝึกสมองคิดสร้างสรรค์

เฮ้อ...เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนเครียด ๆ ความเครียดเนี่ยนะไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ แถมยังเป็นเรื่องที่ควบคุมยากซะด้วย..แล้วเมื่อไหร่ที่เครียด สมองก็จะตื้อไปหมด คิดอะไรไม่คล่องทุกที วันนี้เราเลยเสาะหาเทคนิคดี ๆ ในการฝึกสมองให้คิดอย่างสร้างสรรค์มาฝากกัน ทีนี้ไม่ว่าจะเครียดแค่ไหนก็สบายหายห่วงค่ะ

สมองของคนเรานั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 85% ของเซลล์สมอง ฉะนั้นให้ดื่มน้ำให้บ่อย ๆ เพราะถ้าร่างกายของเราขาดน้ำ จะส่งผลให้สมองของเราคิดสิ่งต่าง ๆ ได้ช้าหรืออาจจะคิดไม่ออกเลย

สมองก็คือก้อนไขมัน จึงจำเป็นต้องได้รับไขมันดีเข้าไป เพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จึงควรกินไขมันดี หรือโอเมก้า 3 ซึ่งก็มีมากในปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง น้ำมันปลา เพื่อบำรุงสมองน้อย ๆ ของเราค่ะ

ฝึกนั่งสมาธิ เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย ทำให้เราเกิดปัญญา และมีสติในการคิดสิ่งต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์

ตั้งใจจริง การที่เราตั้งใจที่จะทำอะไรอย่างจริงจัง แล้วทำมันอย่างเต็มที่เต็มความสามารถ เป็นการฝึกสมองรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

พยายามหัวเราะ และยิ้มสู้เข้าไว้ ไม่ว่าสถานการณ์จะย่ำแย่แค่ไหน เพราะเมื่อเราหัวเราะ หรือยิ้มร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข จะช่วยให้เราคิด และทำสิ่งดี ๆ

เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งจะทำให้สารเอ็นโดนฟิน และโดปามีน หลั่งออกมา และสารทั้ง 2 ตัวนี้จะไปกระตุ้นให้สมองอยากเรียนรู้ และสร้างสรรค์ในเรื่องต่าง ๆ

เมื่อรู้สึกโกรธ โมโห สมองของเราก็จะเครียดตามไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องรู้จักการให้อภัย ทั้งกับตัวเองและให้อภัยผู้อื่น สมองของเราจะได้ไม่เครียดค่ะ

เขียนบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เขียนเรื่องราวที่ดี ๆ เพราะจะช่วยทำให้เราคิดดีตามไปด้วย แถมยังเป็นการช่วยฝึกฝนสมองในการคิดทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราด้วย

ฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จะช่วยในการส่งพลังงานไปยังสมอง และหากเรานั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ก็ควรลุกขึ้นมาเดินยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายบ้าง เพราะสามารถทำให้ปอดขยายใหญ่ และรับออกซิเจนได้มากขึ้น 20% ส่งผลให้สมองเราปลอดโปร่งขึ้น สามารถคิดสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

รู้เทคนิคง่าย ๆ กันไปแล้ว ก็ลองนำไปปฏิบัติดูนะจ๊ะ ทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ อาจจะทำให้กลายเป็นยอดครีเอทีฟชื่อดัง หรือเป็นคนที่มีความอัจฉริยะด้านความคิดที่ใคร ๆ ก็รู้จักไปทั่วก็ได้น้า...

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมื่อเหล่าสัตว์ในโลกมีแค่ 2 ขา




ในวงการผู้เลี้ยงปลาสวยงาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ปลาหมอสี" เป็นปลาที่มาแรงเป็นอันดับต้น ๆ ในบ้านเรา โดยเฉพาะกลุ่ม ปลาหมอสีครอสบรีด เพราะมีลักษณะสีสันสวยงาม และถูกพัฒนาจากฝีมือคนไทยทำให้มีหลายสายพันธุ์ เช่น เทกซัสแดง, ฟลาวเวอร์ฮอร์น, ไตรทอง, กัมฟา ฯลฯ และหนึ่งในความนิยม ปลาหมอสีครอสบรีด ก็มีชื่อของเจ้า ปลาหมอสี ช็อตบอดี้ รวมอยู่ด้วย

ปลาหมอสี ช็อตบอดี้ (Short Body) เป็นปลาที่มีลำตัวสั้นป้อม ด้วยพิการมาแต่กำเนิด มีความผิดปกติของกระดูกสันหลังที่คดงอหรือโค้งไปธรรมชาติ ในทางวิชาการถือว่าเป็นสัตว์แคระ แต่ในวงการปลาสวยงาม รูปร่างที่สั้นแปลกตาได้กลายเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่สามารถสร้างมูลค่า และมีผู้นิยมเลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว ความพิการดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้กับปลาทุกชนิด แต่ก็ไม่ใช่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ และปัจจุบัน ปลาหมอสี ช็อตบอดี้ ก็ไม่ได้เกิดจากความพิการโดยธรรมชาติ หากแต่เป็นการเพาะพันธุ์ขึ้น ตามความพิการที่จัดว่าสวยคือ ตัวสั้น, ครีบไม่บิดเบี้ยว, สีสันสวยตามสายพันธุ์ ดูลำตัวมีองค์ประกอบสมส่วน

ทั้งนี้ ในวงการปลาสวยงาม ได้มีการจำแนกปลาชอร์ต บอดี้ ออกเป็นเกรด แบ่งตามลักษณะความสั้นของตัวปลา โดยปลาที่สั้นมากจนแทบไม่มีข้อหาง หรือบริเวณส่วนหัวหดสั้นกว่าปกติ และไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดคดงอหรือบุบ จะเรียกว่า เบอร์ 0 ซึ่งจะมีราคาขายแพงที่สุด โดยก็มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท ส่วนปลาที่มีข้อหางยาวออกมา จะเรียกว่า เบอร์ 1 ถ้าเลยจากนี้จะมีถือว่าไม่มีราคาแล้ว

สำหรับการเลี้ยงดูปลาหมอสี ช็อตบอดี้ ก็ไม่แตกต่างจากการเลี้ยงปลาหมอสีธรรมดา โดยผู้เลี้ยงจะนิยมเลี้ยงให้อ้วน และท้องป่องมากที่สุด เพราะถือเป็นลักษณะที่สวยที่สุด อย่างไรก็ดี เรื่องที่ต้องเอาใจใส่หลัก ๆ มีอยู่ 3 เรื่องคือ

ตู้เลี้ยงปลา ควรมีขนาดใหญ่พอที่จะให้ปลาได้ว่ายไปมา ให้ได้ออกกำลังและมีสุขภาพดีไม่เกิดความเครียดในสถานที่เลี้ยงจำกัด

อาหาร อาหารต้องดี คือให้อาหารครบหมู่ มีการให้อาหารเม็ดสลับกับอาหารสด เช่น หนอนนก, หนอนแดง, กุ้งฝอย เป็นต้น อาหารจะช่วยเรื่องของสีสันของปลาให้มีสีเข้ม, สีสด

ถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง การที่น้ำมีความสะอาดอยู่ตลอดจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของปลาด้วย

ลิบง-เจ้าไหม คือลมหายใจและความหวัง (อสท.)




ธเนศ งามสม...เรื่อง
โสภณ บูรณประพฤกษ์...ภาพ

๑. ทะเลงดงามเสมอ ไม่ว่าฤดูกาลใด

ยิ่งในโมงยามนี้ ยามแสงแรกแห่งวันฉายส่อง ทะเลเจ้าไหมทอประกายวามวาว กลุ่มหญิงสาวในเวิ้งอ่าวดูน่ามองราวกับภาพวาด พวกเธอกำลังหาหอยตะเภา หอยรสชาติดีซึ่งมีอยู่ทั่วอ่าวปากเมงนี้ "รอบ ๆ ตัวเรามีหอยหลายอย่าง นอกจากหอยตะเภาแล้วก็มีหอยหวาย หอยลาย หอยชักตีน" น้าพิมเล่า ขณะลูกชายวัยกำลังซนเดินเคียงอยู่ไม่ห่าง

ทั้งน้าพิมและลูกชายมีท่อพิวีซีกันคนละอัน ท่อนี้มีไว้สำหรับปักลงไป ยังรูที่หอยตะเภาอาศัย หากมีตัวหอยจะติดตามท่อขึ้นมาง่าย ๆ "นี่ล่วง ๗ ค่ำแล้ว น้ำเริ่มตาย ถ้าน้ำลงช่วง ๑ ค่ำจะหาได้มากหน่อย มันจะขึ้นมาตามผืนทราย" น้าพิมบอกพลางหยิบหอยตะเภาใส่ตะกร้าหวาย

เช้าวันนั้น ผมเดินตามน้าพิมและกลุ่มหญิงสาวไปทั่วอ่าวปากเมง พวกเธอส่วนใหญ่มาจากบ้านนาหละ หมู่บ้านมุสลิมซึ่งอยู่ริมชายหาด ผู้คนในหมู่บ้านแทบทั้งหมดมีรายได้จากสวนยางพารา ทว่าช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูแล้ง ต้นยางกำลังผลัดใบ ต้องหยุดกรีดยางนานร่วม ๒ เดือน "ไม่ได้กรีดยางก็หาหอยหาปลา เราทำอย่างนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว" ใครบางคนบอกแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดี ฟังแล้วชีวิตคนถิ่นนี้ช่างเรียบง่าย คงเพราะมีทะเลเลี้ยงดูพวกเขาให้อิ่มเอมเติบใหญ่ "หอยตะเภานี่ทำอาหารได้แทบทุกอย่าง" ใครบางคนเอ่ย

"นี่ตัวยังเล็ก ปล่อยไว้ให้มันโตน้ำหน้า" น้าพิมยื่นหอยตะเภาตัวขนาดนิ้วโป้งให้ผมดู แล้วปล่อยมันกลับลงทะเล โมงยามนั้น ยามที่แสงแรกแห่งวันฉายส่อง แดดอบอุ่นยิ่งขับใบหน้าของพวกเธอให้ดูอบอุ่น ชวนมอง ทุกคนยิ้มแย้ม พูดคุยกันสบายใจ ทะเลเจ้าไหมเลี้ยงดูผู้คนให้เป็นเช่นนี้
๒. ที่หาดหยงหลิง ชายหาดด้านทิศใต้ของทะเลเจ้าไหม

ใต้เงาสนร่มรื่น หลายครอบครัวปูเสื่อบนชายหาด ใช้เวลาช่วงบ่ายไปกับการเล่นน้ำ พายคายักสีสด พูดคุยกันเงียบ ๆ สบายใจ

หาดหยงหลิงนับว่าสวย จึงมีทั้งคนท้องถิ่นและจากเมืองไกลมาเยือนหนาตา "หยงหลิงเป็นภาษามลายู หยงแปลว่าแหลม หลิงแปลว่ากะลาสีเรือ เล่ากันว่าเคยมีเรือสำเภามาล่มแถวนี้" ลุงวิโรจน์ จิตต์หลัง หัวหน้าหน่วยฯ หาดหยงหลิงเล่า

ในอดีตทะเลแถบเจ้าไหมคือเส้นทางขึ้นล่องของเรือสำเภา เรือจากปีนังเข้ามาค้าขายที่กันตัง ไปถึง กระบี่ พังงา ตะกั่วป่า ในยุคนั้น เจ้าไหมคือเส้นทางการค้า มีเพียงคนท้องถิ่นที่รู้ว่าทะเลผืนนี้อุดมสมบูรณ์เพียงใด ลุงวิโรจน์เล่าว่า "ไม่ใช่แค่ในทะเลนะ ป่าเสม็ดรอบ ๆ ตัวเรานี่ก็มีอะไรอยู่เยอะ มีผักหวานป่า หัวมันทราย ไข่มดแดง ช่วงปลายเดือนเมษายน เห็ดจะขึ้นเยอะแยะ เรียกว่าเห็ดเสม็ด แล้วแต่ก่อนนะ เราเอาเปลือกเสม็ดขาวมามุงหลังคา เปลือกเสม็ดแดงเราใช้ย้อมอวน ย้อมแล้วใช้ทนนาน"

แดดบ่ายค่อย ๆ โรยอ่อน ลมทะเลพัดผ่านทิวสนดังเย็น ๆ ราวกับเสียงฝนพรำ จากหาดหยงหลิง เรากลับมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม "ราว ๆ ๓๐-๔๐ ปีก่อนโน่น ป่าเสม็ดแถว ๆ หยงหลิงกับแถวที่ทำการฯ นี่เคยมีนาข้าว ผืนดินบางผืนยังปลูกข้าวได้" น้ามุ่ย-สมหมาย อินทเสโน คนเก่าคนแก่ของเจ้าไหมเล่า "ทะเลอยู่ไกลกว่านี้มาก" เธอบอกแล้วก็หันออกไปมองทะเลตรงหน้า "เมื่อก่อนปลาโลบันชุมมาก โลบันคือปลากระบอก มีปลากระบอกมากก็มีโลมามาก โลมาตามมาจับปลากระบอก ดูหยงก็เคยมีมาก" เล่าถึงตรงนี้เธอก็ยิ้มอย่างไร้ความหมาย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อ ดูหยง แห่งทะเลเจ้าไหม


๓. ใครบางคนเล่าตำนานทะเลเจ้าไหมให้เราฟัง

กาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มชื่อลิบง เขาเป็นกะลาสีเรือสำเภาลำหนึ่ง ความที่เป็นคนขยันขันแข็ง เจ้าของเรือสำเภาจึงยกนางมุกต์ลูกสาวให้เป็นภรรยา อยู่มาวันหนึ่ง นางมุกต์ตั้งท้อง เธอร้องขอให้นายลิบงพาไปเยี่ยมบ้าน ครอบครัวของนายลิบงยากจนมาก ชายหนุ่มรู้สึกอาย ทว่าทนคำรบเร้าของภรรยาไม่ไหว จึงยอมบ่ายหัวเรือกลับไปบ้านเกิด ฝ่ายพ่อแม่ เมื่อรู้ว่าลูกชายจะกลับมาเยี่ยม ทั้งสองเตรียมข้าวปลาอาหาร เตรียมมะม่วงเปรี้ยวให้ลูกสะใภ้ซึ่งกำลังท้อง เตรียมมะม่วงหวานให้ลูกชาย

ทว่าพอเรือเดินทางมาถึงบ้านเกิด นายลิบงเกิดอับอายไม่พอใจฐานะเดิมของตน จึงหันหัวเรือกลับ พ่อแม่เห็นดังนั้นจึงน้อยใจ เสียใจ สาบแช่งให้เรือล่มจมหาย แล้วทันใดพายุก็โหมกระหน่ำ โถมซัดเรือสำเภาจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ นายลิบงถูกพายุพัดลอยไปกลายเป็นเกาะลิบง นางมุกต์ถูกคลื่นซัดพาไปกลายเป็นเกาะมุกต์ ข้าวของบนเรือกระจัดกระจายกลายเป็นเกาะต่าง ๆ ทั้งเกาะกระดาน เกาะม้า เกาะเชือก เกาะเมง เกาะไหง เกาะแหวน

ว่ากันว่า บนเกาะลิบงยังมีต้นมะม่วงเปรี้ยว มะม่วงหวาน... จากท่าเรือปากเมง เรานั่งเรืออันดามันซีทัวร์บ่ายหน้าเรือลงใต้ จุดหมายแรกอยู่ที่เกาะมุกต์ ซึ่งยามนี้มองเห็นเป็นรูปหญิงท้องนอนหวายอยู่เบื้องหน้า สุดสัปดาห์เช่นนี้มีผู้คนมาเยือนเกาะมุกต์มากหลาย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ พวกเขาไม่ได้มาเพราะตำนานหรือเรื่องเล่า ทว่าที่นี่มี ถ้ำมรกต อันเลื่องชื่อให้พวกเขาแหวกว่าย

จากเกาะมุกต์และถ้ำมรกต เรืออันดามันซีทัวร์ พาเราไปเกาะกระดาน ที่นั่นชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลเป็นสีครามใส มีฝูงปลาหลากสีให้ดำดูอย่างไม่รู้เบื่อ ออกจากเกาะกระดาน เรือบ่ายหน้า พาเราไปดู ค้างคาวแม่ไก่ที่เกาะม้า

ขณะเรือโล้คลื่นลมทะเลยามเย็น ฝูงนกยางทะเลทยอยบินกลับรังนอน ผมหันหน้าไปทางทิศใต้ มองเห็นเกาะใหญ่อีกเกาะราง ๆ ตรงขอบฟ้าคราม นั่นคือเกาะลิบง บ้านของ ดูหยง ซึ่งผมได้ยินเรื่องเล่ามานาน
ผืนแผ่นดินกับลิบงนั้นอยู่ไม่ไกลกันเลย

มีเพียงร่องน้ำสีครามกางกั้น ทว่าความเป็นเกาะนั้น ทำให้ที่นี่ค่อนข้างพิเศษ ๒๐ นาทีจากท่าเรือหาดยาว เกาะลิบงด้านหลังเขาให้อารมณ์รับรู้ว่าเราเพิ่งเดินทางมาถึงเกาะในตำนาน ชายหาดเงียบสงบ มะพร้าวยืนต้นปะปนกับหูกวาง และไม้ใหญ่ดูเขียวสดยามเมื่อมองจากเรือ ร่มรื่นเมื่อพาตัวเข้าไปหลบแดดบ่าย "เมื่อก่อนเงียบสงบกว่านี้อีกนะคะ" น้ารวยซึ่งทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการลิบงบีช รีสอร์ต เล่าพลางต้อนรับแขกคนไทยกลุ่มเดียวที่มาเยือนในสัปดาห์นี้

พูดได้ว่า ลิบงบีช รีสอร์ต เป็นที่พักแห่งแรกบนเกาะลิบง เริ่มจากคนท้องถิ่น ต่อยอดโดยครูหนุ่มจากแผ่นดินใหญ่ "ตอนนั้นน้องชายฉันเป็นครูสอนบนเกาะ เขารับช่วงต่อจากเจ้าของที่ดิน ฉันยังจำได้ เขาเป็นเจ้าของรถกระบะคันแรก ทุกครั้งที่เขาขับรถกลับจากตรัง ชาวบ้านจะเดินตามกันเป็นขบวนเลย เพราะจะได้เห็นของแปลก ๆ ใหม่ ๆ" น้ารวย เล่าแล้วก็ยิ้มอารมณ์ดี

เจ้าของรถกระบะคันนั้นจากไปหลายปีแล้ว คงเหลือลิบงบีช รีสอร์ต ไว้ให้คนจากเมืองไกลมาเยือนและไต่ถาม พักอยู่บนเกาะ ๑ คืน ช่วงเช้าเราเตร็ดเตร่อยู่ริมชายหาด สาย ๆ เข้าไปสำรวจบนเกาะ ไปเยือนบ้านบาตูปูเต๊ะ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ หมู่บ้านที่มีอยู่บนลิบง

อิสมาแอน เบ็ญสะอาด ชายซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้เพื่อนบ้านกลับมามองรากเหง้าของตนรอเราอยู่ ที่บ้าน เขาพาเราไปดูบ่อน้ำจืดในป่าชายเลนริมทะเล ซึ่งพบโดยชาวบ้านคนหนึ่งในปีที่เกาะร้อนแล้งขาดแคลนน้ำจืดที่สุด แล้วพาเราไปดูสุสานและร่องรอยเมืองโบราณ

เศษอิฐดินเผาซึงหลงเหลืออยู่ ดูจะเป็นร่องรอยเดียวที่บอกเล่าว่าลิบงเคยเป็นเมืองท่าสำคัญมาก่อน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ลิบง ถูกเลือกให้เป็นสถานที่ว่าราชการของเมืองตรัง เพราะเป็นท่าเรือสำคัญของหัวเมืองตะวันตก เรือค้าขายจากปีนัง ไทรบุรี มลายู กันตัง หรือแม้แต่เรือจากบางกอกก็ต้องขึ้น-ล่องผ่านจุดนี้

บังแอน เล่าว่า "ผืนดินบนเกาะก็สมบูรณ์นะครับ ป่าสมบูรณ์ มีกวางป่าชุกชุม เราปลูกข้าวได้ดี มีแตงโมพันธุ์ดีชื่อ แตงจีน เล่ากันว่าเนื้อหวานอร่อย พระยาลิบงซึ่งครองเมืองเวลานั้นมักซื้อไปฝากเพื่อนที่ปีนังบ่อย ๆ" เรื่องราวเหล่านั้นกลายเป็นตำนานไปหมดแล้ว กาลเวลาทำให้ ลิบง เปลี่ยนไป "แต่เรายังมีความหวังนะครับ เรารวมกลุ่มกันเพื่อฟื้นฟูสิ่งดี ๆ ที่เคยมีให้กลับคืนมา" บังแอน บอกน้ำเสียงมุ่งมั่น

ตะวันดวงแดงคล้อยต่ำ กลับจากบ้านบาตูปูเต๊ะ เรานั่งเรือหัวโทงไปยัง หาดตูบ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ด้านทิศใต้ของลิบง คล้ายเรากำลังเดินทางไปยังที่ซึ่งไม่มีผู้คนเคยรู้จัก น้ำทะเลสีครามสุดสายตา แนวป่าโกงกางเบียดเสียดเขียวชะอุ่ม ขณะเรือลอยลำเข้าใกล้หาดตูบ ฝูงนกทะเลนับพันนับหมื่นก็บินพรูขึ้นจากชายหาด ราวกับประกายแดดวิบวับบนผืนทราย ลอยเป็นสายคล้ายเกลียวคลื่นสีเงิน เมื่อเรือเข้าจอดเทียบ เราเฝ้ารอเงียบ ๆ อยู่ใต้ร่มไม้ พวกเขาค่อย ๆ ทยอยคืนกลับมา โมงยามนั้น ผมพบว่าลิบงช่างสงบเงียบและงดงาม

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เราใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวถูกต้องกันหรือไม่ (Lisa)


สาวคนไหนที่กลับบ้านดึกบ่อย ๆ และมีอุปกรณ์จำพวกเครื่องช็อตไฟฟ้าสเปรย์ป้องกันตัว หรือมีดปากกา ฯลฯ แต่ยังไม่แน่ใจการใช้งานมากนักเราขอแนะนำให้ว่า...

มีดปากกา ควรใช้โจมตีที่หน้าอก ลิ้นปี่ ท้องน้อย และลำคอ
ระดับความรุนแรง : สามารถทำให้คนร้ายบาดเจ็บได้ แต่ไม่รุนแรงมากนัก

สเปรย์พริกไทย ฉีดเข้ากลางใบหน้าคนร้าย เพื่อให้โดนทั้งตา จมูก และปาก
ระดับความรุนแรง : ป้องกันไม่ให้คนร้ายเข้ามาในระยะประชิดตัว

เครื่องช็อตไฟฟ้า ทำให้คนร้ายบาดเจ็บได้พอประมาณ
ระดับความรุนแรง : ทำให้คนร้ายหมดแรงหรือชาไปชั่วขณะ

อุปกรณ์ขอความช่วยเหลือ เช่น นกหวีด สร้างความลังเลให้แก่คนร้าย
ระดับความรุนแรง : ทำให้คนร้ายตกใจและรีบหนี เผื่อว่าใครได้ยนิแล้ววิ่งมาช่วยเหลือ

อย่างไรก็ดี อย่าหยิบเอาอุปกรณ์เหล่านี้ขึ้นมาใช้ในทันทีที่คนร้ายเข้ามาหาเรา ควรแกล้งทำเป็นเออออไปกับคนร้ายก่อน พอสบจังหวะจึงค่อยจู่โจมอย่างรุนแรง แต่ต้องมั่นใจว่าเราจู่โจมได้ตรงจุดที่เราตั้งใจไว้จริง ๆ เพราะถ้าคนร้ายไม่ได้บาดเจ็บตามที่เราต้องการ ก็อาจเข้ามาทำร้ายเราถึงขั้นเสียชีวิตได้ และควรแน่ใจเสียก่อนว่าเรากำลังถูกคุกคามหรือกำลังจะถูกทำร้ายจริง ๆ เพราะอาจเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนาและไม่มีเหตุอันควร ซึ่งถือว่าทำผิดกฎหมายได้ค่ะ

เลี่ยงดื่มน้ำมาก ขณะออกกำลัง


จั่วหัวกันโต้ง ๆ อย่างนี้แหละ เผื่อใครทำอยู่จะได้รีบติดเบรกทัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬาออกโรงเตือนถึงอันตรายจากการดื่มน้ำมากเกินไประหว่างออกกำลังกาย จนทำให้ร่างกายสูญเสียโซเดียมฉับพลัน กระทั่งเสียชีวิตในที่สุด

ผลการศึกษานี้ รายงานในงานประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเคปทาวน์ แอฟริกาใต้ โดยระบุว่า ผู้หญิง นักกีฬาสมัครเล่น นักวิ่งทางไกล และนักกรีฑาซึ่งมีน้ำหนักตัวน้อย เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโซเดียมในเลือดลดลงต่ำ จนเป็นอันตราย และไม่พบว่า เครื่องดื่มบำรุงกำลงสำหรับนักกีฬา และเกลืออัดเม็ด สามารถลดความเสี่ยงในผู้ที่ดื่มน้ำมากเกินไป ระหว่างการออกกำลังกายได้แต่อย่างใด

ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้เลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณที่มากเกินกว่าน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปกับเหงื่อและปัสสาวะ แถมฝากไปถึงผู้จัดการแข่งขันวิ่งมาราธอน หรือกีฬาชนิดอื่นที่แข่งขันกันเป็นเวลานาน ให้ตั้งจุดแจกน้ำดื่มตามระยะทางที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้นักกีฬาได้รับน้ำมากเกินไปด้วยค่ะ

เบต้าแคโรทีน เพื่อหัวใจและสุขภาพที่แข็งแรง


เราเชื่อว่าคุณรู้จักเบต้าแคโรทีนดี... ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าในพืช ผัก ผลไม้ และอาหารในบ้านเราล้วนอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน อย่างที่เรา ๆ มักได้ยินผู้ใหญ่บอกกึ่งบังคับให้เด็ก ๆ กินผักหรือผลไม้บางประเภทที่เด็ก ๆ อาจจะไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นฟักทอง มะเขือเทศ แตงโม แคนตาลูป บรอกโคลี ฯลฯ ด้วยเหตุผลว่าผักและผลไม้เหล่านี้มีประโยชน์ มีสารอาหารมากมาย มีวิตามิน และหนึ่งในสารอาหารมากประโยชน์ และเป็นสารอาหารยอดนิยมในการดูแลสุขภาพร่างกาย และสุขภาพหัวใจ ก็คือ เบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่พบในพืชหลายชนิด โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในพืชที่มีสีเหลืองและสีส้ม เบต้าแค่โรทีนถือเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งเมื่อคนรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนแล้ว ร่างกายจะทำการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนให้กลายเป็นวิตามินเอ โดยกระบวนการแล้ว เบต้าแคโรทีนจะมีสูตรทางเคมีที่โรงสร้างใหญ่ แต่เมื่อผ่านสู่กลไกการทำงานของตับจะเปลี่ยนให้เบต้าแคโรทีนกลายเป็นวิตามินเอ ซึ่งมีโครงสร้างที่เล็กกว่า โดยโมเลกุลของเบต้าแคโรทีน 1 โมเลกุล เมื่อผ่านกระบวนการของร่างกายจะกลายเป็นวิตามินเอ 2 โมเลกุล
อย่างที่ทราบแล้วว่า เบต้าแคโรทีนมีคุณสมบัติเชื่อมโยงกับสารอาหารอย่างวิตามินเอ ซึ่งโดยมากแล้วจะอยู่ในไข่แดง เนื้อสัตว์ ตับ น้ำมันตับปลา และพืชบางชนิด โดยวิตามินเอนั้น มีคุณสมบัติโดยตรงกับประสิทธิภาพของการมองเห็นของประสาทสัมผัสทางสายตาบริเวณเรตินาของดวงตา ช่วยการมองเห็นในที่มีดหรือที่มีแสงน้อย รวมถึงการซ่อมแซมรักษาเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ไม่ว่าในอวัยวะต่าง ๆ หรือผิวพรรณ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟันอีกด้วย

คุณประโยชน์ของวิตามิเอ ทีได้จากการเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนอาจเป็นสิ่งที่โดดเด่นอยู่แล้ว แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเลิศที่สุดที่ทำให้คนจดจำเบต้าแคโรทีน ในชื่อของสารอหารคนรักสุขภาพ เพราะว่าเบต้าแคโรทีนนั้นมีคุณสมบัติที่โดดเด่นประการสำคัญก็คือ คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการการเจ็บป่วย ความแก่ชรา ความเหี่ยวย่น และที่สำคัญคือ เป็นตัวการที่นำเราไปสู่โรคร้ายหลาย ๆ โรค หนึ่งในนั้นคือโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ โดยเบต้าแคโรทีน จะทำการกระตุ้นการทำงานของ T-helper Cell ซึ่งช่วยด้านการเกิดเซลล์มะเร็งได้ และสำหรับคนที่รักสุขภาพและอยากหนุ่มและสาวเสมอ เบต้าแคโรทีน ยังช่วยต้านความชราได้อย่างดี นอกจากหนุ่มและสาวเสมอแล้ว ยังสุขภาพดีอีกด้วย

จากการศึกษาของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลไม้ไทยเราที่มีปริมาณของเบต้าแคโรทีนสูง 10 อันดับแรก ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะเขือเทศราชินี มะละกอสุก กล้วยไข่ มะม่วงยายกล่ำ มะปรางหวาน แคนตาลูปเนื้อเหลือง มะยงชิด มะม่วงเขียวสวยสุก และสับปะรดภูเก็ต เห็นอย่างนี้แล้ว สารอาหารเบต้าแคโรทีน ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล หากได้ไม่ยากเย็นเลย อยู่แค่ในสวนบ้านเรานี่เอง...

สำหรับในยุคที่สารอาหารได้ง่าย สะดวกทั้งในรูปแบบของอาหารและสารสกัด หากคุณเป็นห่วงสุขภาพและรักสุขภาพของคนที่คุณรักอย่างแท้จริง การรักประทานอาหารเสริมอย่างเบต้าแคโรทีน ควรปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้คุณได้รับเบต้าแคโรทีน ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย และที่สำคัญมาก ๆ กับสุขภาพของการรับประทานผัก ผลไม้สด ๆ ของแท้นั้นมีแต่ประโยชน์ อีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างหรือสารปนเปื้อนที่มาพร้อมกับอาหารเสริม หรือน้ำผลไม้ประเภทกล่องที่เต็มไปด้วยน้ำตาล

ลองเลือกผักหรือผลไม้ที่มีส่วนผสมของสารอาหารประเภทเบต้าแคโรทีน มอบให้คนที่คุณรักเป็นของขวัญก็คงจะดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะสุขภาพดีแล้ว คนรักของคุณยังมีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง แถมยังได้สารต้านอนุมูลอิสระที่มีแบบเต็ม ๆ ในเบต้าแคโรทีน คนรักของคุณจึงดูสดชื่น สดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมต้อนรับวันใหม่ด้วยสุขภาพที่ดีและแข็งแรง

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตัดผมวันไหนดีและตัดเล็บวันไหนดี


ตัดผมวันไหนดีและตัดเล็บวันไหนดี
ตัดผมวันไหนดี

ตัดผม วันอาทิตย์

จะมีอายุยืน สุขภาพร่างกายแข็งแรงปราศโรคภัย

ตัดผม วันจันทร์

จะมีแต่โชคลาภ

ตัดผม วันอังคาร

จะมีเดชอำนาจ ผู้คนยำเกรง

ตัดผม วันพุธ

ไม่ดี ลาภต่างๆ จะหายหมดมีแต่ความทุกข์

ตัดผม วันพฤหัสบดี

เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาคุ้มครอง เป็นสิริสวัสดิ์กับตัวท่าน

ตัดผม วันศุกร์

จะมีเสน่ห์เป็นที่นิยมรักใคร่แก่คนทั้งปวง

ตัดผม วันเสาร์

ดียิ่งนัก คิดการทำสิ่งใดจะได้ดั่งสมประสงค์ จะเกิดมงคลและโชคลาภ

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ในฟิตเนสคลับ ก็ต้องระวังเชื้อโรคนะ


ในฟิตเนสคลับ ก็ต้องระวังเชื้อโรคนะ

อย่าเผลอคิดว่า ฟิตเนสคลับ จะเป็นสถานที่ที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดี แข็งแรง อย่างเดียวล่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ถ้าไม่ระวังตัว ฟิตเนสคลับ สถานที่ซึ่งมีคนพลุกพล่านเข้ามาใช้บริการมากหน้าหลายตา และยังเป็นสถานที่ปิด จะกลายเป็นแหล่งสะสมและแพร่เชื้อโรคได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นคนจาม ไอ แล้วไปจับอุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือสิ่งของต่าง ๆ ในฟิตเนสคลับ ก็พาลจะแพร่เชื้อโรคให้เราอย่างไม่ทันตั้งตัว

ว่าแล้ว เรามาป้องกันเชื้อโรคในฟิตเนสคลับกันดีกว่า ด้วยเทคนิคดี ๆ เหล่านี้

1.พยายามรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ด้วยการล้างมือทุกครั้ง หลังจับอุปกรณ์ออกกำลังกาย เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หากไม่สามารถล้างมือได้ ก็พยายามเลี่ยงการนำมือไปจับหู จมูก ปาก หรือขยี้ตา

2.ผ้าเช็ดตัวก็สามารถแพร่เชื้อโรคได้อย่างดี หากไม่มั่นใจว่า ผ้าเช็ดตัวที่ฟิตเนสคลับเตรียมไว้บริการอบไม่แห้ง หรือทำความสะอาดไม่ดี ก็ควรนำผ้าเช็ดตัวไปเองจะดีกว่า และควรมีผ้าเช็ดตัวสองผืน ผืนหนึ่งเอาไว้ซับเหงื่อตามปกติ อีกผืนควรเอาไว้ปูลงบนเบาะ หรือฟูกของเครื่องออกกำลังกายก่อนจะใช้งาน เพื่อป้องกันเชื้อรา ที่จะทำให้มีอาการคันตามผิวหนังได้

3.ในห้องน้ำก็เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียเช่นกัน ดังนั้น ควรใส่รองเท้าฟองน้ำทุกครั้ง เมื่อเข้าห้องน้ำ ไม่ควรเดินเท้าเปล่าเด็ดขาด เพราะอาจติดเชื้อราที่เท้าได้

4.เบาะโยคะ ถือเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่มาจากเหงื่อได้อย่างดี หากฟิตเนสคลับนั้นไม่ดูแลรักษาความสะอาดอุปกรณ์ให้ดีพอ ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรนำเบาะส่วนตัวไปเองจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องพะวงว่า เบาะนั้นจะไม่สะอาด และอาจทำให้เกิดผื่นคันตามผิวหนังได้

5.หลังจากออกกำลังกายแล้ว ควรเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่ทุกครั้ง เพราะชุดชั้นในที่เต็มไปด้วยเหงื่อหลังการออกกำลังกาย มักจะอับชื้น และทำให้เกิดผดผื่น หรือสิวตามลำตัวได้

6.หากมีอาการป่วย ไอ จาม ก็ควรหาผ้าปิดปากมาป้องกันไว้ เพื่อไม่ให้เชื้อกระจายไปทั่วฟิตเนสคลับ ซึ่งเป็นสถานที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือหากใครที่มีไข้ ป่วยแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรไป เพราะอาจติดเชื้อเพิ่มได้

ได้เทคนิคดี ๆ แล้ว ป้องกันไว้สักนิดก็ดีเหมือนกันนะ

ระวังป่วยเพราะสารพิษในบ้าน
จะมีใครรู้บ้างว่า บ้านที่เราอาศัยอยู่นั้นก็ทำให้เราป่วยได้

ทั้งนี้เป็นเพราะสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมีอยู่ทั่วไปในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นบ้าน ผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้น จึงไม่ควรใช้พื้นยางในห้อง เพราะมีสารเจือจาง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น นาฬิกาปลุก วิทยุ ทีวี ควรตั้งอยู่ห่างจากเตียงอย่างน้อยที่สุดหนึ่งเมตร เพื่อจะได้รับรังสีให้น้อยที่สุด

เราควรป้องกันตัวเองให้ห่างจากสารเคมี รังสีจากไฟฟ้า หรือสารก่อภูมิแพ้ โดยเฉพาะในฟูก ผ้าห่ม หมอน ผ้าปูที่นอนมีไรฝุ่นประมาณ 10,000 ตัว ต่อฝุ่นหนึ่งกรัม สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ใช้ที่นอนชนิดพิเศษที่ป้องกันไรฝุ่น

ส่วนการกำจัดไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือละอองเกสรจากพื้นบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ก็คือ การใช้เครื่องดูดฝุ่นที่เรียกว่า HEPA-Filter (High efficiency Particular Air) ซึ่งจะช่วยกรองฝุ่นได้ถึง 99.95%

แปลกแต่จริง 12 ซี่ความรู้ เรื่องฟัน ๆ


แปลกแต่จริง 12 ซี่ความรู้ เรื่องฟัน ๆ

ไม่ปวดก็ไม่สำนึก นี่คือเรื่องจริงที่เรามักจะมองข้ามความใส่ใจดูแลเรื่องสุขภาพปาก ใครอยากมียิ้มสวยไปจนแก่ต้องรีบอ่านด่วน เพราะฟันซี่เดียว มันเกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิต และนี่คือเรื่องแปลกแต่จริง กับ 12 ซี่ความรู้เรื่องฟัน ๆ

1.โรคเหงือกเริ่มต้นมาจากอาการเหงือกอักเสบ

ซึ่งถ้ารักษาแต่เริ่มแรกก็จะหายขาดได้ อาการของเหงือกอักเสบคือ การบวม แดง และเหงือกนุ่ม เกิดเลือดออกเวลาแปรงฟัน ถ้าคุณพบอาการเหล่านี้ ให้พบทันตแพทย์ก่อนที่อาการจะลุกลามร้ายแรงขึ้น ระยะสุดท้ายของโรคเหงือกอาจนำไปสู่การต้องสูญเสียฟัน สุขภาพของเหงือกมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของคุณ งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้พบว่า มีความสัมพันธ์กันระหว่างโรคเหงือกชนิดหนึ่ง กับโรคภัยอื่น ๆ อาทิเบาหวาน หัวใจ และการคลอดก่อนกำหนด

2.อาการเสียวฟันเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

เหงือกของเราจะเริ่มร่นตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้บริเวณที่ไม่มีสารเคลือบฟันถูกเปิดออก ซึ่งบริเวณเหล่านี้จะเกิดอาการปวด เมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนหรือเย็น ในรายที่เป็นมาก อากาศเย็น หรืออาหารที่เปรี้ยวหรือหวานก็สามารถทำให้เกิดการเสียวฟันได้ ถ้าคุณมีอาการเสียวฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน และถ้ายังไม่หาย ควรพบทันตแพทย์ เพราะอาการเสียวฟันอาจเป็นสัญญาณของอาการร้ายแรงอื่น ๆ ได้ เช่นฟันผุ หรือฟันหัก/แตก

3.เลือกรับประทานอาหารที่มีความจำเป็นต่อเหงือกและฟัน

ผักผลไม้ที่มีความแข็งและเส้นใย ก็จะช่วยทำความสะอาดฟันและเนื้อเยื่อด้วย แต่อาหารที่มีความนุ่มและเหนียว มีโอกาสที่จะติดอยู่ตามซอกฟันและทำให้เกิดคราบแบคทีเรียได้ง่าย ทุกครั้งที่คุณรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มีแป้งและน้ำตาล แบคทีเรียจะทำให้เกิดกรดที่ทำลายฟันได้เป็นระยะเวลา 20 นาทีหรือนานกว่านั้น เพื่อที่จะลดความเสียหายต่อเคลือบฟัน ควรจำกัดความถี่ในการรับประทานอาหารว่างระหว่างมื้อ และควรจะเลือกรับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่น เนยแข็ง ผักสด โยเกิร์ต หรือผลไม้

4.น้ำอัดลม ตัวการสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปาก

สมาคมกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกประกาศเตือนถึงพิษภัยของการบริโภคน้ำอัดลม โซดา ว่าเป็นแหล่งสำคัญในการทำให้เกิดอาการฟันผุ เพราะกรดและกรดที่เกิดจากน้ำตาลในน้ำอัดลม จะไปทำให้สารเคลือบฟันอ่อนบางลง ซึ่งส่งผลให้เกิดการก่อตัวของฟันผุ ในกรณีร้ายแรง สารเคลือบฟันที่อ่อนบางลง ประกอบกับการแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี จะทำให้เกิดการผุกร่อนของฟัน ควรเปลี่ยนมาดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อย ๆ เช่น น้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ 100% และหลังจากดื่มน้ำที่มีรสหวาน ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเสมอ

5.การดูแลแปรงสีฟัน และการเปลี่ยนแปรงสีฟัน

แปรงสีฟันสามารถเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้หากปล่อยให้ก่อตัวขึ้น และเวลาผ่านไปอาจพัฒนาไปเป็นเชื้อที่ร้ายแรงขึ้นได้ หลังจากการใช้แปรงสีฟันทุกครั้ง ควรสะบัดแปรงอย่างแรงให้น้ำก๊อกไหลผ่าน และเก็บแปรงสีฟันให้อยู่ในลักษณะแนวตั้ง วางแปรงเอาหัวตั้งตรงเพื่อให้แปรงแห้งได้ง่าย ควรเก็บแปรงสีฟัน ไม่ให้แปรงสีฟันของคุณไปสัมผัสกับแปรงสีฟันของคนอื่น

จากการศึกษาพบว่า แปรงสีฟันที่มีการใช้งานมานานกว่า 3 เดือนจะมีประสิทธิภาพในการกำจัดคราบพลัคที่อยู่บนเหงือก และฟันได้ต่ำกว่าแปรงสีฟันอันใหม่ เพราะขนแปรงจะเริ่มหมดสภาพ และมีคุณภาพต่ำในการซอกซอนเข้าไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ของฟัน หลังจากที่ป่วย ติดเชื้อในช่องปาก หรือเจ็บคอ ควรเปลี่ยนแปรงสีฟัน เนื่องจากเชื้อโรคอาจยังหลงเหลือแอบซ่อนอยู่ตามขนแปรง และอาจนำไปสู่การติดเชื้อใหม่อีกครั้ง

6.แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เพื่อที่จะกำจัดคราบแบคทีเรีย หรือแผ่นฟิล์มเหนียวที่เกาะอยู่บนฟันของเราและทำให้เกิดฟันผุ

7.ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน

เพื่อกำจัดคราบแบคทีเรียระหว่างซอกฟัน และร่องเหงือก ก่อนที่มันจะจับตัวแข็งเป็นหินปูน เพราะเมื่อเกิดเป็นหินปูนแล้ว จะต้องอาศัยทันตแพทย์เท่านั้นที่จะเอาออกได้

8.จำกัดการรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล

โดยเฉพาะอาหารที่มีความเหนียว ยิ่งรับประทานบ่อยมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดโอกาสที่จะกรดในคราบแบคทีเรีย จะเข้ามาทำลายฟันเท่านั้น

9.รับประทานส้มทุกวัน

เพราะจะทำให้คุณได้รับวิตามินซี ซึ่งมีการวิจัยมาแล้วว่าจะช่วยลดอาการอักเสบบวมของเหงือก ที่มาของปัญหาทางช่องปากและฟัน

10.เคี้ยวหมากฝรั่งไร้น้ำตาล

ระหว่างเคี้ยวหมากฝรั่งจะมีน้ำลายออกมา จะช่วยล้างคราบกรดและทำให้เคลือบฟันแข็งแรง ควรแปรงฟันหลังดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรด แต่อย่าแปรงทันที ต้องทิ้งช่วงห่างอย่างน้อย 20 นาที

11.ใช้หลอดดูดกาแฟ หรือไวน์

ฟังดูแปลกหน่อย แต่เขาบอกว่าช่วยลดการทิ้งคราบลงบนฟันขาวได้ดี

12.พบทันตแพทย์ ทุก 6 เดือน เป็นประจำ

กินผักผลไม้ ตามทฤษฎีร้อน-เย็น


กินผักผลไม้ ตามทฤษฎีร้อน-เย็น
เพื่อปรับสภาพของร่างกายให้สมดุลกับสภาพของอากาศ ตามหลักการทฤษฎีร้อน-เย็น แห่งการแพทย์แผนไทยได้อธิบายไว้ว่า ผักผลไม้ที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น พริก ขิง ข่า กระชาย ตะไคร้ โหระพา กะเพรา เหล่านี้ จะกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกร้อน

ส่วนผักผลไม้ที่มีรสขม เย็น จืด เช่น มะระ แตงโม แตงกวา บวบ ตำลึง แค สะเดา ฟักเขียว จะมีฤทธิ์เย็นช่วยลดความดันโลหิต และยับยั้งความร้อนภายในร่างกาย ซึ่งสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า หลังจากที่ได้รับประทานผักผลไม้เหล่านั้นแล้ว เราจะรู้สึกเย็นสบายหายร้อน

ดังนั้นในช่วงเวลาที่อากาศร้อน ๆ อย่างนี้ ทางที่ดีเราจึงควรเลือกรับประทานแต่ผักผลไม้ ซึ่งมีฤทธิ์เย็นให้มาก ๆ เพื่อเป็นการช่วยป้องกันความร้อนของอากาศไม่ให้ทำอันตรายเราได้

เที่ยวเมืองไทย นำไปหักภาษีได้ กรณ์ กระตุ้นเที่ยวไทยฟื้น


เที่ยวเมืองไทย นำไปหักภาษีได้ กรณ์ กระตุ้นเที่ยวไทยฟื้น

หลังจากที่ประเทศไทยเกิดความขัดแย้งทางการเมืองจนนำไปสู่การชุมนุม และทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายคนในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาต่างชาติ ยังไม่กล้าที่จะวางแผนเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และคาดว่าการท่องเที่ยวที่หวังจะดึงนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติคงเป็นเรื่องยาก

ล่าสุด นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า ทางกระทรวงการคลังกำลังศึกษาเกี่ยวกับแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และดึงความเชื่อมั่นภาคการท่องเที่ยวกลับมา โดยเสนอให้ประชาชนที่ท่องเที่ยวและพักโรงแรมในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลจากการเดินทางไปเที่ยวไปหักภาษีเพิ่มเติมได้ ส่วนจะหักลดหย่อนได้รายละเท่าไร กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม นายกรณ์เชื่อว่ามาตรการดังกล่าว จะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

สงกรานต์ที่ผ่านมา เที่ยวไหนสนุกสุดๆ

ชะแว้บ... เผลอแป๊บเดียวก็กลับเข้ามาสู่สภาวะปกติกันแล้ว หลังจากได้หยุดยาวช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา (วันหยุดนี่ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ แฮะ) หลายคนเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด หลายคนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ กับครอบครัวบ้าง คนรักบ้าง และบ้างก็ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง (ไปเยอะๆ สนุกดี) แต่ก็มีบางคนที่เล่นน้ำสงกรานต์อยู่หน้าบ้านตัวเอง (อิอิ)

สำหรับสถานที่ที่แต่ละคนเลือกที่จะอยู่หรือท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นั้น ย่อมเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุก บวกกับความบันเทิงเริงใจใช่ไหมล่า...

สงกรานต์ที่ผ่านมา เที่ยวไหนสนุกสุดๆ

ชะแว้บ... เผลอแป๊บเดียวก็กลับเข้ามาสู่สภาวะปกติกันแล้ว หลังจากได้หยุดยาวช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา (วันหยุดนี่ช่างผ่านไปเร็วจริงๆ แฮะ) หลายคนเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด หลายคนเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ กับครอบครัวบ้าง คนรักบ้าง และบ้างก็ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง (ไปเยอะๆ สนุกดี) แต่ก็มีบางคนที่เล่นน้ำสงกรานต์อยู่หน้าบ้านตัวเอง (อิอิ)

สำหรับสถานที่ที่แต่ละคนเลือกที่จะอยู่หรือท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นั้น ย่อมเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุก บวกกับความบันเทิงเริงใจใช่ไหมล่า...

เล่นเกม ช่วยพัฒนาสมองได้จริงหรือ?

ใครชอบเล่นเกมบ้างงง...ยกมือขึ้น!!! อ่ะ อ่ะ เชื่อว่าเพื่อน ๆ ชาวไซเบอร์ส่วนใหญ่คงชอบเล่นเกมกันเป็นชีวิตจิตใจ ก็แหม...เกม เป็นกิจกรรมคลายเครียดที่ให้ความเพลิดเพลิน ฝึกไหวพริบ แถมยังได้ระบายความมันส์ในแบบฉบับของตัวเอง แล้วใครเล่าจะไม่ชอบ (หุหุ)...

จะว่าไป เกม มีมากมายหลายหลาก แต่ที่อยากจะแนะนำวันนี้ เป็นเกมดี ๆ จากแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด ที่ประกาศชวนคุณมาประลองความเป็นอัจฉริยะในโลกออนไลน์ผ่าน เกม BRAND’S Genius Exit เกมที่จะพาคุณไปสนุก พร้อมกับได้ฟิตสมองไปในตัว

ที่สำคัญ นอกจากจะได้สนุกและฝึกสมองแล้ว ยังได้ลุ้นของรางวัลสุดฮิปอย่าง iPod Touch ทุกสัปดาห์ และ Macbook Pro สำหรับผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดอีกด้วย

ทั้งนี้ เกม BRAND’S Genius Exit จะเกี่ยวกับการนำรถมากมายออกจากลานจอดรถ ซึ่งผู้เล่นต้องคิด จินตนาการ วิเคราะห์ และวางแผนล่วงหน้าว่า จะนำรถออกจากลานจอดรถได้อย่างไร และต้องจดจำการเคลื่อนย้ายของรถในแต่ละครั้ง เนื่องจากจะมีผลต่อการเคลื่อนรถในครั้งต่อ ๆ ไป โดยมีเงื่อนไขของเวลา และอุปสรรคต่าง ๆ เป็นตัวกำหนด ถือว่าเป็นเกมที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นไม่น้อยเลย

"การฝึกฝนและพัฒนาสมองนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอะไรที่ซีเรียส ๆ เสมอไป อย่างเกมส์ BRAND’S Genius Exit นั้นถือเป็นเกมส์ที่ฝึกกระบวนการคิดได้เหมือนกัน" คำยืนยันจาก หนูดี วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง Genius Guide ของแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด

ศูนย์แพทย์พัฒนาฯ

ศูนย์แพทย์พัฒนาฯ
โครงการส่วนพระองค์ "ศูนย์แพทย์พัฒนา"

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรทุกแขนงอาชีพ จึงทรงพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้งบริษัท บ้านบึงเวชกิจ จำกัด เพื่อบริหารงานคลินิกขึ้น พระราชทานนามว่า "ศูนย์แพทย์พัฒนา" พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องเมือแพทย์อันทันสมัย และ "รูปกากบาทสามมิติ" ให้เป็นสัญลักษณ์ของศูนย์แพทย์แห่งนี้

ศูนย์แพทย์พัฒนา จึงเป็นโครงการหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นตามแนวทางพระราชดำริ บนเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม เขตวังทองหลาง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ท่านองคมนตรี พล.ร.ต.มล.อัศนี ปราโมช เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ ณ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๔ และในวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จที่คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อทรงเจิมสิริมงคล บนแผ่นศิลาจำลอง ณ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา

ศูนย์แพทย์พัฒนามิใช่จะเป็นที่รวมแต่เฉพาะแพทย์เท่านั้นผู้ประกอบการอาชีพต่างๆ เมื่อได้ทราบถึงปณิธานอันแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้ตกลงร่วมมือร่วมใจกันสรรค์สร้างสถานพยาบาลแห่งนี้จนเสร็จสมบูรณ์ด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง สถาปนิก มจ.ตรีทศยุทธ เทวกุล เป็นผู้ออกแบบถวาย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๓๕ โดยบริษัทคริสเตียนนี เนลสัน จนแล้วเสร็จ และทดลองปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๕ เป็นต้นมา

จากแนวพระราชดำริในลักษณะ ๓ ประสาน "บ้าน-วัด-โรงเรียน" หรือเรียกโดยย่อว่า "บวร" เป็นการนำจุดเด่นที่มีอยู่ในสังคมไทยมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในลักษณะ ที่มีการพึ่งพาอาศัย เกื้อกูล ซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในที่สุดการร่วมมือทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อประโยชน์แก่สังคมในลักษณะที่เกี่ยวข้องกัน พึ่งพาอาศัยกันนั้น กล่าวคือ บ้าน เป็นแหล่งพักพิงของสมาชิกในครอบครัว วัด เป็นศาสนสถานในการฝึกอบรมตนเองของพระสงฆ์ เป็นที่เผยแพร่พระธรรมคำสอนในพุทธศาสนา โรงเรียนเป็นที่ฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปชุมชนที่อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี มีสวัสดิการทางสังคม คือศูนย์แพทย์พัฒนา ช่วยให้การดูแล ให้คำแนะนำรักษาผู้ป่วยในโรคทั่วไป และเฉพาะทางทุกระบบ ด้วยเครื่องมือทันสมัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาจำนวนหนึ่งที่มาถวายการรักษาพระองค์ที่สวยจิตรลดานั้น ช่วงเว้นจากการเข้าเวรตามเสด็จหรือถวายการรักษา น่าจะมาช่วยเหลือราษฎรบริเวณนี้และชุมชนใกล้เคียงศูนย์แพทย์พัฒนา จึงมีแพทย์ผู้รักษาส่วนหนึ่ง เป็นแพทย์ซึ่งเคยตามเสด็จหรือเคยถวายการรักษาส่วนพระองค์ และส่วนหนึ่งคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกมาแล้ว โดยมีหลักการและเหตุผลของศูนย์แพทย์พัฒนาแห่งนี้คือ เป็นสถานที่ประกอบอาชีพสำหรับแพทย์โดยอิสระ เพื่อดำรงไว้ซึ่งจรรยาบรรณ โดยมิต้องถูกเบียดเบียนโดยนายทุน แต่ในเหตุผลดังกล่าวนั้น ศูนย์แพทย์พัฒนาต้องสามารถมีรายได้เพื่อดำเนินกิจการต่อไปได้ด้วย ยึดนโยบายหลักกล่าวคือ ดำเนินการในรูปของบริษัทจำกัด ทำกิจการป้องกันและรักษาพยาบาล เพื่อชีวิตที่ดีทั้งผู้ให้และผู้รับริการ นำมาซึ่งการพัฒนาและขยายกิจการตามสมควร ขณะนี้มี พล.ต.นพ.เชิดชัย เจียมไชยศรี ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

ศูนย์แพทย์พัฒนา เป็นคลินิกขนาดใหญ่ (Super Clinic) ที่มีความพร้อมในด้านการช่วยชีวิตผู้ป่วยที่มีเหตุฉุกเฉิน (Emergency Resuseitatons) ได้รับหนึ่ง โดยมีทีมงานจากโรงพยาบาลกรุงเทพคอยให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการส่งต่อผู้ป่วยเป็นอย่างดีทั้งยังเป็นศูนย์รวมแพทย์และทันตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยและรักษาโรคทุกระบบประกอบไปด้วย

แผนกอายุกรรมอายุกรรมทั่วไป โรคปอด หัวใจ ไต ผิวหนัง และเบาหวานแผนกศัลยกรรมศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมกระดูก และศัลยกรรมประสาทแผนกสูตินรีเวชแผนกกุมารเวชแผนกจิตเวชแผนกทันตกรรมแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูแผนกไตเทียมมีห้องผ่าตัดสำหรับทำผ่าตัดตา เครื่องมือตรวจวินิจฉัยเลือก เอ็กซ์เรย์ เอ็กซ์เรย์ฟัน อัลตร้าซาวด์ เครื่องตรวจสมรรถภาพหัวใจ เครื่องไบโอแบคฟิดแบค และเครื่องล้างไต อันทันสมัย พร้อมให้บริการ

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอัจฉริยะภาพและพระราชวิสัยทัสน์ในเรื่องของการพัฒนา การบริหารในด้านต่าง ๆ ทุกครั้งที่ทรงเสด็จแปรพระราชฐานในต่างจังหวัดพระองค์ทรงโปรดให้ หน่วยแพทย์พระราชทานที่ตามเสด็จไปด้วยนั้น นอกจากจะบริการด้านการแพทย์แก่ขบวนผู้โดยเสด็จพระราชดำเนินแล้ว ยังทรงให้ช่วยตรวจรักษาราษฎรผู้เจ็บป่วย ที่มาขอรับพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ และยังโปรดให้เผยแพร่ความรู้ด้านสุขอนามัย ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสืบมา

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ กระทรวงการคลังจึงกำหนดให้คลินิกแพทย์พัฒนา อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่วนพระองค์ดำเนินการในรูปของบริษัทเอกชน เป็นสถานพยาบาลของทางราชการ ตามหนังสือจากกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค. ๐๕๐๓.๒/ ว.๑๓๗ ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. ๒๕๓๒ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันสดุดี ถวายพระพรชัย ยกยอ่งเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม