วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ข้อคิดดี ๆ สะท้อนความทุกข์-สุข ในชีวิต


ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดแรง อาจจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของบทละครชีวิตที่เกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์แต่ละคน แต่เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว หลายคนกลับจำเศษเสี้ยวนี้ไปจนวันตาย ขณะที่ความสุข ความดีใจ ความหวัง อาจเกิดบ่อยครั้งในชีวิตของคนหลาย ๆ คน แต่มันกลับไม่ได้ถูกทำให้จำได้ง่าย ๆ เหมือนกับความผิดหวัง บางทีอาจจะผ่านมา แล้วก็ผ่านไปก็เป็นได้

แต่ถ้าหากเราสามารถปรับเปลี่ยนความทรงจำ ให้จดจำสิ่งที่ดี ๆ มีความสุข และลืมเศษเสี้ยวที่เลวร้ายของชีวิตออกไปได้ ชีวิตของเราคงเต็มไปด้วยความสุขและความหวังอย่างแน่นอน

และวันนี้เราก็มีข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับความสุขและความทุกข์....เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่คุณกะวาก๋า รวบรวมไว้มาฝากกัน

คล้ายว่าเข้าใจ...

ความสุขและความทุกข์

เรามักจะเหมารวมว่าคนรวยคือคนที่มีความสุข...

เปล่า...ผมไม่ได้มีปัญหากับความร่ำรวย แต่ผมไม่เชื่อว่าการมีเงินมาก ๆ จะเป็นคำตอบสุดท้ายของการมีความสุขในชีวิต

ผมรู้จักคนรวยมากมายที่มีความสุข และคนรวยมากกว่าที่ไร้สุข ครอบครัวปริร้าว มีปัญหาด้านสุขภาพ เครียด ไม่มีความสุข ยิ่งรวย ยิ่งเห็นแก่ตัว ฉกฉวยทุกสิ่งที่ไม่ใช่ของ ๆ ตัวเอง ความสุขในความหมายของการกอบโกยอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ได้เป็นความรวยเพื่อการแบ่งปันแต่อย่างใด

ผมเพิ่งรู้สึกเข้าใจความหมายของความสุขและความทุกข์ เมื่อไม่นานมานี้เอง ใจกำลังเกิดทุกข์ ทุกข์ที่ใจสร้างขึ้น ผมไปหยุดยืนมองดูภูเขาแห่งหนึ่งที่เมืองจีน ขุนเขาที่สลับซับซ้อนทอดตัวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา ผมบอกคุณไม่ได้ว่าในวินาทีนั้นผมรู้สึกอย่างไร และหลังจากกลับมาจากการท่องเที่ยวคราวนั้น ผมมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น และโดยต่อเนื่องกัน

ความทุกข์ในใจของผมลดน้อยถอยลงอย่างรู้สึกได้ ผมคงบอกคุณไม่ได้หรอกว่าผมไปเจออะไรในวันนั้น ที่ภูเขาลูกนั้น ที่ประเทศนั้น...ยกเว้นว่าคุณจะหามันเจอ
มนุษย์เราเรียนรู้ทุกอย่าง ตั้งแต่เชื้อโรคไปถึงดวงดาว แต่สิ่งที่มนุษย์ไม่เคยส่องดู และทำความรู้จักน้อยที่สุด ก็คือ ใจของตัวเอง...

เราไม่รู้ว่าใจเรามีกระบวนการทำงานอย่างไร ทำไมเราจึงมีความทุกข์ แล้วทำอย่างไรเราจึงจะไม่ทุกข์ เราลืมไปว่าทุกอย่างที่เราหามา ก็เพราะต้องการให้ใจมีความสุข

ความสุข-ทุกข์ มีขึ้น และหายไปที่ใจ แต่เราไม่เคยสะดุ้งตื่นมาค้นพบความจริงของใจว่า ใจเรานั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ปั่นป่วนอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่สามารถอยู่เฉย ๆ กับตัวเองได้นาน ต้อง คิด กิน ดู พูด ฟัง อยู่ตลอดเวลา ด้วยความหวังว่าเมื่อได้ทำสิ่งนั้นแล้ว มันจะพ้นสภาพจากความปั่นป่วนนี้

...แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรมากแค่ไหน "ความสุขที่แท้จริง" ก็ไม่เคยอยู่กับเรา
ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผมให้ฟัง...มันเกิดขึ้นหลังจากผมแต่งงานไม่นานนัก เราต่างก็มีปัญหากันทุกรูปแบบ ผมชักเอือมระอากับมัน เลยตัดสินใจว่า....จะยุติมันซะให้หมด....

เช้ามืดวันหนึ่ง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ผมหยิบเชือกมาไว้ในรถ ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะฆ่าตัวตาย ผมจึงเดินทางไปเมียเน่ห์ (ชื่อเมืองในประเทศอิหร่าน)

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1960.... ผมไปถึงสวนต้นหม่อน ผมจอดรถที่นั่น ตอนนั้นยังมืดอยู่ ผมโยนเชือกขึ้นไปบนต้นไม้ แต่มันเกี่ยวไม่อยู่สักที ผมลองหนหนึ่ง, หนสอง...แต่ไร้ผล เพราะฉะนั้นผมเลยปีนขึ้นต้นไป แล้วมัดเชือกจนแน่น ตอนนั้นผมรู้สึกว่า มีอะไรนุ่ม ๆ ใต้ฝ่ามือผม

ลูกหม่อนนั่นเอง ลูกหม่อนหวานฉ่ำ ผมกินไปลูกหนึ่ง มันหวานฉ่ำจริง ๆ ต่อมาก็ลูกที่สอง แล้วก็ลูกที่สาม ทันใดนั้นผมก็เห็นพระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นเหนือยอดเขา ทั้งพระอาทิตย์ ทั้งทิวทัศน์ ทั้งพฤกษชาติ ช่างงดงามอะไรอย่างนี้....!!!!

จู่ ๆ ..ผมก็ได้ยินเสียงเด็ก ๆ มุ่งหน้าไปโรงเรียนกัน พวกแกหยุดดูผม พวกแกขอให้ผมเขย่าต้นหม่อนให้... ลูกหม่อนร่วงลงไป แล้วพวกเด็ก ๆ ก็เก็บกิน ผมรู้สึกเป็นสุขมาก ๆ เลย.....เสร็จแล้วผมเลยเก็บลูกหม่อนเอากลับบ้าน....เมียผมยังหลับอยู่....พอเธอตื่น เธอเลยกินลูกหม่อนเข้าไปเหมือนกัน แถมเธอยังชอบมันซะด้วยสิ

ผมจากบ้านไปฆ่าตัวตาย แต่ดันกลับมาพร้อมลูกหม่อน ลูกหม่อนช่วยชีวิตผมไว้

ลูกหม่อนช่วยชีวิตผมไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น