วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

“ไมเคิล แจ็คสัน” ราชาเพลงป๊อบก้องโลก





หลังจาก “ไมเคิล แจ็คสัน” แถลงข่าวเตรียมคัมแบล็กจับไมค์ทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้ง
เจ้าของฉายา “ราชาเพลงป็อป” ก็คงจะหมดโอกาสแล้ว เพราะเมื่อเวลา ตี 2 (ตามเวลาในประเทศไทย) “ไมเคิล แจ็คสัน” ได้เสียชีวิตลงด้วยการสันนิฐานจาก “หัวใจวาย” หลังจากถูกหามส่งโรงพยาบาล UCLA ด้วยวัย 50 ปี ณ ลอสแองเจลิส

จากการเปิดเผยของ TMZ และ หนังสือพิมพ์ latimes.com รายงานว่า ทีมแพทย์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูอาการของเขา พยายามจนสุดความสามารถก็ไม่อาจรั้งชีวิตของเขาจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ จนเมื่อญาติๆ ของเขารู้อาทิ ทลาโทยา พี่สาวของไมเคิล ถึงกับกระหืดกระหอบมาขอดูศพน้องชาย เป็นครั้งสุดท้าย ตามติดมาด้วยแม่ของเขา

“ไมเคิล” มีทายาททิ้งไว้ดูต่างหน้า 3 คน คือ ไมเคิล โจเซฟ แจ็คสัน, ปาริส ไมเคิล แคเธอรีน แจ็คสัน (ซึ่งเกิดจากการอุ้มบุญทั้งคู่กับ “เด็บบี่ โรวร์” และ พรินซ์ ไมเคิล แจ็คสัน ที่สอง (คนหลังนี่ยิ่งน่าสงสัยกว่า เพราะไม่มีใครเคยรู้เลยว่า แม่ของเด็กคือใคร? และฮือฮามากที่สุดที่มีข่าวว่าเป็นพ่อผิดวิปริต ที่หิวลูกวัยแบเบาะมามาโชว์นอกหน้าต่าง)
ชีวิตราชาป๊อบก้องโลก “ไมเคิล แจ็คสัน”


สมัยมาเปิด คอนเสิร์ต Dangerous World Tour ที่สนามศุภชลาศัย ในประเทศไทยนั้น เหตุผลที่ต้องเลื่อนการแสดงไป 3 วัน เพราะเขาถูกหมายจับจาก Santa Babara แจ้งข้อหาขณะพักอยู่โรงแรมโอเรียลเต็ลว่า ล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย ซึ่งส่วนหนึ่งในอดีตยังไม่มีอินเตอร์เน็ตแบบปัจจุบันเลยกว่าจะทำให้รู้ว่า “ไมเคิล” โดนคดีอะไรก็หอบผ้าเก็บกระเป๋ากลับกรุงเก่าไปเรียบร้อย
ชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ ของเขายังไม่จบเพียบเท่านั้น เพราะหลังจากโดนคดีรอบแรกไป เจอรอบ 2 อีกจากตำรวจ ที่เคยทำคดีชุดเดิมออกมาแฉ แต่หนนี้ก็หลุดคดีได้เพราะ “เงิน” ตัวเดียวที่ส่งไปให้พ่อของเด็กที่ฟ้องร้องไปถอนคดีแจ้งความ

จากนั้นไม่นานชีวิตบั้นปลายของ “ไมเคิล” ก็เริ่มดิ่งเหวเมื่ออัลบั้มสุดท้ายกับค่ายโซนีไม่พอใจการโปรโมทอัลบั้ม Invincible (ซึ่งอัลบั้มนี้ถือเป็นการทำงานสุดท้ายกับที่นี่ และต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่าช่วงนั้นวิวัฒนาการคนฟังเพลงเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว) จนเขาต้องขายคฤหาสน์หลังโตเนเวอร์แลนด์

ล่าสุดแฟนๆ ก็ต่างเฮดีใจที่ “ไมเคิล” จะกลับมาเปิดทัวร์คอนเสิร็ต เพื่อเรียกกระแสนิยมของตนให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเพียงฝันสลายซะแล้ว เพราะเขาได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ ทิ้งไว้แต่ผลงานดีๆ และความทรงจำอันทรงคุณค่าของเด็กยุค 90 ที่เคยเห็นเขามา “เขย่าเป้า” ในเมืองไทยให้เป็นที่จดจำไว้นานแสนนาน ♦

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น