วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ของหวานอร่อยแบบมีสไตล์ After You Dessert Cafe


ของหวานอร่อยแบบมีสไตล์ After You Dessert Cafe
คราวที่แล้วหนูแจ่มพาไปนั่งทานไอศกรีมแก้ร้อนมากันแล้วนะคะ แต่ก็อย่างว่าเป็นคนชอบชิมเลยต้องหาร้านใหม่ ๆ มาแนะนำอีกนะคะ และเหมือนเดิมต้องขอบคุณ "น้ำตาลมิตรผล" สปอนเซอร์ใจดีเจ้าเดิมที่พาไปชิมร้านอร่อยอีกแล้ว คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นขนมบ้าง กับร้าน After You Dessert Cafe เห็นในเว็บไซต์มีคนแวะมาชิมที่ร้านนี้มากมาย หนูแจ่มไม่ขอน้อยหน้าไปลุยกันมั่งดีกว่า เผื่อมีใครถามจะได้โม้ว่าได้เรานั้นไปมาแล้ว

ปกติเมนูดังสำหรับร้านนี้จะเป็น "Shibuya Honey Toast" ขึ้นชื่อว่าใครที่แวะมา After You ก็ต้องขอชิม แต่หนูแจ่มเห็นมีคนพูดถึงกันเยอะแล้ว ไม่อยากซ้ำใคร เลยขอเปลี่ยนเป็นอีกเมนูที่ทางร้านแนะนำอย่าง "วาฟเฟิลสตรอเบอรี่" บ้างแล้วกันนะ

เมนูนี้เป็นวอฟเฟิลชิ้นใหญ่ยักษ์ที่เสิร์ฟพร้อมสตรอเบอรี่ลูกโต และไอศกรีมวานิลลาเย็นเจี๊ยบโรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์ หน้าตาสวยงามอลังการน่าทานจริง ๆ แป้งที่ใช้ทำวาฟเฟิลของเขากรอปนุ่มอร่อยดี ทานไปนี่ละลายบนลิ้นเลย แต่ถ้าจะให้อร่อยกยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับไอศกรีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาคู่กันถือว่าลงตัวเลยนะ นอกจากนั้น ยังมีวิปครีมกับวิปบัตเตอร์อีกด้วย อย่างหลังนี่น้องพนักงานที่ร้านบอกว่าเป็นเนยรสจะออกมัน ๆ และมีรสเค็มนิดหน่อยแต่ก็อร่อยดีค่ะ

สำหรับเมนูนี้ ทางร้านยังเสิร์ฟพร้อมน้ำเชื่อมกลิ่นเมเปิ้ลและซอสสตรอเบอรี่ให้เลือกทานตามชอบด้วยนะคะ หรือถ้าจะลองทานโดยใช้ "มิตรผลไซรัป" อย่างเดียวก็ได้นะ เพราะนอกจากความหวานแล้วยังได้กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติด้วยเช่นกัน





วาฟเฟิลสตรอเบอรี่ของเขาชิ้นใหญ่จริง ๆ ค่ะ ทานไปแค่ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้ว เลยเปลี่ยนมาลองเครื่องดื่มกันบ้างนะ ทางร้านแนะนำตัวนี้มาค่ะ "มัชชะลาเต้" ชาเขียวเย็นรสชาติชื่นใจที่ใส่นมพร้อมด้วยท็อปปิ้งวิปครีมโรยผงชาเขียวเพิ่มความหอมหวานมันเข้าไปอีก แก้วนี้ดื่มแล้วได้ทั้งรสชาติของชาเขียวสดชื่น รวมทั้งความกลมกล่อมของนมที่เข้ากันกับตัวชาได้อย่างเหมาะเจาะเหมือนกิ่งทองใบหยก

สำหรับเครื่องดื่มถ้าใครชอบทานหวานหน่อยก็เพิ่มไซรัปใส่เข้าไปได้นะคะ นึกถึงเวลาที่เราไปร้านกาแฟเขาก็จะมีไซรัปไว้ให้บริการ แต่อย่าลืมใช้ "มิตรผลไซรัป" นะคะ เพราะทำมาจากน้ำอ้อยธรรมชาติ ไม่ต้องเติมมากก็หวานแล้ว "มิตรผลไซรัป" เพียงแค่ 1.5 ช้อนชา ให้ความหวานได้เท่ากับน้ำตาลถึง 2 ช้อนชาเลยล่ะ
สำหรับร้าน After You Dessert Cafe แค่สองเมนูนี้ก็อิ่มแล้วจนจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ แถมแอร์ในร้านก็เย็นฉ่ำนั่งสบายจนไม่อยากลุกออกจากร้าน นั่งไปนั่งมาเกือบเผลอหลับไปแนะ น้อง ๆ พนักงานที่ร้าน เล่าให้ฟังว่าคุณ "เมย์" เจ้าของร้านเป็นคนชอบทำขนมมาก ๆ แถมยังเขียนหนังสือ "May Made" ภายในเล่มเต็มไปด้วยสูตรขนมหวานสุดครีเอตมากมายที่เอาไปทำเองได้เลยที่บ้าน ว่าไปก็เหมือนเหมือนกับ Facebook ของน้ำตาลมิตรผลนะคะ ที่มีสูตรความอร่อยพร้อมให้เพื่อน ๆ ลองเอาไปทำเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ลองเข้าไปดูกันเลยที่ www.facebook.com/sugarinspiration แล้วจะได้พบกับแรงบรรดาลใจในการเพิ่มความหวานให้กับชีวิตมากมายเลยนะคะ

ชมพระอาทิตย์ตก ถ้ำพระนาง จ.กระบี่


ชมพระอาทิตย์ตกได้จากในถ้ำที่ถ้ำพระนาง จ.กระบี่ (ททท.)

มุมมองพระอาทิตย์ตกจากในถ้ำก็สวยได้ไม่เหมือนใคร และต้องไปพิสูจน์คือพระอาทิตย์ตกที่ถ้ำพระนาง

มุมอัศจรรย์มุมนี้ต้องเดินลึกเข้าไปจนสุดชายหาด อันเป็นที่ตั้งของ ถ้ำพระนาง ด้วยเป็นที่สถิตของพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวเรือแถบนี้เคารพสักการะ มุมมองนี้เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด คือเมื่อเข้าไปอยู่ภายในถ้ำมองออกมาจะเห็น ปากโพรงถ้ำมีหินย้อยลงมาเป็นฉากระย้าสวยงาม มีท้องทะเลกว้างและเกาะน้อยใหญ่เรียงราย ในยามพระอาทิตย์ตกจะเป็นมุมมองสวยงาม แปลกตา น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย
ช่วงเวลาที่ดีที่สุด : ช่วงพระอาทิตย์ตก คือประมาณ 18.00 น.
ฤดูกาลที่ดีที่สุด : ฤดูร้อนราวเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม
จุดชมวิวที่ดีที่สุด : ด้านในของถ้ำพระนาง

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บอกลาโคเลสเตอรอลด้วยอาหาร


ว่าใครก็ตามที่กำลังมีปัญหา "โคเลสเตอรอล" สูงฟังทางนี้เลย เพราะเราสามารถลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน และโรคหัวใจขาดเลือด ได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่เลือกทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเท่านั้น เอ้า...อยากรู้ว่า ควรจะทานอะไร อย่างไรดี จึงจะช่วยป้องกันและลดระดับ "โคเลสเตอรอล" ในเลือดได้ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มากระซิบบอกกัน


1. ทาน "โคเลสเตอรอล" ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม

ไข่แดงเอย เครื่องในเอย ไขมันสัตว์เอย ล้วนเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย "โคเลสเตอรอล" แน่นอนว่า อาหารเหล่านี้เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน จะให้ห้ามทานเลยอาจดูใจร้ายไปเสียหน่อย แต่หากหลีกเลี่ยงได้ หรือทานในปริมาณที่น้อยเข้าไว้ ไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัม จะดีที่สุด หรือหากใครชอบทานไข่มาก ก็แนะนำให้ทานเฉพาะไข่ขาว เพราะไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล ที่จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้น

2.หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

ไม่ว่าจะเป็น กะทิ ไขมันจากสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมัน หรือไขมันทรานส์ ที่มีมากในเนยขาว เนยเทียม ครีมเทียม อาหารฟาสต์ฟู้ด คุ้กกี้ ขนมกรุบกรอบ อาหารเหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทั้งนั้น หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อระดับ "โคเลสเตอรอล" สูงขึ้นเมื่อไร โรคหัวใจมาเคาะประตูถามหาถึงหน้าบ้านแน่นอน

3.ทานอาหารจำพวกเส้นใย หรือไฟเบอร์ให้มาก ๆ

รู้ไหมว่าอาหารที่มีเส้นใย หรือไฟเบอร์มาก ๆ อย่าง ข้าวโอ๊ต ถั่ว แอปเปิ้ล ลูกพรุน มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ ฯลฯ เส้นใยในอาหารเหล่านี้ จะไปช่วยดูดซับโคเลสเตอรอลที่ปนอยู่ในน้ำดีในลำไส้ ทำให้สามารถผลักดัน "โคเลสเตอรอล" ออกไปจากร่างกายพร้อมกับอุจจาระได้โดยง่าย

4.ทานปลาทะเล

โอเมกา-3 จากปลาทะเล ถือเป็นสุดยอดอาหารช่วยลดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ในเส้นเลือด แถมยังลดโอกาสในการเกิดภาวะเลือดจับตัวกันเป็นลิ่ม หรือที่เรียกว่าอุดตันในเส้นเลือดได้อีก คุณสมบัติเหล่านี้จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจได้อย่างดี รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามองข้ามปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ฯลฯ ไปเสียล่ะ

5. ทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงโดยสม่ำเสมอ

อย่าเพิ่งขมวดคิ้วทำหน้าสงสัยว่า การทานอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงแล้ว จะช่วยลด "โคเลสเตอรอล" ได้อย่างไร เชื่อเถอะว่า หลายคนยังไม่ทราบว่า อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงนี่แหละ อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นอย่างกรดไลโนเลอิค และกรดอัลฟาไลโนเลอิค ซึ่งจะช่วยให้ "โคเลสเตอรอล" มีการเผาผลาญที่ตับมากขึ้น จึงช่วยลดปริมาณ "โคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี" หรือ LDL ได้อย่างดีเยี่ยม ที่สำคัญยังช่วยเพิ่ม "โคเลสเตอรอลชนิดดี" หรือ HDL ไปพร้อม ๆ กันด้วย


ว่าแล้วก็รีบไปหา อาหารที่มี "กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง" อย่างเช่น น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันทานตะวัน มาทานกันจะดีกว่า เพราะหาซื้อง่าย และราคาไม่แพง จะได้ไม่ต้องจ๊ะเอ๋กับโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอุดตันยังไงล่ะ!!!

วันแม่แห่งชาติ.. มาบอกรักแม่กันเถอะ



ใกล้ถึงวันที่เด็กๆ จะได้ยินเสียงเพลง "ค่าน้ำนม" กันอีกครั้ง แต่สำหรับใครที่ล่วงเลยวัยเด็กมานานปี แม้ไม่ได้ยินมานาน... แต่เชื่อว่าแค่นึกถึง โน้ตเพลงนี้ก็ก้องกังวานอยู่ในหูแล้วล่ะ (จริงไหมคะ)

เมื่อพูดถึงวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ก็พาให้นึกถึงกิจกรรมดีๆ พิเศษๆ ที่คุณลูกตั้งใจทำให้คุณแม่ ลูกชายมักมอบดอกไม้ หรือพวงมาลัย(ประมาณว่าเขิน) ส่วนลูกสาวอาจเกี่ยวก้อยคุณแม่ไปช้อปปิ้งตามภาษาผู้หญิงๆ บ้างเป็นครอบครัวใหญ่ก็พากันไปทานข้าวนอกบ้าน น้องๆ วัยเรียนหลายคนเลือกการ์ดใบน้อยสื่อรัก แต่ที่ฮอตฮิตแถมไม่เสียกะตังค์ก็ต้องนี่เลย... แค่เดินไปหอมสักฟอด กอดแน่นๆ แล้วบอกว่ารัก... แค่นี้ รับรองคุณแม่ยิ้มแก้มปริ (คอนเฟิร์มค๊า อิอิ)

เอ...ว่าแต่ นี่ก็ถึงวันแม่แล้ว อยากชวนเพื่อนๆ มาบอกรักแม่กันให้กระทู้นี้ฉ่ำไปด้วยความรู้สีกดี ของคุณลูกๆ ทั้งหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

5 วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน


5 วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน

วิธีง่าย ๆ ป้องกันเชื้อราที่มากับหน้าฝน (Woman's Story)

เมื่อมีฝน สิ่งที่ตามมาก็คือความเปียกชื้นแล้วก็เชื้อรานะคะ เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้เชื้อรารุกล้ำเข้ามาทำร้ายก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ หลังจากไปโดนฝนมาค่ะ ซึ่งวันนี้ก็มีเกร็ดความรู้ในเรื่องนี้มาแนะนำให้เอาไปใช้กันค่ะ


1.ยกเท้าสูงเข้าไว้

เวลาเดินลุยน้ำขัง ไม่ควรเดินให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะอาจไปเดินไปเตะโดนของมีคม หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดแผลได้ ซึ่งเมื่อเกิดแผลก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

2.ทำความสะอาดทันที

เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบถอดรองเท้า ถุงเท้าออก และทำความสะอาดโดยใช้สบู่ฟอกให้ทั่วตรงบริเวณที่โดนน้ำ โดยเฉพาะซอกนิ้ว ซอกเล็บ ล้างให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง และทาแป้งบนหลังเท้าจะช่วยทำให้เท้ารู้สึกสบายไม่อับชื้น

3.อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เพื่อไม่ให้เป็นการหมักหมมของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำ ให้รีบอาบน้ำชำระล้างร่างกายทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน แต่ถ้าไม่สามารถอาบน้ำได้ ก็ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แทนได้ จะได้ไม่เป็นหวัด

4.สระผมให้สะอาด

เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคที่มากับฝนก็ควรสระผมให้สะอาด และควรรอให้แห้งก่อนเข้านอน ไม่อย่างนั้นอาจเป็นรังแคหรือเชื้อราได้

5.เตรียมพร้อมรับมือเสมอ

เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝนควรพกร่มติดตัวไว้เสมอ พร้อมทั้งดูแลตัวเองให้อับชื้นน้อยที่สุด จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อราได้มากขึ้น

สินค้าคุณภาพของฝรั่งเศส

สินค้าคุณภาพของฝรั่งเศส

ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรกลับไปเป็นของที่ระลึก นอกจากของเล็กๆ น้อยๆ แล้ว คุณน่าจะต้องหาซื้อสินค้าคุณภาพที่ผลิตในฝรั่งเศส ซึ่งรับรองได้ว่าไม่มีที่ใดเหมือนแน่นอน ในสมัยก่อนหมู่บ้านแต่ละแห่งในฝรั่งเศสมีช่างทำรองเท้า ช่างปั้นเครื่องถ้วยชาม หรือช่างทอผ้า ซึ่งผลิตผลงานฝีมือของตนเองออกมาขาย เมื่อเวลาผ่านไป ข้าวของเครื่องใช้หรือแม้แต่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ก็ดูจะเหมือนๆ กันกับของที่อื่น ไม่มีเอกลักษณ์ของตน แต่โชคดีที่ยังมีข้อยกเว้นสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่าง...


ผลิตภัณฑ์คุณภาพของจริง

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สินค้าฝรั่งเศสบางอย่างเป็นที่นิยมสืบเนื่องกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผลิตภัณฑ์ของฝรั่งเศสแท้ๆ เหล่านี้ถ้าไม่สวยจับตาก็มีประโยชน์ใช้งานได้ดี แต่ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง เช่น เสื้อสำหรับออกทะเลจากแคว้นเบรอตาญ ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อแน่นเป็นพิเศษจนสามารถกันน้ำฝนได้ มีดจากเมืองลักโยล (Laguiole) หรือเมืองโอปีแนล (Opinel) ซึ่งที่จริงเป็นมีดพกประจำตัวของชาวชนบทสมัยก่อน แต่ปัจจุบันได้กลับกลายมาเป็นของหรู หรือตุ๊กตาจากแคว้นโปรวองซ์ ที่ช่างจะบรรจงลงสีด้วยมือทุกตัวและใช้สำหรับประดับฉากคริสตสมภพในวันคริสต์มาส

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่คุณจะได้เห็นเมื่อเวลาคุณไปเดินเล่นชมเมืองต่างๆ ของฝรั่งเศส

ถ้าคุณสนใจผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาฝรั่งเศสแท้ๆ ที่มีอยู่อีกมากมาย คุณสามารถเยี่ยมชมการผลิตได้ตามร้านหรือโรงงานต่างๆ ซึ่งมักจะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้เข้าชมอย่างใกล้ชิดฟื้นฟูของดีในอดีต

ของดีที่เกิดจากมันสมองของคนรุ่นเก่าได้กลับกลายมาเป็นกระแสความนิยมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดานักออกแบบหัวก้าวหน้าในปัจจุบันต่างก็พากันกลับไปฟื้นฟูกระบวนการผลิตแบบเก่าๆ ตลอดจนนำวัสดุอุปกรณ์ที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะได้พบเห็นอีก มาประกอบผลงานของตน

นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูของดีในอดีตแล้วยังมีการประยุกต์ภูมิปัญญาเก่าๆ ให้มาเข้ากับแนวสร้างสรรค์ยุคใหม่ เช่น ช่างเสื้อและนักออกแบบชั้นแนวหน้ากับช่างฝีมือเอกด้านศิลปะการตกแต่งโต๊ะอาหารแบบฝรั่งเศสแท้ๆ มาร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ และในขณะเดียวกันก็ดำรงไว้ซึ่งความประณีตที่สั่งสมมาจากประสบการณ์อันยาวนานในอดีต ดังนั้นถ้ามีเวลา คุณควรหาโอกาสไปเยี่ยมชมแห่งผลิตแบบนี้


ธุรกิจความหอม


ลองคิดถึงหลอดน้ำหอม 6,000 หลอด วางเรียงรายกันอยู่จนลานตา แต่ละหลอดมีกลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ และส่งกลิ่นขจรขจายไปใกล้ไกลไม่เท่ากัน รอให้นักผสมน้ำหอมหรือที่เรียกกันว่า คุณจมูก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีพรสวรรค์โดยเฉพาะมาเลือกกลิ่นนั้นกลิ่นนี้ แล้วผสมออกมาให้หอมซึ้งที่สุด และถ้ากลิ่นนั้นสมบูรณ์แบบจนเป็นที่นิยม ก็จะขจรไปได้รอบโลกเลยทีเดียว

คุณจะไปเดินเที่ยวชมตลาดนัดตุ๊กตาดินเผาที่แคว้นโปรวองซ์-อัลป์-โกต ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d’Azur)
คุณอยากไปค้นหาของดีจากภูมิปัญญาเก่าๆ ที่แคว้นโอแวร์ญ (Auvergne)
คุณสนใจชมแหล่งผลิตน้ำหอมที่แคว้นโกต ดาซูร์ (Côte d’Azur)

ประวัติ เชิด ทรงศรี (Cherd Songsri)

เชิด ทรงศรี เป็นชาวนครศรีธรรมราช เริ่มงานด้วยการแกะสลักตัวหนังตะลุงขาย เมื่อจบการ ศึกษาได้เป็นครูอยู่โรงเรียนประจำตำบลบ้านม่วงเจ็ดต้น 1 กิ่งอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนกลางป่า หลังจากนั้นเข้าทำงานที่องค์การ ร.ส.พ. โดยเป็นบรรณาธิการนิตยสารยานยนต์ ของ ร.ส.พ. นิตยสารชีวิตใหม่รายสัปดาห์ และวารสารทัศนาจร ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจาก ร.ส.พ. คือ รักษาการหัวหน้าส่วนทัศนาจร จากนั้นเข้าเป็นบรรณาธิการนิตยสารภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Movie and TV Weekly) และเป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ “หลักเมือง” รายวัน (ยุคใหม่)

เชิด ทรงศรี เริ่มเขียนนวนิยาย-เรื่องสั้น ตั้งแต่ยังทำงานอยู่ที่ ร.ส.พ. แต่มาเขียนอย่างจริงจังหลังจากลาออกจากงานประจำทุกแห่ง โดยมีทั้งเรื่องสั้น สารคดี บทความ บทละครวิทยุ-โทรทัศน์ และบทวิจารณ์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังแต่งเพลงร้อง, เพลงประกอบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ด้วย

เขาสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง “โนห์รา” เป็นภาพยนตร์ระบบ 16 มม. ใช้เสียงพากย์ โดยใช้ทุนทรัพย์ของตนเอง และยังเขียนบทภาพยนตร์ ออกแบบฉาก ลำดับภาพ แต่งเพลงประกอบ กำกับการแสดง และทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยตนเอง ปรากฏว่าเป็นภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดในปีที่นำออกฉาย ส่วนภาพยนตร์ 16 มม. เรื่องสุดท้ายที่สร้างคือ “พ่อปลาไหล” เป็นภาพยนตร์ตลกและยังเป็นภาพยนตร์ 16 มม.ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศไทย

หลังจากประสบความสำเร็จทางรายได้จาก “พ่อปลาไหล” เชิด ทรงศรี ได้เดินทางไปฮอลลีวู้ด เพื่อศึกษาวิชาการภาพยนตร์เพิ่มเติมที่ยูซีแอลเอ ได้ฝึกงานกำกับฯและเขียนบทกับ วอลเตอร์ ดอนนิงเจอร์ ที่โรงถ่ายเบอร์แบงค์ แล้วกลับมาสร้างภาพยนตร์ระบบ 35 มม. เริ่มด้วยเรื่อง “ความรัก”

ช่วงที่อยู่อเมริกา 4 เดือน ได้เห็นสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ถูกแยกให้ออกไปอยู่กันตามลำพังจึงเกิดความสำนึกถึงคุณค่าของความเป็นไทยที่ลูกหลานจะช่วยกันดูแลปู่ ย่า ตา ยาย ด้วยความเคารพรักและกตัญญู จึงได้คิดสร้างหนังที่แสดงออกถึงความเป็นไทย แต่ด้วยเหตุผลทางด้านแนวทางของหนังซี่งไม่เป็นที่นิยมของตลาด จึงต้องสร้างหนังเรื่อง “ความรัก” และ “พ่อไก่แจ้” ก่อนเพื่อใช้กำไรจากหนังทั้งสองเรื่องนี้เตรียมไว้สร้างและพร้อมที่จะขาดทุนกับหนังที่อยากสร้าง ซึ่งให้ชื่อเรื่องว่า “แผลเก่า” และตั้งสโลแกนคู่กับหนัง อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า “เราจักสำแดงความเป็นไทยต่อโลก” โดยขณะที่สร้างหนังเรื่องนี้ ไม่มีผู้ค้าภาพยนตร์รายใดยอมซื้อหนังเรื่องนี้เลย

แต่เมื่อ “แผลเก่า” ฉาย ปรากฏว่าทำรายได้สูงสุดของภาพยนตร์ทุกเรื่อง ทุกระบบ ทุกชาติ นับตั้งแต่เคยมีภาพยนตร์ฉายในเมืองไทยเป็นต้นมาจนถึงขณะนั้น และในปี พ.ศ. 2524 “แผลเก่า” ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์จากการประกวดภาพยนตร์ในงาน Festival des 3 Continents ณ เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้นได้รับรางวัลบทประพันธ์ยอดเยี่ยมและรางวัลเครื่องแต่งกายและแต่งหน้ายอดเยี่ยมจากการประกวดในประเทศ ตลอดจนได้รับโล่เกียรติยศภาพยนตร์ที่เชิดชูเอกลักษณ์ไทยยอดเยี่ยมจาก ฯพณฯพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 “แผลเก่า” ได้รับเลือกจาก Museum of Moving Image in London นิตยสาร Sight and Sound และผู้กำกับภาพยนตร์และนักวิจารณ์ภาพยนตร์จากทั่วโลก ให้เป็น 1 ใน 360 ภาพยนตร์คลาสสิคของโลกอีกด้วย นอกจากเรื่อง “แผลเก่า” แล้ว ผลงานการกำกับของ เชิด ทรงศรี เรื่อง “อำแดงเหมือนกับนายริด” ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกเป็น Opening Film ในงานมหกรรมภาพยนตร์ Focus on Asia 1994 Fukuoka International Film Festival และได้รับเลือกฉาย ณ โรงภาพยนตร์ Art House “Iwanami Hall” และโรงในเครือ ทั่วประเทศญี่ปุ่น

นอกจากจะมีผลงานด้านการกำกับภาพยนตร์อันเป็นที่ยอมรับในระดับสูงทั้งในประเทศและในระดับสากลแล้ว เชิด ทรงศรี ยังเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในด้านอื่นๆของแวดวงภาพยนตร์ไทยมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติถึงความรู้ ประสบการณ์และความ สามารถจนได้รับเชิญเป็นกรรมการตัดสินการประกวดภาพยนตร์นานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2540 เขายังได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นอาเซียน สาขาสนเทศ ด้านภาพยนตร์ ด้วย

ผลงานภาพยนตร์จนถึงปัจจุบันของ เชิด ทรงศรี มีด้วยกันทั้งสิ้น 18 เรื่อง คือ โนห์รา, เมขลา, อกธรณี, พญาโศก, ลำพู, คนใจบอด, พ่อปลาไหล, ความรัก, พ่อไก่แจ้, แผลเก่า, เลือดสุพรรณ, เพื่อน – แพง, พลอยทะเล, ทวิภพ, คน – ผู้ถามหาตนเอง, อำแดงเหมือน กับ นายริด, เรือนมยุรา และ ข้างหลังภาพ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสี่ผู้กำกับภาพยนตร์เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีอาเซียน เรื่อง “Southern Winds” (เป็นภาพยนตร์ออมนิบุส 4 เรื่อง กำกับโดยผู้กำกับฯจากประเทศอาเซียน 3 คน คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และผู้กำกับฯชาวญี่ปุ่นร่วมด้วยอีก 1 คน)

หญิงญี่ปุ่นแชมป์อายุยืนที่สุดในโลก


หญิงญี่ปุ่นแชมป์อายุยืนที่สุดในโลก
ประเทศญี่ปุ่นได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชาติที่ผู้หญิงมีอายุขัยยืนยาวมากที่สุดในโลก ซึ่งครองแชมป์มากว่า 20 ปี แล้ว ล่าสุดญี่ปุ่นมีสถิติอายุเฉลี่ยใหม่ ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าเดิม

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาวขึ้น 4 เดือน เฉลี่ยอายุ อยู่ที่ 86.44 ปี ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าปี 2552 ถึง 4 เดือน ส่งผลให้ญี่ปุ่นครองแชมป์ประเทศที่ผู้หญิงอายุชีวิตเฉลี่ยสูงสุดในโลก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นอายุยืนยาว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสุขภาพของคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีคอเลสเตอรอลต่ำ ไม่ค่อยเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ

ส่วนผู้หญิงที่มีอายุยืนยาวอันดับ 2 คือ ฮ่องกง เฉลี่ยอายุ 86.1 ปี และตามมาด้วยประเทศฝรั่งเศส เฉลี่ยอายุ 84.5 ปี

ขณะที่ผู้ชายญี่ปุ่นอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 79.59 ปี ซึ่งได้อันดับ 5 ประเทศ ที่เพศชายมีอายุสูงสุดในโลก ส่วนอันอับ 1 คือ กาตาร์ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 81 ปี ตามปี ฮ่องกง อันดับ 2, ไอซ์แลนด์ อันดับ 3 และสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 4

แด่...คนไม่ชอบ ผัก


แด่...คนไม่ชอบ ผัก


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบทาน "ผัก" เรามีทางออกง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณกลืนผักได้คล่องคอมากขึ้นมาฝากกันค่ะ

ค้นหาผักที่คุณชอบ

ในโลกนี้มีผักอยู่หลากหลายชนิด ลองค่อย ๆ ค้นหาผักที่คุณชื่นชอบดูไม่ว่าจะอยู่ในรูปของผักดอง แช่แข็ง หรือแม้กระทั่งบรรจุในกระป๋อง (แม้ว่าผักกระป๋องจะให้สารอาหารเทียบไม่ได้กับผักสด หรือแช่แข็ง แต่พวกมันก็ยังดีกว่าชีสเบอร์เกอร์) ผักแต่ละชนิดต่างก็มีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไป ดังนั้น หยุดวิตกเรื่องที่คุณไม่ทานผักชนิดที่คนอื่นนิยมกัน คุณสามารถเลือกในสิ่งที่ชอบโดยไม่ต้องไปผูกติดอยู่กับใคร แต่สิ่งสำคัญสำหรับข้อนี้ก็คือ คุณต้องเป็นคนที่ชอบหรือกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ ค่ะ

เมนูสลัดแสนอร่อย

การนำผักหลาย ๆ ชนิดมาผสมผสานเป็นเมนูสลัด ไม่เพียงช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ตัวคุณเองยังไม่ต้องกล้ำกลืนทานแต่ผักชนิดใดชนิดหนึ่งด้วยค่ะ แต่การซื้อผักหลากหลายชนิดเพื่อทำเมนูสลัดสำหรับคน ๆ เดียวอาจจะดูยุ่งยากเกินไปสักหน่อย ถ้ายังไงลองหาซื้อสลัดที่ทำเป็นชุดสำเร็จรูปสำหรับทานคนเดียว หรือจะไปที่สลัดบาร์ตามศูนย์การค้า ที่สามารถเลือกผักแค่ในปริมาณที่เราจะทานค่ะ

รู้จักดัดแปลง

คุณไม่จำเป็นต้องทานแต่ผักดิบ ลองนำผักหลาย ๆ ชนิดมาดัดแปลงเป็นอาหารประเภทต่าง ๆ ดูบ้างค่ะ เช่น นำมาทานซุป สตูว์ หรือปรุงเป็นซอสราดสปาเกตตี้ เป็นต้น อาหารเหล่านี้ถึงจะมีผักหลายชนิดปนเปกันอยู่ แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะรสชาติออกมาเป็นอย่าง ๆ ได้ หรือถ้าจำเป็นต้องทานผักชนิดเดียว ก็ลองให้ปรุงด้วยวิธีที่แตกต่างกัน เช่น ลวก ต้ม นึ่ง ผัด อบด้วยไมโครเวฟ ซึ่งจะให้รสชาติไม่ซ้ำซากจำเจ

คุณอาจจะซอยผักให้มีขนาดละเอียดขึ้นแทนที่จะต้องกินแบบชิ้นโต ๆ ที่เห็นทีไรหมดความรู้สึกเจริญอาหารทุกที หรือแม้แต่การนำผักและผลไม้มาแปลงเป็นน้ำผัก และผลไม้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวค่ะ

เสริมด้วยผลไม้บ้าง

แม้ว่าผลไม้จะมีคุณค่าทางสาารอาหารที่พอจะทดแทนผักได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ฉะนั้น อย่าเลือกทานแต่ผลไม้โดยหลีกเลี่ยงไม่ทานผักเลย จริง ๆ แล้วอัตราส่วนผักกับผลไม้ที่แนะนำให้ทานต่อวันเท่ากับ 4:3 แถมผักยังมีสารอาหารและส่วนประกอบหลายอย่าง ที่คุณไม่สามารถหาทดแทนได้จากอย่างอื่นด้วยค่ะ

เติมคุณค่าด้วยอาหารเสริม

คุณอาจทานผักที่ถูกแปรมาในรูปของอาหารเสริมชนิดเม็ด หรือจะเป็นพวกวิตามินเสริมต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร แต่จำไว้ว่าอาหารเสริมเหล่านี้ เทียบไม่ได้กับการรับประทานผักตามธรรมชาติค่ะ

ยืดอายุด้วยการเดิน


ยืดอายุด้วยการเดิน
ใครที่ไม่ถูกโฉลกกับการออกกำลังกายอย่างแรง มีกิจกรรมที่แสนง่ายที่สุดในโลก ให้คุณได้ใช้พลังงานแล้วนะ อันได้แก่การเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินนี่แหละ ง่าย สะดวก และทุกคนสามารถทำได้ โดยผลที่เกิดขึ้นพบว่า ผู้หญิงที่เดินเร็วทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงต่อวัน จะลดโอกาสเป็นโรคอ้วน 24% และลดโอกาสเป็นโรคเบาหวานถึง 34%

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้หญิงรวมทั้งผู้ชายที่เดินมากกว่าสามชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะลดโอกาสเสี่ยงลงในการเป็นอัมพาตและโรคหัวใจลงเกือบครึ่ง แถมอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อนยังพลอยลดตามไปด้วย

สำหรับผู้สูงอายุ เด็กและประชาชนทั่วไป ควรเดินอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงต่อวัน ทุกวัน หรือ 3-4 วันต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งที่เดินควรจะติดต่อกันนานกว่า 10 นาที

หลักง่าย ๆ ก็คือ ควรจะค่อย ๆ เดินเร็วขึ้นเท่าที่จะเดินไหว แต่ก็ไม่เร็วจนหอบ ถ้าเดินเร็วไม่ได้ การเดินจงกรมกลับไปมาช้า ๆ อย่างมีสติ อย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน ที่สำคัญควรใส่รองเท้าที่เหมาะสมกันลื่น หกล้ม หลีกเลี่ยงการเดินในที่เปลี่ยว เดินบนทางเท้า หากมีโรคประจำตัวควรมีเอกสารแสดงไว้กับตั วและควรกันเหนียวด้วยการเตรียมเพื่อนเดินเสมอ

แต่ถ้าหากไม่มีเวลาจริง ๆ ควรเดินให้มากที่สุดเท่าที่จะมีเวลา เช่น เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ หากเดินแล้วปวดเข่าโดยเฉพาะคนอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ควรใช้ความร้อนประคบลดอาการปวด

อันที่จริงการเดินเป็นกิจวัตรประจำวันที่คนทั่วไปทำอยู่แล้ว เพียงแต่ยืดระยะเวลาและความเร็วในการเดินให้มากขึ้น ก็จะมีผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก ทำให้อายุยืนยาวขึ้น ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ลดโอกาสเป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันผิดปกติ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

การเดิน เป็นทางแห่งสุขภาพที่ทำได้ง่ายที่สุดทางหนึ่ง พูดง่าย ๆ รู้แล้วถ้ายังขืนขี้เกียจออกกำลังกายด้วยการเดินอีก ก็ไม่รู้จะร้องเพลงอะไรแล้ว